ตอนที่ 276 เซียวเซียวไปเขตแพร่ระบาด
ดวงตาของกุ้ยไท่เฟยโกรธจนพร่ามัว นางใช้มือจับเก้าอี้ค้ำทรงตัวยืนขึ้น กัดฟันกล่าว” ดี ข้าไม่สนว่าเจ้ามีใจให้หลีโม่ หากยังนพเรื่องนี้มาทำให้มันยุ่งยากต่อข้า หลีโม่มิอาจได้กลับมาอย่างเด็ดขาด”
อาฝูก้าวเข้ามา” กุ้ยไท่เฟย บัดนี้ควรจัดการเช่นไร? ”
กุ้ยไท่เฟยฉายแววตาเยือกเย็น” สั่งให้คนไปที่เกาะคนบ้า ข้ามิอาจรอได้ถึงหกวัน ข้าต้องหารให้เสี้ยหลีโม่ตายไปเสีย”
กุ้ยไท่เฟยสูดลมหายใจ ค่อยๆ นั่งลง
สถานะของเสี้ยหลีโม่ควบคุมนางอยู่ตลอด จนถึงบัดนี้นางออกจากเมืองไปแล้ว ยังนำเซียวโธ่ไปยังเกาะคนบ้าอีก นางสั่งให้คนติดตามไปไม่ขาด
นางไม่เชื่อว่าเสี้ยหลีโม่จะสามารถหาสรรพคุณยาที่รักษาโรคผีดิบได้ หากแม้นางจะต้องตาย ก็ต้องตายด้วยน้ำมือของตนจึงจะรู้ผิดชอบชั่วดี
อาฝูกล่าวด้วยความกังวลใจ” หากแต่ว่า เมื่อฆ่าเสี้ยหลีโม่แล้ว ใต้เท้าจะลงมือกับอ๋องหนานหวยหรือไม่? ”
กุ้ยไท่เฟยยกยิ้ม “แน่นอน แต่หากข้าก็ทำให้เขารู้ได้เช่นกัน เขามีชะตาชีวิตเช่นเดียวกับน้องชายเขา ถ้าน้องชายเขาตาย เขาก็มิรอดชีวิตเช่นกัน”
อาฝูแววตาแพรวพราว” เว้นแต่ พิษถงหมิงถูกนำมาใช้การ”
กุ้ยไท่เฟยไม่ได้เอ่ยสิ่งใดนั่งลงอยู่นานครู่หนึ่งก่อนเอ่ยวาจาออกมา “ไปทำตามคำสั่งการของข้าเสีย หากหลีโม่ต้องการกลับมาก็ย่อมได้ แต่ต้องกลับมาเพียงศีรษะเท่านั้น”
อาฝูน้อมตัวแล้วลาออกไป
ซือถูเย้นออกจากตำหนักสั่งการองครักษ์ “จับตาดูคนของกุ้ยไท่เฟยเอาไว้”
” ขอรับ! ” องครักษ์รับคำสั่งก่อนไป
ซือถูเย้นไม่ได้ใช้รถม้า นำคนจำหนึ่งหนึ่งควบม้าออกจากเมืองไป คนสงสัยว่าหลีโม่ไปที่เกาะคนบ้า เพราะเคยเกินเหตุเช่นนี้ขึ้นมาก่อน
แต่ก่อนไปยังเกาะคนบ้า เขาต้องการไปพบผู้หนึ่งก่อน เฉินไท่จูน
ทางด้านซือถูจิ้งไปสั่งการคนให้เรียบร้อยที่เขตแพร่ระบาด ถ้าหากมีผู้ใดถามถึงหลีโม่ให้บอกไปว่านางไปหาวัตถุดิบยารักษาโรค นอกจากนั้นแม้เพียงคำเดียวก็มิสามารถกล่าวออกไปได้”
แม่ทัพหลี่และเจ้าเมืองโหรวเหยาเชื่อใจเขาอย่างจริงใจ แต่ยังคาดแคลงใจกับสถานที่ที่นางเดินทางไป
เจ้าเมืองโหรวเหยาถามซือถูจิ้ง” แท้จริงแล้วหลีโม่ไปที่ใด? ”
ซือถูจิ้งกล่าวเพียงแผ่วเบา “ประมาณการได้ว่าถูกจับตัวไป มีผู้ไม่ประสงค์ให้โรคถูกรักษา”
โหรวเหยาตกใจอย่างมาก “มีผู้ใดคิดจะทำเช่นนี้ด้วยหรือ? ”
“ใจคนยากแท้หยั่งถึง” ซือถูจิ้งไม่กล่าวสิ่งใดมาก นางก็ไม่นับว่าใส่ใจต่อโหรวเหยาด้วยใจจริงนัก
โหรวเหยารู้สึกไม่คาดคิด หัวเราะเย้ยหยัน “ถ้าหากผู้นั้นไม่อยากให้โรคถูกรักษาให้หาย จงมาดูที่เขตแพร่ระบาดว่าบัดนี้ชาวบ้านกำลังทุกข์ยากเสีย จะไม่ผ่านเข้าไปศีลธรรมในใจเขาได้เชียวหรือ? ”
” โหรวเหยา เจ้าอ่อนเขลานัก ชาวบ้านล้มตายไปกี่คน สำหรับคนผู้นั้นแล้วเป็นเพียงแค่มดที่ตายไปไม่กี่ตัวเท่านั้น “ซือถูจิ้งถอนหายใจแผ่วเบา
โหรวเหยาอยู่ที่ประตู มองดูผู้ติดเชื้อที่ถูกมัดเอาไว้บนเตียง มีเพียงความรู้สึกโกรธจนมิอาจมีสิ่งใดมาเทียบได้
ตั้งแต่นางได้เรียนตำราแพทย์ เห็นชีวิตความเป็นความตายมาเป็นอันดับแรก มีสิ่งใดจะสำคัญไปกว่าการได้มีชีวิตอยู่ มนุษย์คิดหาทางเอาชีวิตรอด นางเคยพบผู้ป่วยโรคร้ายแรงหมดทางรักษา กล้ำกลืนความเจ็บปวดอย่างสุดทน เพราะภายในใจหวังว่าจะต่อลมหายใจได้อีกสักเพียงนาที
นางคิดว่ามนุษย์ควรห่วงใยช่วยเหลือซึ่งกัน ไม่เคยคาดคิดเลยว่า ในสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคอันแสนยากลำบากตรงหน้ายังมีผู้ใจไม้ไส้ระกำแฝงอยู่
ซือถูจิ้งเพิ่งออกคำสั่งให้แม่ทัพหลี่กลับมารายงานความคืบหน้า “เหลียงไถ้ฝู้นำคนมาเข้าพบแล้ว”
“มากันกี่คน? ”
” ประมาณห้าหกคนแม่ทัพเซียวก็มาด้วย อ๋องหลี่ชินเช่นเดียวกัน”
สีหน้าซือถูจิ้งเปลี่ยนเล็กน้อย เขามาแล้วหรือ?
ซือถูจิ้งหันกลับเข้าไปสั่งการโหรวเหยาและแม่ทัพหลี่ “เจ้าจัดการไปก่อน อย่าบอกว่าข้าอยู่ที่นี่”
เหลียงไถ้ฝู้ยิ้มบาง “เจ้าเมืองตำแหน่งสูงส่งนัก ไม่จำเป็นต้องมาอยู่ที่นี่จะดีกว่า รีบกลับไปเสียเถอะ”
“ยศฐามิได้สูงศักดิ์ไปกว่าใต้เท้านักหรอก” โหรวเหยากล่าวด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง
เซียวเซียวและอ๋องหลี่ชินไม่ได้ยินบทสนทนาของเหลียงไถ้ฝู้กับโหรวเหยา จึงเดินตรงเข้ามา
” เซียวเซียวเคยเจอผู้ติดเชื้อเหล่านั้นมาก่อนในกองทัพ ตอนที่พวกเขาถูกขัง มีตนหนึ่งคลุ้มคลั่งขึ้นมาฉับพลัน ที่เขาเห็นเป็นเพียงผู้ป่ายที่กำลังบ้าคลั่ง”
แต่ที่แห่งนี้ไม่มีผู้ป่วยคลุ้มคลั่งแล้ว พวกเขาเพียงนอนอยู่บนเตียงอย่างเงียบเชียบ ดูเหมือนยังมีสติรับรู้ ใบหน้าเผยสีหน้าเจ็บปวด ดูออกว่ากำลังอดทนต่อความทุกข์ทรมานอย่างขีดสุด
“ไม่ใช่ว่าผู้ติดเชื้อผีดิบจะอาละวาดขึ้นมาได้หรอกหรือ? เหตุใดพวกเขาจึงไม่มีอาการคลุ้มคลั่ง? ” อ๋องหลี่ชินตั้งคำถาม
แม่ทัพหลี่กล่าวตอบ “ก่อนหน้านั้นมีอาการคลุ้มคลั่ง แต่หลังจากหมอเสี้ยเข้ามาฉีดยาให้พวกเขา ทั้งยังใช้ยารักษา พวกก็เขาสงบลง และสามารถเทน้ำข้าวเข้าไปได้”
” อย่างนั้นกล่าวได้ว่า พวกเขาไม่อาละวาดแล้วหรือ? “เซียวเซียวถาม
“ก็ไม่ใช่นัก ในหนึ่งวันจะมีช่วยที่คลุ้มคลั่งขึ้นมา เพียงแต่นับว่าจำนวนน้อยกว่าแต่ก่อนอยู่มากโข ก่อนหน้านั้นในวันหนึ่งจะตื่นขึ้นมาอาละวาดอยู่หกเจ็ดครั้ง แต่บัดนี้เพียงแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น อย่างมากคือสองสามครั้ง”
เหลียงไถ้ฝู้ก้าวเข้ามา “ฝังเข็มมีผลข้างเคียงหรือไม่? น่ามหัศจรรย์จริงๆ น่าเสียดาย คราก่อนตอนที่องค์รัชทายาทมาก็ไม่พบหมอเสี้ย จนบัดนี้ข้ามาอีกครั้งก็ไม่พบนาง”
อ๋องหลี่ชินขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อได้ยินถ้อยความนั้น “นางอยู่หรือไม่สำคัญอย่างไร? อย่างน้อยนางสามารถลดอาการเจ็บป่วยลงได้ก็เพียงพอแล้ว”
ขุนนางที่มากับเหลียงไถ้ฝู้สอบถามแม่ทัพหลี่ว่า “หมอเสี้ยผู้นั้นเคยกล่าวไว้หรือไม่ว่าจะสามารถพัฒนาตัวยามารักษาพวกเขาได้อย่างไร? ”
แม่ทัพหลี่ลังเลใจเล็กน้อย “เรื่องนี้ กลับไม่เคยได้ยินนางพูดถึงเลย”
“ถ้าเช่นนั้นนางไปเก็บตัวยาที่ใด? มิเช่นนั้น จะสั่งคนให้ตามนางกลับมา” เหลียงไถ้ฝู้กล่าว
ตอนนั้นมีหมอของกรมฮุ่ยหมินท่านหนึ่งเข้ามาพอดิบพอดี ได้ยินถ้อยความของเหลียงไถ้ฝู้ จึงกล่าวตามไปว่า “หมอเสี้ยออกจากเขตแพร่ระบาดไปแล้ว หลายวันมานี้ไม่ได้พบเขาเลย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...