พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 210

ตอนที่ 210 คนดวงซวยถูกหมาไล่

หลีโม่เอียงหัวดูนาง ”งั้น เจ้าชอบเขาจริงๆเหรอ?”

เฉินหลิ่วหลิ่วตอบด้วยความจริงใจ “ใช่ ข้าชอบ เขาไม่เหมือนองค์ชายตระกูลสูงส่งทั่วไป เวลาที่เขามองดูผู้คน ในแววตาจะมีดวงตาสีดำสองดวง”

“ใครไม่มีดวงตาสีดำสองดวง?” หลีโม่ถามแบบไม่สบอารมณ์

“ไม่ คือว่าเป็นดวงตาที่มีสีดำแวววาว จู๋หมู่ของข้าเคยบอกว่า ถ้าหากมีใครสักคนที่มีดวงตาสีดำแวววาว แสดงว่าจิตใจของคนผู้นี้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นคนดี”

ขณะที่นางกำลังพูดอยู่ ก็ได้จดจ่อมองเข้าไปในดวงตาของหลีโม่ “ดวงตาของเจ้าเป็นสีน้ำตาลเล็กน้อย หลีโม่ เจ้ามีจิตใจที่โหดร้าย”

หลีโม่มองเข้าไปในดวงตาของนาง ดวงตาสีดำทั้งสองหมุนไปมา คิดถึงนิสัยใจคอของเฉินหลิ่วหลิ่วแล้ว นางเป็นคนที่จิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่จริงๆ

“นี่มันไม่ตามหลักวิทยาศาสตร์” หลีโม่พูด

“อะไรคือหลักวิทยาศาสตร์?” เฉินหลิ่วหลิ่วถามขึ้น

“ไม่มีอะไร เจ้าคิดว่าจิตใจข้าโหดร้ายไหม?” หลีโม่ถามขึ้น

เฉินหลิ่วหลิ่วส่ายหัว “ก็ไม่ได้รู้สึกนะ แต่ข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนที่มีความอดทนสูงมาก ขนาดจวนเฉิงเสี้ยงทำกับเจ้าแบบนี้ เจ้ายังอดทนได้ แต่ว่า จู๋หมู่ของข้าบอกว่าเจ้าต้องอดทนไปก่อน”

“เจ้ากับจู๋หมู่ของเจ้าได้เปิดใจพูดถึงข้างั้นหรือ?” หลีโม่รู้สึกประหลาดใจ นึกว่าเฉินไท้จุนไม่ชอบติฉินนินทา

เฉินหลิ่วหลิ่วพูด “วันนั้นกลับจากงานแต่ง จู๋หมู่พูดบนรถม้าว่า นายหญิงแก่ยิ่งอยู่ยิ่งชักจะหน้าไม่อาย มันจะถึงเวลาที่สุนัขต้องกระโดดข้ามกำแพงละ หากเสี้ยหลีโม่รู้จักวิธีอดทน ก็ไม่ต้องไปแตะหางหมาบ้า ไม่อย่างงั้นจะเป็นการบีบบังคับพวกเขาจนเป็นบ้าหมด ถึงแม้สุดท้ายแล้วจะสามารถกำจัดเขาออกไปได้ แต่ก็จะเกิดความเสียหายกับตัวเองไม่น้อย”

หลีโม่รู้สึกปลาบปลื้มในตัวเฉินไท้จุน เป็นอย่างนั้นจริงๆ นี่เป็นเหตุผลที่นางต้องอดทนต่อไป

จวนเฉิงเสี้ยงในวันนี้ ไม่สามารถใช้ไม้อ่อนได้แล้ว แต่ต้องรอจัดการนัดเดียวให้จบ

เวลาในการจัดการกับพวกเขาทีละเล็กทีละน้อยมันได้หมดลงแล้ว ถึงตอนนี้ จะต้องหาจุดอ่อน นางกำลังรอจุดอ่อนนั้นอยู่

แต่ นางมั่นใจว่าไม่จำเป็นที่นางต้องหาจุดอ่อนนั้นเจอ เสี้ยเฉิงเสี้ยงต้องเดินเข้ามาหาเอง

เขาไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว

เมื่อถึงหน้าประตูตำหนักอ๋องเหลียง ทั้งสองเดินลงจากรถม้า แล้วให้ผู้ติดตามรออยู่ด้านนอก

อ๋องหลี่ชินกำลังจูงสุนัขอยู่บนเรือน เฉินหลิ่วหลิ่วเดินขึ้นไป “ท่านอ๋อง จู๋หมู่ให้ข้ามาเอาสุราก๋วยฮัว”

อ๋องหลี่ชินกวาดสายตาผ่านไปมองหลีโม่แล้วพูดว่า “ไหเดียวหรือ”

หลีโม่พูดว่า “ท่านอ๋องวางใจได้ ข้าไม่เอา”

อ๋องหลี่ชินเปล่งเสียงอืมหนึ่งคำ สั่งคนใช้ไปเอาสุรา แต่ให้เฉินหลิ่วหลิ่วตามไปด้วย เขานั่งข้างเรือนบนเก้าอี้หินอ่อนแล้วเล่นอยู่กับสุนัข

เป็นสุนัขขนสีเหลืองตัวใหญ่มาก เลี้ยงได้อ้วนท้วมสมบูรณ์จริงๆ เป็นพันธุ์ขนสั้น ทั้งตัวมีแต่กล้ามเนื้อ เวลาเดินเหิน กล้ามเนื้อยิ่งเบ่งออกมาให้เห็นชัดเจน ดูแล้วก็น่ากลัวพอสมควร

สุนัขตัวนี้ไม่ได้เห่าพวกนาง เห็นได้ว่าอ๋องหลี่ชินฝึกไว้อย่างดีมาก

หลีโม่เห็นว่าตอนนี้เหลือแค่นางกับอ๋องหลี่ชินอยู่ด้วยกันสองต่อสอง จึงคิดขึ้นว่าอยากจะทดลองถามข้อมูล “เอ่อ ท่านอ๋องมีความรู้ด้านการแพทย์ไหม?”

อ๋องหลี่ชินตอบเสียงเบาๆว่า:”ไม่”

“วันนั้นเห็นท่านอ๋องบอกว่ากุ้ยหยวนอยู่ในอาการช็อก ข้าเลยคิดว่าท่านอ๋องมีความรู้ด้านการแพทย์ หลีโม่เดินเข้าใกล้อีกก้าว สุนัขตัวนั้นวิ่งเข้ามาอ้าปากขู่ขึ้นมา นางตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว ไม่กล้าเข้าใกล้อีก”

“ต้าจินไม่ชอบคนแปลกหน้า เจ้าอยู่ห่างๆไว้แล้วกัน” อ๋องหลี่ชินปัดมือให้ถอยออกไป

“ได้ ได้” หลีโม่กรอกตาไปมา “ท่านอ๋องชอบสุนัขหรือ?” ไม่รู้ว่าท่านชอบจินเหมาและกุ้ยปินหรือเปล่า?

“มันคืออะไร?”

“สายพันธุ์ของสุนัขไง” หลีโม่เดาว่าเขาเป็นคนบ้านเดียวกัน แต่ไม่รู้ว่าเขาข้ามภพมาในยุคไหน ยุค70 หรือว่า60 ในเวลานั้นคนในประเทศยังไม่มีการริเริ่มเลี้ยงสุนัข

สถานการณ์ค่อนข้างไม่ดี เสียงอ่อนขอร้องสักครั้งก็ไม่เป็นไร

อ๋องหลี่ชินถามขึ้นด้วยอย่างโมโห “เมื่อกี้เจ้าร้องเพลงแรก ยังร้องไม่เสร็จทำไมถึงเปลี่ยนร้องเพลงที่สอง?”

“อ๋า?” หลีโม่อึ้งไปครู่หนึ่ง

“เจ้าร้องเพลงแรกให้จบ” ร้องไม่จบ ในใจเขารู้สึกไม่ดี จะละลายตัวเข้าไปในอ้อมอกอะไร? กล้ามเนื้อหน้าอก? หน้าอก?

โรคย้ำคิดย้ำทำอะไร โรคจิตอะไร

หลีโม่ร้องเพลงคล้องม้าจบแล้ว จากนั้น อ๋องหลี่ชินก็ให้นางร้องเพลงที่สองจนจบ ถึงจะจูงต้าจินออกไป

หลีโม่ไถลลงมาจากต้นไม้ ทั้งขาและท้องอ่อนแรงไปหมด

เฉินหลิ่วหลิ่วหัวเราะแล้วเข้าไปประคอง เกือบจะปล่อยสุรากุ้ยฮัวตกแตกแล้วเชียว

อ๋องหลี่ชินจูงต้าจินไว้ พูดกับหลีโม่อย่างเคร่งขรึม:”ต่อไปอย่าได้เสียมารยาทแบบนี้อีก”

“ไม่กล้าแล้ว ไม่กล้าอีกแล้ว”หลีโม่ขอโทษอย่างรวดเร็ว

เคยเห็นผีแล้วยังไม่กลัวความมืดหรือ? ไม่เข้าใจจริงๆว่าตัวเองเป็นบ้าอะไร กล้าไปทดสอบว่าเขาเป็นคนข้ามภพหรือไม่

หรือว่า ครั้งนี้ที่เขาพูดถึงอาการช็อก หรือว่าที่จริงแล้วไม่ใช่สองคำนี้ หรือตัวเองฟังผิดไป

ดูตามนิสัยของเขาแล้ว ถ้าเป็นคนบ้านเดียวกันจริงๆ ก็ไม่ได้มีความคิดแบบเดียวกันกับตน สนิทสนมและดีกับคนโบราณอย่างเฉินหลิ่วหลิ่วและซือถูจิ้งยังจะดีกว่า

แม้กระทั่งผู่กั๋วกง ก็เป็นกันเองมากกว่าเขา

ตอนยังเดินห่างจากรถม้า เฉินหลิ่วหลิ่วยังหัวเราะอยู่ “หลีโม่ ทำไมเจ้าถึงร้องเพลงให้อ๋องหลี่ชินฟัง? เขาคนนี้ไม่มีงานอดิเรกอะไรเลย ก็มีแต่ชอบฟังคนอื่นร้องเพลง แต่ว่า ไม่มีใครอยากจะร้องเพลงให้เขาฟัง ร้องเพลงซ้ำแล้วซ้ำอีก ร้องจนคนร้องจะเป็นบ้าตาย”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม