ตอนที่ 268 ร่างกายของเขาไม่สบาย
ซือถูเย้นยิ้มแย้มขึ้นมา “ใช่ เขาเก็บความลับไม่อยู่กับคนขอตัวเอง”
หลีโม่ดึงเขาให้นั่งลง “อาการปวดหัวกำเริบอีกแล้วหรือ? ”
“ช่วงนี้กำเริบอยู่บ่อยๆ ” เขากลับไม่ได้ปฏิเสธ
“จัดการหรือไม่? ” หลีโม่นั่งอยู่ข้างๆ เขา จับมือเขาขึ้นมาแล้วเริ่มจับชีพจร นี่เป็นเพียงการตรวจชีพจรทั่วไป
เท่านั้น ทาแต่งที่ดีควรจะฝังเข็ม
แต่คิ้วของนางกับขมวดขึ้นอย่างช้าๆ
“ไม่ถือว่าจัดการยากเท่าไหร่ ตอนนี้ได้โยกย้ายกองทหารจากเมืองจิ้งโจวมาแล้ว ไม่ถึงวันคงจะมาถึง” ซือถูเย้นกล่าว
“ต้องใช้เวลากี่วัน? ” หลีโม่ยังไม่ปล่อยมือของเขา แต่ใจของนางกลับไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“ประมาณสิบวันกว่าๆ กระมัง”
หลีโม่จับอีกมือหนึ่งของเขาขึ้นมา และทำการจับชีพจรต่อ ครั้งนี้กลับเต้นค่อนข้างเร็ว จากนั้นก็หยิบกระเป๋าเข็ม
ออกมา เอ่ยถามว่า “ช่วงนี้นอกจากปวดหัวแล้ว ยังมีตรงไหนที่รู้สึกไม่สบายอีกหรือไม่? ”
“โรคนอนไม่หลับ ข้านอนไม่หลับเลย นอกนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว อาการปวดหัวคงจะเกิดจากพักผ่อนไม่พอ”
หลีโม่ส่งเสียง “อืม” ออกมา “แน่นหน้าอกหรือไม่? บางครั้งรู้สึกหายใจยากบ้างหรือไม่? ”
“เป็นบางครั้ง”
หลีโม่ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก นางเริ่มเลือกจุกฝังเข็มให้กับเขา
หลังจากฝังเข็มเสร็จแล้ว อาการป่วยของซือถูเย้นก็รู้สึกเบาลงอย่างเห็นได้ชัด เขายิ้มแล้วพูดกับหลีโม่ว่า “บางครั้งข้าก็รู้สึกว่า การแต่งชายาที่เป็นหมอผู้หนึ่งเข้าบ้านนั้นเป็นเรื่องที่ไม่เลวเลย”
หลังจากหลีโม่ฝังเข็มเสร็จแล้วก็นั่งลง “ข้าเจอโหรวเอ๋อร์ในพื้นที่โรคระบาดด้วย”
“ซูชิงบอกข้าแล้วล่ะ นางมีความสนใจต่อวิชาแพทย์เป็นอย่างมาก”
“นางชอบซูชิง ท่านรู้หรือไม่? ” หลีโม่เอ่ยถาม
ซือถูเย้นกล่าวออกมาอย่างไม่เห็นด้วย “นั่นเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น คนที่นางชอบเปลี่ยนไปไม่หยุด ไม่มีทางเกินครึ่งปีได้”
“เป็นไปไม่ได้กระมัง? ” หลีโม่เอ่ยถามอย่างสงสัย เจ้าเมืองโหรวเอ๋อร์พูดกับนางว่า นางชอบซูชิงมานานแล้ว
เพียงแต่ว่า ชอบซูชิงแล้วเหตุใดถึงได้แต่งงานกับชายอื่นในภายหลัง? หรือว่าหลังจากที่แต่งงานแล้วถึงได้พบว่า
ตนชอบซูชิงก็เลยหย่าร้างงั้นหรือ?
“มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้บ้าง? เมื่อก่อนนางยังเคยบอกว่าชอบข้าอยู่เลย”
หลีโม่ถามอย่างไม่สนใจว่า “เช่นนั้นท่านเคยชอบนางหรือไม่? ”
“จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า? ”
“ซูชองบอกข้าว่า อ๋องหนานไหวชอบนาง เป็นเรื่องจริงหรือ? ”
“เขาชอบโหรวเอ๋อร์ เพราะโหรวเอ๋อร์ชอบข้า ไม่ใช่ความชอบที่บริสุทธิ์อะไร” ซือถูเย้นกล่าวอย่างเรียบเฉย เมื่อพูดถึงน้องชาย เขามักจะไม่พูดว่าคำรักหรือเกลียดออกมา อารมณ์ความรู้สึกในส่วนนี้ จะแสดงออกมาทางสายตา แม้แต่หลีโม่รู้สึกได้อย่างชัดเจน
ไม่ชอบเขา แต่กลับรักเขา เหมือนกับจิตใจที่เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง
หลีโม่เปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างเงียบๆ “ช่วงนี้อาหารการกินของท่านเป็นปกติหรือไม่? รู้สึกอยากจะอาเจียนหรือเปล่า”
“ไม่มี” ซือถูเย้นเงยหน้ามองนาง เอ่ยถามอย่างสงสัย “เจ้ารู้สึกว่าชีพจรของข้ามันไม่ผิดปกติใช่หรือไม่? ”
“ไม่มีอะไรหรอก เพียงกังวลว่าท่านจะยุ่งแต่กับงานจนไม่ดูแลตัวเอง ไม่มีเรื่องอะไรหรอกเพคะ” หลีโม่พูดปลอบใจพร้อมรอยยิ้ม
“ช่วงนี้จริงๆ ก็ยุ่งมาก เรื่องจุกจิกรัดตัวไปหมด จริงสิ เจ้าให้คนไปตรวจสอบเรื่องคนหาย เจออะไรหรือไม่? ”
ทางเสี้ยหลีโม่ก็ยุ่งอยู่กับงานทั้งวัน ส่วนทางจวนเฉิงเสี้ยงเองก็ไม่เคยว่างเหมือนกัน
ในใจของนายหญิงแก่มั่นใจมากว่าครั้งนี้จะสามารถทำลายเสี้ยหลีโม่ได้ ดังนั้นนางจึงคว้าโอกาสงานแต่งงานของเฉิงเสี้ยงเสี้ยเอาไว้แน่น
นางเคยเห็นคุณหนูตระกูลหลิน รูปร่างหน้าตาและนิสัยก็ถือว่าใช้ได้ อายุก็ยังไม่มาก เพิ่งจะสิบแปดปีเท่านั้น
อายุสิบแปดปีในยุคโบราณก็ถือว่าเป็นสตรีอายุมากแล้ว แต่ว่าคุณหนูของตระกูลใหญ่ การมีหัวใจสูงส่งก็ถือเป็นปกติ
นายหญิงอดทนผูกสัมพันธ์กับผู้มีอิทธิพลเพื่อหวังผลประโยชน์ แต่ก็ต้องดูด้วยว่ามีคุณสมบัติหรือไม่ หลังจากได้คุยกับคุณหนูตระกูลหลิน นางก็รู้สึกว่าคุณหนูตระกูลหลินนั้นเหมาะสมที่จะรับหน้าที่เป็นฮูหยินใหญ่ดูแลจวนเฉิงเสี้ยง
เมื่อหลิงหลงฮูหยินรู้ว่านายหญิงแก่กำลังจะจัดงานมงคล นางก็โกรธจนกัดฟันกรอดๆ แต่ก็ไม่มีวิธีอะไรไปรับมือ
ที่พึ่งพิงหนึ่งเดียวของนางก็เข้าไปอยู่ในคุกแล้ว อีกทั้งการอภิเษกสมรสกับองครัชทายาทก็อาจจะถูกยกเลิกได้ ใจลึกๆ ของนางก็กลัวว่าจะไม่มีที่พึ่งพิง นางจึงไม่มีความกล้าหาญเหมือนอย่างเมื่อก่อนมานานแล้ว
แม้ไม่มีความกล้าหาญ แต่ใจที่โหดเหี้ยมก็ยังอยู่
นางสังเกตการณ์เคลื่อนไหวของนายหญิงแก่ตลอดเวลา เมื่อเห็นนายหญิงแก่ต้องการจัดงานมงคลอย่างไม่เกรงใจผู้ใด แต่เมื่อพิจารณาดูถึงได้รู้ว่า ครั้งนี้เสี้ยหลีโม่เกรงว่าจะไม่ได้กลับมาแล้ว
โชคดีที่ตนยังไม่ถูกขับไล่ออกไป ทุกอย่างยังมีความเป็นไปได้ที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม
คืนนี้ นางลากหลานหยู้มาแล้วพูดว่า “ตั้งแต่ที่เจ้าอยู่ข้างกายข้ามาจนถึงวันนี้ ก็มีแต่ทำให้เจ้าน้อยใจ”
จริงๆ แล้วช่วงนี้หลานหยู้ถูกนางตบตีดุด่าอย่างรุนแรงเมื่อจู่ๆ ก็เห็นท่าทางของนางเปลี่ยนไป ก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นในใจอย่างอดไม่ได้ “ฮูหยิน บ่าวไม่น้อยใจเจ้าค่ะ ตั้งแต่บ่าวเข้ามาในจวน ก็คิดจะอยู่กับท่าน คอยปรนนิบัติรับใช้ท่านเจ้าค่ะ”
นั่นเป็นเมื่อก่อนตอนที่นางกำลังรุ่งโรจน์ หลิงหลงฮูหยินในตอนนี้ ไม่สามารถเปลี่ยนฐานะตนให้เป็นผู้ชนะได้อีกแล้ว ใครอยู่ด้วยก็มีแต่โชคร้ายทั้งนั้น
หลิงหลงฮูหยินถอนหายใจเบาๆ “ข้ารู้ว่าเจ้าเฉลียวฉลาด ช่วงนี้ข้าทำเรื่องแย่ๆ กับเจ้า จริงๆ แล้วข้าอยากจะทดสอบเจ้า”
หลานหยู้เบิกตากว้าง รู้สึกไม่เข้าใจเล็กน้อย “ความหมายของฮูหยินคืออะไรหรือเจ้าคะ?
หลิงหลงฮูหยินดึงนางให้นั่งลงตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หยิบแป้งน้ำสีชาดขึ้นมาแล้วพูดว่า “มา ข้าจะแต่งหน้าให้เจ้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...