ตอนที่ 275 ภัยคุกคาม
หลังจากซือถูเย้นกลับวังแล้ว เห็นว่าซูชิงกำลังวกวนอยู่ในห้องร้อนรนเหมือนมดบนหม้อร้อนก็ไม่ปาน
เมื่อเห็นเขาเข้ามารีบรนกระโจนเข้าหากล่าวด้วยเสียงต่ำ “ไม่ใช่เพียงไม่พบหลีโม่ แต่ไม่พบเซียวโธ่เช่นกัน คนรับใช้ของเซียวโธ่กล่าวว่าเขาหายตัวไป หลีโม่เคยไปหาเขามาก่อน”
ซือถูเย้นซักถาม “เจ้าจะบอกว่าพวกเขาหายตัวไปพร้อมกันหรือ? ”
“ข้าก็ทำนายว่าเช่นนั้น” ซูชิงกล่าวด้วยความกังวล “ข้าสั่งให้คนไปตามหาไปทั่วเมืองล้วนไม่พบว่าพวกเขาพักอยู่ รอบนอกตัวเมืองเช่นเดียวกัน ตอนนี้องค์หญิงใหญ่ไปเขตแพร่ระบาดมาแล้ว องค์หญิงพิจารณาว่าเหลียงไถ้ฝู้ควรจะตามคนไปตรวจสอบที่เขตแพร่ระบาด ดังนั้นนางจึงไปรับหน้าที่นั่นไว้ก่อน”
ซือถูเย้นอดไม่ได้ที่จะกังวลใจขึ้นมา “พวกเขาไปที่ใดแล้ว? เคยถามจวนเล็กทางนั้นหรือยัง? พวกเขาว่าอย่างไรบ้าง? ”
“เคยถามจื่นเฉิงและเตาเหล่าต้า บอกว่าหลีโม่เคยกลับมาครั้งหนึ่ง มอบเพียงเข็มให้หวางหยูเท่านั้นก่อนจะจากไป ตอนนั้นทุกคนล้วนคิดว่านางกลับไปในเขตแพร่ระบาดแล้ว ไม่ได้ถามอันใด จนถึงบัดนี้ผ่านมาสองวันเต็มแล้ว เกรงว่ามีคนพานางหนีไป อย่างไรก็ตามนางรับสั่งการทหารเอาไว้ ก่อนจากไปนัดหมายเอาไว้ครึ่งเดือน ยังเหลือช่วงเวลาหกวัน”
ซือถูเย้นรู้ว่าหลีโม่จะไม่จากไปอย่างไร้เหตุผล และนางจะไม่หลบหนีไป
” เขาเคยทดสอบนาง กองทหารไม่เข้าไปควบคุมนาง แม้ว่าในขณะนั้นจะต้องสอบสวนตัดสินโทษ นางก็ไม่จำเป็นต้องกลัว”
เขามีเหตุจำเป็น?
แต่เหตุใดไม่มาบอกกล่าวเขาเลยล่ะ?
ซือถูเย้นไม่ได้คิดพิจารณาใดต่อ เขาเป็นออกคำสั่งให้เตรียมม้าต่อ ให้ซูชิงออกไปหาหลีโม่ด้วยกันกับองครักษ์
แต่ก่อนจะออกไปอาฝูก็มาเสียก่อน “ใต้เท้า กุ้ยไท่เฟยเชิญให้ท่านไปเข้าเฝ้า”
ตั้งแต่ซือจู๋กูกูตายไป ทั้งสองก็ไม่ได้พบเจอกันอีก ซือถูเย้นไม่ได้ไปเยี่ยมถามสารทุกข์สุกดิบใด และนางก็ไม่ได้ให้ผู้ใดมาตามซือถูเย้น มารดาและลูกแม้ทั้งสองอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกัน กลับไม่ได้อยู่พบหน้ากัน
ในช่วงวิกฤตนี้ นางจำเป็นต้องพบเขา ซือถูเย้นอดไม่ได้ที่จะให้ความสนใจ
“ว่าอย่างไรบ้าง? ” เขาถามอย่างเย็นชา
“มิได้กล่าวสิ่งใด กุ้ยไท่เฟยเพียงรับสั่งว่าให้ข้าน้อยมาตามใต้เท้า ไม่ได้กล่าวอันใดอีก” อาฝูกล่าว
ซูชิงกล่าวขึ้นมา “ใต้เท้า ไปสักหน่อยเถิด ไม่แน่ว่ากุ้ยไท่เฟยจะทราบว่าเสี้ยหลีโม่ไปที่ใด”
นัยน์ตา,นัยนาซือถูเย้นเยือกเย็นขึ้นทันใด นึกถึงเมื่อก่อนที่นางเคยลงมือกับหลีโม่ ครึ่งนี้จะไม่มีการละเว้น และจะยื่นมือออกไปหานาง
ซือถูเย้นมาถึงชิงหนิงเก๋อ โคมไฟไป๋เติงหลงที่ใช้จัดพิธีศพซือจู๋กูกูยังไม่ถูกเก็บลงมา ในลานเป็นสีขาวโพลน นกกระดาษขนาดใหญ่ถูกแขวนไว้บนที่สูงลับ และแขวนห้อยไม้บนยอดไม้ บนตัวนกกระดาษเขียนอักษรไว้ว่า” นกกระเรียนล่องลอยไปทางทิศประจิม”
ความรู้สึกเจ็บปวดที่คุ้นเคยแล่นเข้ามาในใจ นัยน์ตา,นัยนาของเขาแทบจะเอ่อล้มไปด้วยความเกลียดชัง
หยุดพักอยู่เพียงครู่ เขาก็สาวเท้าเดินเข้ามา แววตากลับมาเหมือนเช่นเคย
กุ้ยไท่เฟยอยู่ในห้องบรรทม อาฝูนำเขาไปด้านนอก เปิดม่านและคำนับ “กุ้ยไท่เฟย ใต้เท้ามาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ด้านในส่งเสียงตอบกลับมาอย่างเหนื่อยอ่อน “เข้ามาสิ”
อาฝูถอยออกมา โน้มตัวกล่าว “เชิญใต้เท้า”
ซือถูเย้น เปิดม่านมุข ค่อยๆ ก้าวเข้าไป
นางกำลังเอนกายครึ่งหนึ่งอยู่บนเตียง สีหน้าไร้สีสัน ปอยผมที่ตกลงมาปกคลุมด้วยสีขาวราวเกล็ดน้ำค้าง
ซือถูเย้นยกสายตาอันดุร้ายขึ้นมอง” ท่านสั่งคนจับตัวนางไป? ”
กุ้ยไท่เฟยยิ้มเยาะอย่างเยือกเย็น” หญิงที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า ไร้ยางอาย เจ้ายังเห็นว่าสำคัญกว่ามารดาของตน มองเห็นเสียวอี้ให้ความสำคัญ มองดูเสียวอี้ที่บรรพบุรุษให้ความสำคัญ ไม่แม้จะนำมาสืบทอดตระกูลไว้ข้างกายเจ้า”
ซือถูเย้นใบหน้าเย็นชา ให้หญิงรับใช้ประคองนางลงนั่งบนเก้าอี้ นางยืดตัวตรงอย่างตั้งใจ ยกปลายคางขึ้นเล็กน้อย เผยสายตาเฉียบแหลม “คนหนึ่งเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่ง ข้าจะนำเสี้ยหลีโม่ส่งคืนให้เจ้า และเจ้า ต้องรับสั่งให้น้องชายเจ้ากลับมา”
ซือถูเย้นกระแทกเสียงออกมาดั่งลมพายุ “หม่อมฉันบอกแล้วว่าไม่มีทาง”
” ถ้าเช่นนั้นเสี้ยหลีโม่จำเป็นต้องตายไปซะ “กุ้ยไท่เฟยกล่าวด้วยความเคียดแค้น
ซือถูเย้นเข้าไปประจันก้าวหนึ่ง นัยน์ตา,นัยนาแผ่รังสีอันตรายดั่งกระหายเลือด “เสี้ยหลีโม่มีสิ่งใดให้คลาดแคลงใจ อ๋องหนานหวยจะต้องตายไปก่อนนาง”
” เจ้ากล้า? “กุ้ยไท่เฟยกล่าวดุดัน ตบโต๊ะฉาดแล้วยืนขึ้น อาการเจ็บป่วยอันตรธานหายไป เผยสีหน้าโกรธจัด
ซือถูเย้นยิ้มเย็น ยังคงจ้องไปที่นาง “ลองดู! ”
กุ้ยไท่เฟยใช้แรงกายทั้งหมดตีไปที่เขา พูดด้วยร่างอันสั่นระรัว “นั้นคือน้องชายของเจ้านะ ลูกทรพี ข้าให้กำเนิดลูกทรพีเช่นนี้มาได้อย่างไร? ตอนให้กำเนิดเจ้าสู้บีบให้เจ้าตายไปเสียดีกว่า”
นัยน์ตา,นัยนาซือถูเย้นเยือกเย็น ริมฝีปากยกเย้ยหยัน “ท่านทำไม่ได้ ปีนั้นที่ข้าเกิดมา ท่านถูกตีตราว่าเป็นนางสนม ท่านมิอาจทนได้”
“ไสหัวไปซะ! ” กุ้ยไท่เฟยหยิบถ้วยชาปาออกไปเหมือนกับเสียสติ
ซือถูเย้นคว้าเอาไว้ในมือเดียว เหยียดออกก่อนปล่อยกระแทกลงบนพื้นแตกเป็นเสี่ยงๆ กล่าวออกไปทีละคำ” หม่อมฉันจะทำให้ท่านมั่นใจ หากเกิดอันใดขึ้นกับหลีโม่ หัวสมองของอ๋องหนานหวยก็คงไม่ต่างจากถ้วยไปนี้”
กล่าวจบก็ยกยิ้มเย็นยะเยือก สะบัดตัวจากไปด้วยอารมณ์เกรี้ยวโกรธ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...