ตอนที่ 263 คนที่เข้าไปในพื้นที่โรคระบาด
หลังจากที่คนส่งของขวัญจากไปแล้ว ก็มีขุนนางในราชสำนักเข้ามาเยี่ยมคารวะ
เหล่าไท่จนกล่าวด้วยเสียงแปลกแปร่งว่า “น่าแปลกจริงๆ เมื่อก่อนทุกคนที่เจอเสี้ยหลีโม่ ก็เหมือนกับเจอุจจาระ ใครก็ไม่กล้าเข้าใกล้เพราะกลัวได้รับกลิ่นเหม็นเน่า ตอนนี้ทุกคนกลับกล้าเข้ามาใกล้ น่าแปลก น่าแปลก! ”
ไม่มีใครสนใจว่าเหล่าไท่จูนนะพูดอะไร คนที่อยู่ในวงการขุนนาง จะมีใครหน้าด้านมากพอที่มองไปยังหน้าประตูอีกล่ะ?
ขอแค่คุณหนูใหญ่เสี้ยมีความสุข ทุกอย่างก็ง่ายต่อการจัดการ
ตอนที่เหล่าไท่จูนกลับไปแล้ว เฉินหลิ่วหลิ่วยังตื่นเต้นอยู่บนรถม้า “คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนรักหลีโม่มากมายขนาดนี้ น่าดีใจแทนนางจริงๆ เลย”
เหล่าไท่จูนส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เจ้าเด็กโง่ เจ้าเข้าใจอะไรบ้าง? ถูกคนทั่วทั้งแคว้นคอยประจบประแจง ไม่ได้มีความสุขเลย ถ้าหลีโม่ฉลาดพอ ก็คงจะมองความจริงออกอย่างชัดเจน หากนางรักษาได้ไม่ดี เจตนาดีของประชาชนในวันนี้ก็จะกลายเป็นเจตนาร้ายเป็นหมื่นเท่า สามารถฉีกทึ้งนางเป็นชิ้นๆ ได้เลยทีเดียว”
เฉินหลิ่วหลิ่วกล่าวว่า “ข้าเชื่อว่าหลีโม่มีความสามารถกับเรื่องนี้”
เหล่าไท่จูนหัวเราะออกมาอย่างยากจะคาดเดาได้ “หลิ่วหลิ่ว เจ้ากลับไปบอกนาง หากสามารถไปที่เกาะคนบ้าได้”
“แต่ว่าเกาะคนบ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะเจ้าคะ” เฉินหลิ่วหลิ่วกล่าว
“คนที่ท่านอ๋องส่งไปไม่พบอะไรก็จริง แต่นางจะทำได้ ในฐานะที่เป็นหมอ การสังเกตจะต้องดีกว่าคนธรรมดาเป็นอย่างมาก”
“เกาะคนบ้าสามารถหาวิธีการรักษาโรคระบาดให้หายดีได้อย่างนั้นหรือ? ”
“ไม่แน่ใจ แต่ต้องมีร่องรอยเบาะแสอะไรเหลืออยู่เพื่อช่วยนางหามือมืดที่อยู่เบื้องหลังออกมาได้อย่างแน่นอน
“เรื่องนี้ยังมีมือมืดอยู่อีกหรือ? ”
“เพราะเหตุนี้” เหล่าไท่จูนเหลือบไปมองนาง “ที่ข้าให้เจ้าอยู่ข้างกายเสี้ยหลีโม่นั้นไม่เลวเลย เรียนรู้ประสบการณ์ให้มาก เจ้ายังอ่อนต่อโลกนัก”
พูดจบ นางก็หยิกแก้มของเฉินหลิ่วหลิ่วเบาๆ “ใบหน้านี้ช่างน่าหยิกเหลือเกิน ขอหยิกอีกที”
เฉินหลิ่วหลิ่วยู่ปากพูด “ท่านย่า ท่านก็พูดให้เข้าใจสักนิดหนึ่งไม่ได้หรือเจ้าคะ? ท่านรู้เรื่องราวมากมายขนาดนั้น เหตุใดท่านไม่พูดตรงๆ กับนางให้เข้าใจไปเลยล่ะเจ้าคะ? ”
“เข้าใจนิดหน่อยมันจะไปน่าสนุกอะไร อีกอย่างเรื่องราวมากมายข้าก็แค่ผิวเผินเท่านั้น ยังต้องให้นางไปแก้ไขปริศนานี้ถึงจะกระจ่าง”
เฉินหลิ่วหลิ่วกระโดดลงจากรถม้า “ได้ ข้าจะนำเรื่องนี้กลับไปบอกนางเอง”
เหล่าไท่จูนมองเฉินหลิ่วหลิ่วที่วิ่งผ่านฝูงชนไปอย่างรวดเร็ว นางก็ยกยิ้มขึ้นมา
หลีโม่เตรียมพร้อมออกเดินทางไปที่พื้นที่โรคระบาดแล้ว
เฉินหลิ่วหลิ่วพูดสิ่งที่เหล่าไท่จูนพูดมาให้กับหลีโม่ฟัง หลังจากหลีโม่ได้ฟังแล้วก็พูดขึ้นมาว่า “อันที่จริงแล้ว หากท่านย่าเจ้าไม่บอก เกาะคนบ้าแห่งนี้ข้าต้องไปอยู่แล้ว”
“งั้นเจ้าจะไปตอนไหน? พาข้าไปด้วยสิ”
“เจ้าจะไปทำอะไรที่นั่น? ”
“ไปเปิดหูเปิดตาสักหน่อยน่ะ ท่านย่าบอกข้าว่าให้ไปเรียนรู้ประสบการณ์กับเจ้า”
หลีโม่แขวนกล่องยาใส่บ่าแล้วเดินออกไป ซูชิงรออยู่ที่หน้าประตู เมื่อเห็นนางมาแล้ว จึงพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋องให้ข้าเข้าไปในพื้นที่โรคระบาดเป็นเพื่อนท่าน”
“ดี”
ด้านหลังซูชิงมีทหารองครักษ์สิบกว่านาย ล้วนถูกดึงตัวมาจากตำหนักอ๋องซื่อเจิ้งทั้งหมด
หน้าที่ของพวกเขาก็คือปกป้องคุ้มครองหลีโม่
เมื่อเข้าไปในพื้นที่โรคระบาด สถานการณ์มันรุนแรงกว่าที่หลีโม่คิดไว้ก่อนหน้านี้
หมู่บ้านแห่งนี้ มันวุ่นวายไปหมดแล้ว ปากทางเข้าหมู่บ้านถูกปิดกั้น อีกทั้งยังมีทหารรักษาการณ์เอาไว้อย่างแน่นหนา ไม่อนุญาตให้ใครเขาไปด้านใน บนถนนของหมู่บ้านไม่มีผู้คนเดินไปมา สามารถมองเห็นทหารที่สวมหมวกเหล็กและชุดเกราะเดินตรวจตราผ่านไปเป็นบางครั้งคราว ระมัดระวังตัวกันเป็นอย่างมาก
ซูชิงที่เดินนำอยู่ด้านหน้า ก็เดินอย่างระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก
ในพื้นที่โรคระบาดตอนนี้เป็นแม่ทัพหลี่ที่รับผิดชอบดูแลอยู่ เขารู้ว่าเสี้ยหลีโม่จะต้องเข้ามา จึงรอต้อนรับอยู่ปากทางเข้าศาลเจ้าในหมู่บ้าน
“ไม่มีถ้ำเลยงั้นหรือ? เช่นนั้นจะมีพื้นที่ไหนสามารถซ่อนคนเอาไว้ได้? ”
“ไม่มีขอรับ! ”
หลีโม่อดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ หรือว่าจะเดาผิดไปงั้นหรือ?
แต่หมู่บ้านแถวชานเมืองแม้จะเยอะ แต่ก็อยู่ในพื้นที่ราบ มีเพียงหมู่บ้านฉือโถวที่อยู่บนภูเขา
นางคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ในเมืองหลวง กลิ่นเหม็นเน่าชนิดนี้ไม่สามารถปกปิดเอาไว้ได้ อีกทั้งในเมืองหลวงช่วงนี้ก็ตรวจตราอย่างเข้มงวด สามารถพูดได้ว่าตรวจละเอียดทุกตารางนิ้ว ที่ซ่อนโรคผีดิบไม่สามารถอยู่ในเมืองหลวงได้
เมื่อแม่ทัพหลี่เห็นนางเอาแต่เดินไปเรื่อยเปื่อย ก็รู้สึกโมโหเล็กน้อย คิดว่าเสี้ยหลีโม่ผู้นี้มีดีเป็นประเภทที่มีดีแต่ชื่อ ใช้เงินหว่านซื้อชื่อเสียงมาเท่านั้น
แต่เพราะมีซูชิงอยู่ตรงนี้ด้วย เขาก็ไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ ได้แต่พูดแนะนำว่า “ท่านหมอเสี้ย ท่านดูลักษณะพื้นที่ของหมู่บ้านไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด ลักษณะของพื้นที่ไม่ได้ช่วยเหลือคนป่วยอะไรแม้แต่น้อย ไปดูคนป่วยน่าจะดีกว่านะขอรับ”
หลีโม่ที่เดินเตร็ดเตร่ไปทั่ว พูดขึ้นว่า “ไม่รีบ”
นางพูดจบก็เดินขึ้นไปบนเนินเขา
แม่ทัพหลี่ดึงซูชิงเอาไว้ “แม่ทัพซู ท่านหมอเสี้ยผู้นี้รักษาโรคระบาดได้จริงๆ ใช่หรือไม่? คนในหมู่บ้านก้อนหินคาดหวังกับนางเป็นอย่างมาก ต้องไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังนะ”
ซูชิงพูดว่า “นางจะพยายาม แต่จะสามารถรักษาได้หรือไม่นั้น ไม่มีผู้ใดรับประกันได้”
“พยายามงั้นหรือ? เจ้าดูนางสิ พอเข้ามาก็ไม่ไปดูอาการคนป่วย เอาแต่เดินเตร็ดเตร่ไปทั่วภูเขาเช่นนี้ นับเป็นความพยายามได้ด้วยหรือ? ” ท่านแม่ทัพหลี่โมโหมากจริงๆ อยู่ที่นี่มาก็หลายวัน ล้วนมีชาวบ้านตาลงทุกวัน จิตใจเขาในตอนนี้เป็นทุกข์ยิ่งนัก
“นางก็มีวิธีของนาง” อันที่จริงซูชิงก็ไม่รู้ว่าหลีโม่มีวิธีการอะไร แต่เขาเชื่อมั่นในตัวของหลีโม่
ท่านแม่ทัพหลี่ส่งเสียง “เฮ้อ” ออกมา “ยังสู้พวกหมอที่มาเพื่อเงินเหล่านั้นไม่ได้เลย ถึงยังไงพวกเขาก็เข้าไปรักษาคนป่วย”
ซูชิงถามขึ้นมาว่า “ตอนนี้มีหมออยู่ในศาลเจ้าหรือไม่? ”
“มี ล้วนเป็นหมอที่มาจากทั่วสารทิศ พวกเขาไม่ต้องการเงิน เพียงแต่ทำเพื่อชาวบ้านอย่างจริงใจ” แม่ทัพหลี่เหลือบไปเงาหลังของหลีโม่ กล่าวอย่างกลุ้มใจว่า “หมอพวกนั้นถึงจะเป็นหมอจริงๆ รู้ว่ามาเพื่ออะไร พวกเขาล้วนยอมฝ่าอันตรายอยู่ที่นี่รักษาชาวบ้าน ทำให้ผู้คนเคารพและศรัทธาจริงๆ ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...