ตอนที่ 267 ถอยหลัง
เมื่อกลับไปถึงลานเล็กของจวนตระกูลเฉิน จิ่นเฉิงก็ทบทวนความทรงจำแล้วพูดว่า “ในตอนนั้นเพราะความร้อนใจ จึงคว้าสมุนไพรมาเคี้ยวแล้วกดไว้ที่บาดแผล อันที่ที่จริงแล้วมันก็มีดินติดมาด้วยเล็กน้อยขอรับ”
หลีโม่พูดว่า “ที่มันมีพิษ เป็นไปได้ว่าไม่ใช่สมุนไพร แต่เป็นดินพวกนี้”
นางเทดินที่เพิ่งจับไปเมื่อไม่นานมานี้ออกมาจากขวด มีหินสีขาวเล็กๆ ปะปนอยู่ในนั้นด้วย บีบเบาๆ ก็แตกออกแล้ว “พวกเจ้าดูนี่สิ รู้หรือไม่ว่าสิ่งนี้คืออะไร? ” ทั้งสองคนเดินเข้ามาดูใกล้ๆ แต่กลับไม่รู้ว่ามันคืออะไร
“นี่คืออะไรหรือ? เจ้าผงเหล่านี้มันมีพิษงั้นหรือ? ” ซูชิงถาม
หลีโม่อธิบายว่า “นี่คือหินซิ่น ที่พวกเราเรียกกันทั่วไปว่าแร่สารหนู มีพิษอย่างรุนแรง”
“สารหนูงั้นหรือ? ” จิ่นเฉิงตะลึงงันไปชั่วขณะ “ความหมายของท่านก็คือ วันนั้นข้ากินสารหนูเข้าไป จึงไม่เป็นอะไร”
“นอกจากสารหนูจะเป็นยาพิษแล้ว ความจริงแล้วมันก็สามารถนำมาทำเป็นยาได้ มีสรรพคุณช่วยฆ่าแมลงและกัดกินเนื้อร้าย” หลีโม่กล่าว
ซูชิงพูดว่า “แม้ว่าข้าจะเคยได้ยินว่าสารหนูเอามาทำเป็นยา แต่หมอปัจจุบันนี้ก็ใช้กันน้อยมาก เพราะถ้าควบคุมปริมาณได้ไม่ดี ก็จะส่งผลกระทบไปถึง
ชีวิตคนได้”
หลีโม่กลับรู้ทุกอย่างในประวัติศาสตร์เป็นอย่างดี หลายยุคสมัยต่างก็ใช้สารหนูมาทำเป็นยา แต่อันที่จริงก็เป็นยาที่ขายแบบจำกัดปริมาณ สารหนูของร้านยาต่างก็ต้องรายงานต่อราชสำนักทั้งหมด
“ตั้งแต่วันนี้ไป ในยาของหวางหยู้และคนอื่นๆ ข้าจะผสมสารหนูลงไปเล็กน้อยในปริมาณที่เหมาะสม” นางหันกลับไปมองซูชิง “เจ้าคอยจับตาดูอยู่ที่นี่ หากเกิดปฏิกิริยาอะไร ก็รีบไปบอกข้าที่พื้นที่โรคระบาดทันที”
“ได้” ซูชิงกล่าว
หลีโม่เริ่มศึกษาปริมาณ เพราะยังมียาอื่นๆ ดังนั้น ปริมาณจะต้องกำหนดให้แม่นยำที่สุด
ระยะแรกกำหนดเอาไว้สามวัน หลังจากสามวันจะเห็นผลลัพธ์
หลังจากปริมาณยาเหมาะสมแล้ว หลีโม่จึงกำชับซูชิง ว่าจะต้องใส่ปริมาณตามที่นางกำหนดไว้ จะเกินกว่านี้ไม่ได้เด็ดขาด และน้อยกว่านี้ไม่ได้อีกด้วย
ซูชิงต้องอยู่เฝ้าดูเหตุการณ์ที่นี่หลายวัน จึงให้คนไปตามเซียวโธ่มา ให้เขากลับไปพื้นที่โรคระบาดเป็นเพื่อนหลีโม่
แม้จะบอวกว่าที่นั่นอาจจะไม่มีการใช้กลอุบายอะไรแล้ว แต่ระวังเอาไว้ก่อนย่อมดีกว่า
หลังจากเซียวโธ่เข้ามา ก็ไม่ได้ทักทายซูชิง เขาตรงเข้าไปพาหลีโม่ออกไป
“ท่านอ๋องสบายดีหรือไม่? ” หลีโม่รีบถามเซียวโธ่ทันที
“ท่านอ๋องอยู่ที่กองทหารหวยเจียง ที่นั่นเกิดเรื่องนิดหน่อย” เซียวโธ่พูด
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ” หลีโม่รีบเอ่ยถามทันที
เซียวโธ่พูดว่า “ไม่มีอะไร ไม่ต้องกังวัลใจไป”
เมื่อหลีโม่เห็นเซียวโธ่ไม่พูด ก็รู้ว่าเรื่องนี้จะต้องค่อนข้างรุนแรงแน่
“ให้คนไปตรวจสอบเรื่องคนหายหรือยัง? ” หลีโม่ถามอีก
“มอบหมายให้ทางสิงปู้ไปดำเนินการแล้ว สองวันนี้ก็น่าจะรู้ผลแล้ว”
เงียบไปครู่หนึ่ง เซียวโธ่ไม่นึกว่าตนจะพูดมันออกมาแล้ว “ทางกองทหารหวยเจียงเกิดเรื่องทะเลาะกัน”
“ทะเลาะกันงั้นหรือ? ” นี่ทำให้หลีโม่แปลกใจอย่างมาก กฎทางทหารเด็ดขาดและยุติธรรม หากทะเลาะกันรุนแรงก็อาจจะได้รับโทษถึงตาย ต้องจัดการตามกฎของทหาร
เซียวโธ่พูดด้วยท่าทางสบายๆ ว่า “มีคนยุยงทำให้แตกแยกกัน ตอนนี้ในกองทหารถูกแบ่งออกเป็นสองพรรค เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
“กองทหารเหล่านี้ ล้วนอยู่ใต้บังคับบัญชาของท่านอ๋อง เหตุใดถึงได้ถูกยุยงให้แตกแยกได้เล่า ทั้งยังมีการแบ่งพรคพวกกันด้วย? ”
สายตาของเซียวโธ่หม่นหมอง “การคาดเดาในขั้นแรก มีทหารสองนายไปขอพึ่งพาอาศัยเหลียงไถ้ฝู้ ตั้งใจหยิบเรื่องโรคผีดิบขึ้นมาถกเถียงกัน มีกว่าร้อยคนที่เข้าร่วมการทะเลาะวิวาทในครั้งนี้”
หลีโม่รู้สึกประหลาดใจ “ตามกฎของกองทัพแล้ว ควรจะจัดการอย่างไร? ”
“ตามกฎของกองทัพ คนร้อยกว่าคนนี้ล้วนต้องถูกโบยห้าสิบที”
“ไม่เพียงเท่านี้ ในกองทหารเกิดเรื่องทะเลาะวิวาทกัน ทหารเหล่านี้จะต้องหยุดงานและปรับปรุงตัว ตอนที่กองทัพยังไม่มีคำสั่ง ไม่สามารถโยกย้ายงานได้” เซียวโธ่พูดขึ้นมาอีกครั้ง
หลีโม่เข้าใจแล้ว เพราะทหารที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของซือถูเย้นจะต้องปรับปรุงการตรวจสอบ จึงไม่สามารถทำอะไรได้ตามอำเภอใจ วิธีการบางอย่าง ก็อยู่เหนืออำนาจที่ซือถูเย้นจะควบคุมได้
“ได้”
ทดลองเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ล้วนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เห็นได้ชัดว่าสารหนูก็เหมือนกับการฝังเข็ม ได้แต่คงที่อาการของพวกเขาเอาไว้ชั่วคราว
หรือว่า จะไม่ใช่สารหนู? หรือจะเป็นสมุนไพรก่อนหน้านี้?
เพียงแต่สมุนไพรเหล่านั้นที่เคยเก็บมาศึกษา แม้จะใช้มันผสมกันแต่ก็ล้วนไม่เกิดพิษอะไรเลย
นางเรียบเรียงวิธีการจัดการของจิ่นเฉิงตอนที่ถูกกัดอีกครั้ง
เมื่อถูกพิษ ดื่มน้ำแล้วอาเจียนออกมา จากนั้นก็ล้างแผลให้สะอาด นี่ล้วนเป็นขั้นตอนวิธีการจัดการแผลภายนอกและถูกพิษโดยทั่วไป ไม่ได้มีอะไรพิเศษ
หลีโม่ดูห่อเหี่ยวใจอย่างเห็นได้ชัด เพิ่งจะได้เห็นแสงแดดยามอรุณเพียงเล็กน้อย แต่ก็ดับลงไปในชั่วพริบตา
ตอนบ่ายซือถูเย้นก็มา เข้ารู้ว่าหลีโม่ออกมาจากพื้นที่โรคระบาดเพิ่งจะมาถึง
เขาดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด ผ่านไปแค่ไม่กี่วัน เขาดูผอมลงไปเยอะ
ก่อนหน้านี้เซียวโธ่บอกว่าเขานอนไม่ค่อยหลับ คงจะเป็นอาการปวดหัวกำเริบ
“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง? เมื่อเขาเข้ามาก็ถามขึ้น”
หลีโม่บอกสถานการณ์ปัจจุบันให้เขาฟัง เมื่อซือถูเย้นได้ฟังแล้ว ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย “พูดมาเช่นนี้ เจ้าจะบอกว่าทางเจ้าไม่มีความคืบหน้าอะไรเลยแม้แต่น้อยงั้นหรือ? ”
“ทั้งยังถอยหลังด้วย” หลีโม่กล่าวด้วยความท้อใจ
ซือถูเย้นเห็นสีหน้าของนางไม่มีชีวิตชีวา จึงพูดให้นางสบายใจว่า “เจ้าไม่ต้องร้อนใจ ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ศึกษา มันต้องวิธีการรักษาแน่นอน
“อืม รู้แล้ว” หลีโม่เข้ามาพร้อมกับเขา “ทางนั้นท่านเป็นอย่างไรบ้าง? จัดการเรียบร้อยดีหรือไม่? ”
ซือถูเย้นหันกลับมามองเซียวโธ่ “เข้าพูดอะไรกับเจ้า? ”
“ให้อภัยที่เขาด้วยที่เป็นคนปากสว่าง เขาเก็บความลับเอาไว้ไม่อยู่หรอก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...