ตอนที่ 208 ความคิดของอ๋องอันชิน
แววตาเสี้ยเฉิงเสี้ยงประกายเพลิงโกรธ “หากนางไม่ทำลายชื่อเสียงของข้า ข้าจะต้องทำแบบนี้ไหม?”
“หากไม่ใช่เพราะเจ้าคิดทำลายอนาคตนาง หากไม่ใช่เพราะเจ้าคอยบีบบังคับ นางจะทำแบบนี้กับเจ้าไหม? เจ้าไปเถอะ ข้ากับเจ้าเป็นสามีภรรยากันมาสิบเจ็ดปี ข้าไม่เคยใช้คำพูดแบบนี้พูดกับเจ้า นี่เป็นครั้งแรก และจะเป็นครั้งสุดท้าย ในฐานที่เป็นสามีภรรยากันมาสิบเจ็ดปี ข้าอยากเตือนเจ้า ทำบุญให้กับจวรเฉิงเสี้ยงกับเจ้าเยอะๆ อย่าทำอะไรที่เป็นการทำลายความรุ่งเรืองที่บรรพบุรุษสั่งสมไว้อีกเลย”
หลี่ซื่อพูดเสร็จ แล้วพูดกับหยางมามาว่า “ก่อนที่ข้าจะย้ายออกไปจากลานเสี้ยจื้อ ห้ามคนของจวนเฉิงเสี้ยงมารบกวน หากมีใครก้าวเข้ามาในลานเสี้ยจื้อหนึ่งก้าว ให้เสี่ยวเตาไล่ออกไป”
“รับทราบ” หยางมามาปลาบปลื้มในตัวหลี่ซื่อยิ่งนัก นางยิ่งรู้สึกว่า ตัวเองตัดสินใจติดตามหลีโม่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว
เสี้ยเฉิงเสี้ยงมองดูหลีโม่ แววตาประกายความโหดเหี้ยมและอำมหิต ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอร์ทำให้เขาไม่ปิดบังความเกลียดชังของตัวเองที่มี แสดงให้หลีโม่ได้เห็นอย่างไม่ปิดบัง ว่าเข้าต้องการให้นางตาย
หลีโม่ไม่หวาดกลัวเลยสักนิด ทั้งสองเป็นพ่อลูกกัน แต่กำลังเข้าสู่การต่อสู้กัน ไม่มีใครยอมใคร
หลังจากที่เสี้ยเฉิงเสี้ยงไม่พูดอะไรแล้ว หันไปมองหลี่ซื่ออย่างลึกซึ้ง แล้วหันหลังเดินจากไป
เขาเดินจากไปอย่างเด็ดเดี่ยว วินาทีที่หันหลังนั้น หางตาปกคลุมไปด้วยเยือกเย็น ไม่เหลือแม้ความหวังใดๆ
หลีโม่หันมา ยื่นแขนโอบกอดหลี่ซื่อ ตื้นตันอย่างยิ่งที่หลี่ซื่อออกมาเพื่อปกป้องตน
หลีซื่อตบหลังนางเบาๆ เสียงพูดแฝงความปวดร้าว “หากข้าเร็วกว่านี้หน่อย...........”
นางไม่ได้พูดต่อ แต่หลีโม่รู้ดี หากนางแข็งแกร่งเร็วกว่านี้ ลูกสาวของนางก็จะไม่ตาย
แต่ก่อนเป็นเพราะหลี่ซื่อจิตใจตรอมตรม ไม่ใช่ถดถอยและไม่ใช่อดกลั้น แต่เพราะไม่มีคาดหวังอะไรแล้ว นางไม่ได้คิดถึงลูกสาวของตัวเอง เป็นเพราะเหตุนี้ ตลอดชีวิตนี้ นางจะไม่ให้อภัยตัวเอง
หลี่ซื่อกับเสี้ยเฉิงเสี้ยงหย่ากันแล้ว ไม่ ตอนนี้ต้องเรียกว่าหลี่ช่วยหยุ่น ตอนนี้นางไม่ใช่หลี่ซือของใครอีกต่อไปแล้ว
หลี่ซื่อกับเสี้ยเฉิงเสี้ยงหย่ากันแล้ว ทางด้านจวนอ๋องอันชินรู้เรื่องอย่างรวดเร็ว
เป็นซือถูจิ้งที่มาบอกเขา
ตอนนั้นเขากำลังให้อาหารปลาอยู่ เมื่อได้ยินคำพูดของซือถูจิ้ง เขาเงยหน้า มองดูซือถูจิ้งแล้วตอบ “อืม”
“อืม? หมายความว่ายังไง?” ซือถูจิ้งถามขึ้น “เจ้าคิดจะทำยังไงต่อ?”
อ๋องอันชินมองดูนาง “จะทำยังไงอะไร?”
“ตอนนี้นางอิสระแล้ว นางหย่าแล้ว” ซือถูจิ้งพูดอย่างเน้นย้ำ
“อืม” เขาก็อืมอีก แล้วก็หันไปให้อาหารปลาต่อ
“โถ่เอ้ย เสี่ยวเอ้อหวังเหยของข้า เจ้าก็พูดสิ่งที่ในใจเจ้าคิดสิ” ซือถูจิ้งแย่งอาหารปลาในมือเขามา แล้วเททั้งหมดลงในทะเลสาบ
อ๋องอันชินมองดูปลาน้อยแย่งกันกินอาหาร ส่ายหัวแล้วพูดว่า “เจ้าให้อาหารปลาแบบนี้ จะมีอารมณ์อะไร?”
“อารมณ์บ้าอะไร ข้าถามเจ้า เจ้ารอนางมานานขนาดนี้ ตอนนี้นางไม่ใช่ฮูหยินของเฉิงเสี้ยงแล้ว ตอนนี้นางกลับมาเป็นคุณหนูหลี่แล้ว เจ้าคิดจะทำยังไง? ฮองไทเฮาเป็นกังวลกับเรื่องแต่งงานของเจ้ามากี่ปีแล้ว? เจ้ากลับตอบแค่อืม? เจ้าคิดจะทำให้นางโมโหตายหรือไง?” ซือถูจิ้งมือเอวตะคอกขึ้น
อ๋องอันชินแลหางตามองดูนาง “อย่างกับที่หมู่เฮาไม่เคยเป็นกังวลเรื่องของเจ้า”
ซือถูจิ้งอึ้ง “เรื่องของข้าเกี่ยวอะไรกับเจ้า? ตอนนี้เรากำลังพูดเรื่องของเจ้าอยู่ อย่าเปลี่ยนเรื่อง เจ้าจะทำยังไง ข้าจะให้ความร่วมมือเต็มที่ หรือให้ข้ารีบเข้าวังไปหาฮองไทเฮา ให้นางออกราชโองการแต่งงาน”
พูดจบ นางก็จะลุกไป
อ๋องอันชินยื่นแขนดึงนางไว้ ใบหน้าหล่อเหลารู้สึกขมขื่น “เจ้าไม่ต้องไป”
ซือถูจิ้งมองดูเขา “งั้นเจ้าพูดสิ เจ้าคิดจะทำยังไง?”
อ๋องอันชินปล่อยมือ ขมวดคิ้วครุ่นคิดแล้ววพูดขึ้นว่า “ข้าไม่รู้”
“มีอะไรไม่รู้? ความกล้าหาญในการสู้รบกับศัตรูของเจ้าล่ะ? เอากลับมาแล้วไปตามหาความรักของเจ้าอย่างกล้าหาญไง” ซือถูจิ้งพูดอย่างตื่นเต้น
อ๋องอันชินส่ายหัว “ตั้งแต่เด็ก สิ่งที่ข้าอยากได้ ล้วนต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา เพื่อเป้าหมายของตัวเอง ข้าไม่เสียดายที่จะต้องทุ่มเททุกอย่าง แต่ เสี่ยงกูกู เจ้าน่าจะเข้าใจ คนบางคน เจ้าจะต้องปกป้องอย่างถะนุถนอม นึกถึงความรู้สึกทุกอย่างของนาง เจ้าคิดว่า ตอนนี้นางจะยอมรับความรักครั้งใหม่หรือ?”
“เจ้าไม่เคยลอง จะรู้ได้ยังไงว่าไม่ได้? บางทีนางอาจจะยอมรับเจ้าก็ได้?”
อ๋องอันชินมองดูซือถูจิ้ง แววตาเป็นประกาย “ข้ารู้จักนาง พอๆกับที่ข้ารู้จักตัวเอง เสี่ยวกูกู ข้ารอมานานขนาดนี้แล้ว ก็รอต่ออีกสักหน่อย ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะรอได้ ดังนั้น ข้าไม่สนใจที่จะให้เวลานางอีกสักพัก ให้นางได้เดินออกจากจวนเฉิงเสี้ยงอย่างแท้จริง แต่ข้าจะไปบอกนางว่า ข้ายังคงรอนางอยู่ คราวนี้ไม่ใช่รอนางอิสระ แต่รอนางยอมรับชีวิตใหม่”
ซือถูจิ้งรู้สึกผิดหวัง “ข้าคิดว่า เจ้าจะรีบไปหานาง มีคนตั้งมากมายที่เฝ้ารอให้พวกเจ้าทั้งสองสมหวัง”
“เชื่อข้าเถอะ ไม่มีใครรอคอยไปกว่าข้าอีกแล้ว” อ๋องอันชินยื่นมือตบไหล่นาง แววตายังคงเป็นประกาย “คุ้มค่าไหม คนบางคนที่มีค่าพอให้เจ้าใช้ทั้งชีวิตในการรอคอย”
ซือถูจิ้งหันหน้ามาอย่างกะทันหัน น้ำตาเอ่อหางตา นางไม่มีคนแบบนี้ให้รอ นางเคยรักคนคนหนึ่งมาก รักจนยอมทิ้งศักดิ์ศรี แต่สุดท้าย นางกลับต้องเห็นเขามาสู่ขอคนใช้คนสนิทของตนไปต่อหน้าต่อตา
ในวันแต่งงานของพวกเขา คนใช้แต่งออกจากตำหนักองค์หญิง นางมองดูเขานั่งอยู่บนม้าขาว หล่อเหลาสง่างาม มาดเข้ม เหมือนดั่งที่นางฝันไว้
แต่เขาไม่ได้มาสู่ขอนาง เขามาสู่ขอคนใช้ของนางไป
หลังจากวันนั้น นางไม่เคยปล่อยให้ตัวเองเมาอีกสักครั้ง เพราะนางรู้ว่าเมื่อนางเมา นางจะคิดถึงคนคนนั้นอย่างบ้าคลั่ง นางทนไม่ได้กับความรู้สึกคิดถึงแบบนั้น และทนกับความเจ็บปวดนี้ไม่ไหว
ตรงข้อมือ มีรอยแผลเป็นหลายรอย เป็นรอยที่เมื่อนางทนไม่ได้จึงใช้มีดกรีดเพื่อเตือนสติตัวเอง ไม่ปล่อยให้จิตใจตัวเองฟุ้งซ่านอีกต่อไป
เหล่าเอ้อมีความสุข เขายังรอได้ ตอนนี้ยังดูเหมือนรอจนจะได้มาแล้ว ทำไมเขาจะต้องรีบร้อน? ในเมื่อเขายอมที่จะใช้ทั้งชีวิตของเขาเพื่อเฝ้ารอคนคนหนึ่ง จะใส่ใจทำไมว่าเมื่อไหร่จะสมหวัง
อ๋องอันชินยื่นมือ ลูบผมของซือถูจิ้ง แล้วพูดขึ้นเสียงเบาว่า “เสี่ยวกูกู สมควรปล่อยวางแล้ว”
“ปล่อยวางแต่แรกแล้ว” เสียงของซือถูจิ้ง แฝงไปด้วยหัวใจที่แตกสลาย
“หากปล่อยวางแล้ว หลายปีมานี้เจ้าคงไม่เที่ยวเตร่แบบนี้” อ๋องอันชินถอนหายใจเบาๆ เขาเห็นใจเสี่ยวกูกูจริงๆ และโกรธคนคนนั้นมาก
“ไม่เกี่ยวกับเขา มีบางคน” ซือถูจิ้งเงยหน้า มองดูคลื่นบนผิวน้ำ “เจ้าต้องใช้ทั้งชีวิตถึงจะรู้ว่ากับเขามีเพียงบุญที่ได้เจอไม่มีวาสนาที่จะได้อยู่ด้วยกัน และเจ้าจะไม่ปล่อยมือไม่ได้ เพราะ เจ้าตายแล้ว ทุกอย่างทั้งหมดก็ล้วนต้องปล่อยวาง”
“บางที ข้าก็อยากที่จะฆ่าเขาให้ตาย” อ๋องอันชินมองสีหน้าดั่งใจแตกสลายของซือถูจิ้งอย่างห่วงใย พูดออกมาอย่างขบกราม
ซือถูจิ้งเงยหน้าหัวเราะ “ดี เจ้าไปช่วยข้าฆ่าเขาเลย แล้วข้าก็จะได้ตายได้แล้ว”
“พูดไปเรื่อย” อ๋องอันชินพูดเสียงดุ
ซือถูจิ้งเอามือกุมหน้าอก หัวเราะอย่างน่าขำทั้งน้ำตา แล้วถอนหายใจยาว “ใช่ ข้ากำลังพูดไปเรื่อย”
แต่ ถ้าตายแล้ว ในใจคงไม่เจ็บปวดอีก
และไท้เป่าถึงแม้จะสืบสวนจนกระจ่างแล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำอย่างที่บอก ว่าจะส่งมอบทุกอย่างให้ที่ไต่ถามแจ้งให้กับหยาเหมินทั้งหมด
เขายังเก็บงำไว้ สั่งให้คนจัดการเรียบเรียงคำให้การในวันนั้น ส่งให้กับจิ้นโก๋วกง และประทับตราของตัวเอง นี่เป็นการเตือนจิ้นโก๋วกง นี่เป็นโอกาสครั้งสุดท้าย ให้จิ้นโก๋วกงอย่าได้กระทำอะไรที่ผิดพลาดอีก
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ไท้เป่าเห็นแก่ส่วนตัว อายุเยอะแล้ว จิตใจจึงไม่ได้แข็งกระด้างเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เขามองดูญาติพี่น้องของน้องค่อยๆล้มละลาย จนในใจรับไม่ไหวแล้ว
และสาสน์ฉบับนี้ ไท้เป่ายังสั่งให้ส่งไปให้หลี่ซือหนึ่งฉบับ ความในสาสน์ ลำดับเหตุการณ์ว่าจวนเฉิงเสี้ยงมีส่วนร่วมในการร่วมวางเพลิงตั้งแต่ต้นจนจบอย่างไร ล้วนเป็นสิ่งที่เขาลำดับเหตุการณ์เอง แต่กลับถูกต้องทุกอย่าง
หากสาสน์นี้ถูกเปิดเผย ยังไม่พูดถึงว่าจะเอาผิดจวนเฉิงเสี้ยงได้หรือไม่ แต่เพียงพอที่จะทำลายชื่อเสียงของจวนเฉิงเสี้ยงให้ราบคาบ
เพราะนั่นเป็นคำพูดของขุนนางที่มีอำนาจที่สุด และสิ่งที่เขาพูด ล้วนสัมพันธ์กับความเป็นจริง
สาเหตุที่ส่งให้หลี่ซื่อ เพราะไท้เป่ารู้สึกผิด เขาคิดว่าเขากระทำการเห็นแก่ส่วนตัวแล้ว
และในสาสน์นี้พูดไว้อย่างมากมาย แต่อธิบายเพียงเรื่องเดียว นั่นก็คือเป็นกลอุบายที่เสี้ยเฉิงเสี้ยงกับนายหญิงแก่วางแผนทำร้ายเสี้ยหลีโม่
ไท้เป่ารู้สึกผิด สาสน์ที่ส่งให้หลีซื่อจึงเป็นเหมือนสิ่งทดแทน
เรื่องที่จริงต้องเป็นเรื่องใหญ่ เพราะต่างคนต่างก็มีความคิด จึงจบลงแบบนี้แหละ
ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่หลีโม่คิดไว้ เหลียงซื่อจะไม่ให้การซีเหมินเสี่ยวเยวี่ย เพราะนางเกลียดซีเหมินเสี่ยวเยวี่ย เกลียดจวนโก๋วกง แต่ลูกชายลูกสาวของนางล้วนเป็นคนของจวนโก๋วกง หากจวนโก๋วกงล้มสลายแล้วจริงๆ ก็หมายความว่าอนาคตก็พวกเขาก็จะดับไปด้วย
โดยเฉพาะซีเหมินเสี่ยวชิ่งที่ตอนนี้ยังนอนอยู่ในคุก หากยังโดนจวนโก๋วกงส่งผลกระทบ อนาคตยิ่งน่าเป็นห่วง
นี่เป็นความเห็นแก่ตัวและความเสียสละที่ยิ่งใหญ่ของคนเป็นแม่
บีบบังคับให้เสี้ยเฉิงเสี้ยงหย่ากับซีเหมินเสี่ยวเยวี่ย ก็เป็นการเอาคืนซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยอย่างที่สุดแล้ว
ความก้าวร้าวของเหลียงซื่อเป็นการกระทำให้คนอื่นดูเท่านั้น สุดท้ายนางก็ใจอ่อนให้กับคนของจวนโก๋วกง
เมื่อเหลียงซื่อไม่พูด หลีโม่ก็รู้ว่าหากตนพูดไปก็ไม่มีน้ำหนัก ในเมื่อไม่สามารถเอาผิดเสี้ยเฉิงเสี้ยงกับนายหญิงแก่อย่างมั่นใจ นางก็ไม่จะเป็นต้องดิ้นรน เสียแรง เสียเวลาเปล่าๆ
ในลานเสี้ยจื้อ
ตอนนี้เฉินหลิ่วหลิ่วโคตรเบื่อ เพราะเซี่ยวโธ่กับซือถูเย้นไปอยู่ในเมืองหลวง
“เหมียนเฉิงไม่มีเรื่องอะไรแล้ว แต่ถามเขาก็ไม่ยอมบอกว่าเซี่ยวโธ่ไปไหน เจ้าว่าเขากับท่านอ๋องไปไหนกัน? ทำไมยังไม่กลับมา?” เฉินหลิ่วหลิ่วถามหลีโม่อย่างครุ่นคิด
หลีโม่ตอบอย่างไม่เงยหน้า “เขาสามารถทิ้งงานราชการออกไปตั้งหลายวัน จักต้องมีเรื่องด่วนเป็นแน่ เจ้ารออีกหน่อย เขาไปได้ไม่กี่วันหรอก”
เฉินหลิ่วหลิ่วหน้าเศร้า “เป็นแบบนี้ไม่ผิด แต่ว่าข้าไม่เหมือนเจ้า หลีโม่ ข้ามีเวลาเหลืออีกไม่นานแล้ว”
หลีโม่อยากจะบอกนางว่า บางทีพรหมลิขิตเราสามารถกำหนดได้ แต่เมื่อคิดถึงตอนเองที่ข้ามภพมา บวกกับต้องเจอเรื่องราวต่างๆหลังจากที่มาถึง เมื่อจะพูดคำนี้จึงดูน่าขำ
“จะดีขึ้นเอง เชื่อมั่นในตัวเองหน่อย” หลีโม่ปลอบนาง ในมือก็วาดต่อไป
เฉินหลิ่วหลิ่วขยับเข้ามา “เจ้ากำลังวาดอะไรกันแน่? ตั้งแต่ข้าเข้ามาเจ้าก็เอาแต่วาดอยู่นั่นแหละ โอ้พระเจ้า หลีโม่เจ้าช่างหน้าไม่อาย ทำไมถึงวาดผู้ชายไม่ใส่เสื้อผ้าแบบนี้? พระเจ้า ไหนให้ข้าดูหน่อย ข้าอยากดู”
“หุบปากเลย อย่าเอะอะ” หลีโม่อยากจะหุบปากโตๆของนางไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...