ตอนที่ 262 คนขยี้ประเด็นร้อน
หลีโม่ยังคิดจะสอบถามต่อ แต่เห็นได้ชัดว่าซือถูเย้นไม่อยากจะสนทนาหัวข้อนี้ต่อแล้ว เขาค่อนข้างจะเป็นกังวลกับอีกปัญหาหนึ่ง “หลายวันมานี้เจ้าศึกษาเจออะไรกันแน่? เจ้ามั่นใจหรือไม่? ”
หลีโม่พูดว่า “มีเบาะแสขึ้นมาบ้างแล้ว ข้าออกมาหาของบางอย่าง”
“หาอะไร? ” ซือถูเย้นเอ่ยถาม
หลีโม่อธิบายออกมาว่า “ท่านยังจำจิ่นเฉิงที่เมื่อก่อนเคยถูกกัดได้หรือไม่? แต่เขากลับไม่มีอาการป่วยใดๆ ดูจากที่เขาพูดมา ก่อนที่เขาจะกลับไปถึงนอกเมือง ก็หยิบสมุนไพรสุ่มสี่สุ่มห้ามาทา ในที่สุดมันก็กลายเป็นพิษ ยังจำได้หรือไม่? ”
“ยังจำได้ แต่พวกเราก็ไม่แน่ใจว่าเขาใช่ถูกผู้ที่ป่วยเป็นผีดิบนั้นกัดจริงหรือไม่” ซือถูเย้นกล่าว
หลีโม่พูดว่า “ควรจะเป็นเช่นนั้น ครั้งนี้เขาถูกกัดแล้ว แต่ร่างกายของเขากลับมีภูมิต้านทาน จึงทำให้ไม่มีอาการป่วยเกิดขึ้น องครักษ์จินและพี่หวางที่ถูกกัดพร้อมกับเขา ก็เริ่มป่วยขึ้นมาแล้ว”
“จิ่นเฉิงไม่ป่วยงั้นหรือ? ” ซือถูเย้นตะลึงงัน หลายวันมานี้เขาไม่ไปหาหลีโม่เลย ส่วนสำคัญก็เพราะไม่อยากเจอจิ่นเฉิงที่โรคกำลังกำเริบ
“ใช่เพคะ การเต้นของหัวใจและชีพจรของเขาเป็นปกติมากเพคะ”
“แปลกประหลาดขนาดนี้เชียวหรือ? ” ซือถูเย้นไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก “วันนั้นพวกเราต่างก็เห็นว่าเขาเองก็ถูกหวางหยูกัดเหมือนกัน เหตุใดเขากลับไม่มีอาการป่วยอะไรล่ะ? ”
“นี่ไม่น่าแปลกใจเลยเพคะ มีบางโรคที่หลังจากเคยเป็นมาครั้งหนึ่งแล้ว ก็จะมีภูมิคุ้มกันไปตลอดชีวิต”
“ดังนั้น สิ่งที่พวกเราต้องออกไปหาในตอนนี้ก็คือสมุนไพรที่จิ่นเฉิงเคยใช้ในวันนั้นใช่หรือไม่? เช่นนั้นเหตุใดถึงไม่พาจิ่นเฉิงออกมาด้วยเล่า? มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าเคยใช้สมุนไพรอะไรไปบ้าง”
“จิ่นเฉิงออกไปก่อนแล้วล่ะ” หลีโม่กล่าว
วันนี้จิ่นเฉิงออกจากเมืองไปตั้งแต่เช้าแล้ว เขากลับไปที่เนินเขาเล็กๆ แห่งนั้น อันที่จริงเขาก็ลืมไปแล้วว่าสมุนไพรอะไรที่เขาเก็บไปบ้าง ถึงอย่างไรตอนนั้นก็ต้องไปหาหมอให้เร็วที่สุด จึงหยิบสมุนไพรที่หามาได้เล็กน้อย นำมากดบนแผลเพื่อห้ามเลือดเอาไว้ หลังจากนั้นกระทั่งเกิดอาการของโรคที่หัวใจจะเต้นเร็วกว่าปกติและเวียนหัว เขาก็ยิ่งหลงลืมไปมากกว่าเดิม
แต่มีจุดหนึ่งที่สามารถยืนยันได้แน่นอน นั่นก็คือเขาโดนพิษ
ตอนที่หลีโม่กับซือถูเย้นไปถึงนั้น จิ่นเฉิงก็เก็บสมุนไพรมากองไว้ข้างถนนจำนวนมาก มีแต่สมุนไพรที่เขาคลับคล้ายคลับคลาเท่านั้น ตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะใช่หรือไม่
เมื่อเห็นหลีโม่กับซือถูเย้นมาถึง เขาลุกขึ้นมาพูดว่า “ท่านอ๋องก็มาด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ? ”
“อืม” ซือถูเย้นมองไปที่จิ่นเฉิง เห็นเขาไม่มีลักษณะของคนป่วยจริงๆ ถึงค่อยสบายใจขึ้นมาบ้าง
หลีโม่มองครู่หนึ่ง ก็พูดว่า “สมุนไพรพวกนี้ไม่มีพิษทั้งนั้นเลย”
จิ่นเฉิงท้อใจเล็กน้อย “จริงหรือขอรับ? ข้าเก็บมาเกือบจะทุกชนิดของที่นี่มาแล้วนะ”
หลีโม่กล่าวว่า “ลองไปหาดูอีกเถอะ”
ทั้งสามคนเห็นเนินเขาเล็กตลอดข้างทาง จิ่นเฉิงเองก็บอกไม่ถูกว่าตนเก็บยาอยู่ที่ไหนกันแน่ ดังนั้นพื้นที่ในการหาก็ต้องเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
แต่ถ้าเป็นอย่างที่จิ่นเฉิงพูดมาจริง เขาเก็บมาเกือบจะทุกชนิดของที่นี่มาแล้ว หลีโม่กับซือถูเย้นหาอย่างไร ก็หาไม่เจอชนิดอื่น
อีกทั้งที่นี่ก็ไม่มีสมุนไพรที่มีพิษ นอกจากต้นกระดาดที่อยู่เนินเขา
แต่จิ่นเฉิงก็บอกว่าไม่เคยใช้ต้นกระดาดนี้เลย เพราะเขารู้ว่ามันมีพิษ
นี่มันน่าแปลกใจเกินไปแล้ว หรือว่าสมุนไพรพิษชนิดนี้จะมีเพียงต้นเดียว และบังเอิญถูกจิ่นเฉิงเก็บไปทาที่บาดแผลหรือไม่?
“เป็นไปได้หรือไม่ว่าสมุนไพรหลายชนิดนำมาผสมกันจะทำให้เกิดพิษ? ” ซือถูเย้นเอ่ยถามข้อสงสัยออกมา
“มีความเป็นไปได้เพคะ” หลีโม่มองดูอย่างละเอียดครู่หนึ่ง สมุนไพรเหล่านี้ค่อนข้างธรรมดา หญ้าคา, อีหรุดและผักกาดน้ำเป็นต้น สามารถนำมาทำเป็นยาได้ แต่ในตัวของพืชเหล่านี้ไม่มีพิษอะไร
แต่การเสนอข้อคิดเห็นของซือถูเย้นนั้นมีประโยชน์มาก มีสมุนไพรยาบางชนิดที่เกิดปะปนอยู่ด้วยกัน ไม่น่าว่าอาจจะทำให้เกิดพิษได้
เมื่อตระกูลหูเป็นคนนำ ตระกูลพาณิชย์ตระกูลอื่นก็พากันทำตาม เห็นได้ชัดว่าการโฆษณาความคิดในยุคนี้ก็มีแล้ว
ถึงขั้นต้องขยี้ตามประเด็นร้อนกันเลยทีเดียว ในชั่วโมงนี้ใครที่สนับสนุนเสี้ยหลีโม่ ก็สามารถได้รับความดีความชอบไปด้วย
ครั้งนี้ตระกูลเฉินส่งแม่ทัพเฉินสิบสองนายมารักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อย ขวางพวกคนที่มาส่งของขวัญทั้งหมดเอาไว้ที่หน้าประตู ให้ต่อแถวกันเข้าไป เมื่อรับของขวัญมาแล้วก็จดชื่อลงไปจากนั้นก็ส่งให้กลับออกไป
วันนี้เฉินไท่จูนก็มาด้วย มองของขวัญที่วางเต็มไปหมด นางก็เม้มปากยิ้มออกมา
“ห้าสิบส่วนดีหรือไม่? ” นางถามหลีโม่
หลีโม่ยิ้มแล้วพูดว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร? ”
“งั้นหกสิบสี่ส่วนเป็นไง? ถึงอย่างไรข้าก็ให้ยืมลานบ้านแล้ว อีกทั้งเสาหลักทั้งสิบสองต้นของตระกูลเฉินข้าก็ยังออกมาช่วยเจ้าอีก” สายตาของเฉินไท่จูนเป็นประกาย
“บ้านข้าก็มีลานบ้าน เมื่อก่อนข้าก็อยู่ที่จวนหลี่ได้” หลีโม่นั่งลง เปิดของขวัญออกอย่างช้าๆ ทั้งหมดล้วนเป็นสมุนไพรจีนที่มีชื่อเสียงและราคาแพง สมุนไพรมีชื่อเสียงและราคาแพงที่ส่งมาในครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นร้านขายยาสมุนไพรจีน และแน่นอนว่าร้านค้าอื่นๆ ก็มีมากเหมือนกัน เพียงแต่ของที่มาไม่ใช่พวกสมุนไพรจีนก็เท่านั้น
ทุกคนล้วนหวังว่าวันข้างหน้าหลังจากที่หลีโม่ศึกษาและผลิตยารักษาที่ดีออกมาได้ จะได้พูดชื่อร้านของตัวเองไปด้วย
ร้านขายยาเป็นตัวแทนที่ดีงามที่สุดของการขยี้ประเด็นร้อนนี้ เจ้าของร้านขายยาจำนวนมากกล่าวอย่างหน้าไม่อายว่าให้พูดออกมาตามที่ตนต้องการ หลีโม่ต้องบอกกับทุกคนว่า ใช้ยาสมุนไพรร้านของเขารักษาดีที่สุด
“หนึ่งส่วนเก้าส่วน ข้าเก้า ท่านหนึ่ง” หลีโม่พูดออกไปตรงๆ
เหล่าไท่จูนถอนหายใจออกมาอย่างแรง “เจ้าขี้เหนียวเกินไปแล้วกระมัง? ”
“เหล่าไท่จูน ท่านให้ใช้ลานบ้านนี้ ก็สามารถได้เงินจำนวนมากอย่างสบายๆ ข้อตกลงนี้ ข้าไม่มีกำไรอะไรเลยจริงๆ ”
“คนใช้แรงงานก็ต้องการนะ” เหล่าไท่จูนยู่ปากขึ้น แล้วมองไปยังเสาหลักของบ้านทั้งสิบสองต้นของตระกูลนางอย่างได้ใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...