ตอนที่ 351 สู่ขอองค์หญิง
สิ่งที่ซ่งรุ่ยหยางพูดมานั้น เปรียบเสมือนกับน้ำเย็นที่ดับความหวังของทุกคน
ทว่าหลีโม่กลับไม่ยอมแพ้ “เขาละมั่งย่อมต้องมีเป็นคู่ แม้ถูกหลิวเยว่ขโมยไปข้างหนึ่ง ก็ต้องยังเหลืออีกข้างหนึ่งไม่ใช่หรือ?”
“นางขโมยไปทั้งหมด” คำพูดของซ่งรุ่ยหยางเพียงประโยคเดียว ทำลายความหวังที่มีอยู่อันน้อยนิดของหลีโม่ลงไปทันที
ความหวังนี้เพิ่งจะเกิดขึ้นมา ก็ต้องพังทลายลงไปในชั่วพริบตา ความรู้สึกเช่นนี้มันช่างน่าเสียใจจริงๆ แต่อ๋องเหลียงนั้นกลับเป็นยิ่งกว่า เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาโดนทำร้ายมานักต่อนักแล้ว
ซ่งรุ่ยหยางไล่ถามเรื่องของซือถูจิ้ง หลีโม่ก็ไม่คิดจะปกปิดสิ่งใด พูดเรื่องที่นางพยายามจะฆ่าตัวตายหลังรู้ว่าเซียวเซียวพยายามฆ่าตัวตายเพราะถูกกีดกันเรื่องความรักออกมา
ซ่งรุ่ยหยางเมื่อได้ยินดังนั้นจึงรู้สึกสะเทือนใจยิ่ง เขาถอนหายใจออกมายาวเหยียด และยังแสดงออกมาว่าอยากจะไปเยี่ยมซือถูจิ้ง
ทุกคนต่างก็นับถือความคิดของเขาเป็นอย่างมาก เพราะถึงอย่างไรเขากับซือถูจิ้งก็เคยหมั้นหมายกันมาก่อน แต่หลังจากถูกราชวงศ์ต้าโจวถอนหมั้น ครั้งนี้เขากลับยืนยันจะมาสู่ขอให้ได้ แม้จะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เขากลับไม่รู้สึกโกรธแม้แต่นิดเดียว
หลีโม่รู้สึกว่าองค์รัชทายาทเหลียงโก๋กงผู้นี้เป็นคนตรงไปตรงมาไม่เสแสร้ง
เมื่องานเลี้ยงดำเนินมาจนถึงจุดสิ้นสุด ทุกคนล้วนไม่มีใจอยากดื่มสุรากันแล้ว จึงพากันแยกย้าย ซือถูเย้นให้คนพาซ่งรุ่ยหยางไปพักผ่อนที่ตำหนักรับรอง
เช้าวันรุ่งขึ้น ไทฮองไทเฮาเรียกตัวหลีโม่กับหมอหลวงหลี่เข้าวังเพื่อถามเรื่องของซือถูจิ้งด้วยตัวเอง
หลังจากได้ยินว่าไม่มีหนทางใด ไทฮองไทเฮาจึงถอนหายใจออกมายาวเหยียด และให้หลีโม่กับคนอื่นๆ ออกไป
หลังจากหลีโม่และคนอื่นๆ จากไปได้ไม่นาน กุ้ยไท่เฟยก็เข้าวัง
หลังจากเกิดเรื่องของซือถูจิ้ง นางไม่เคยไปเยี่ยมซือถูจิ้งเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เข้าวังมาครั้งนี้ นางพูดถึงเรื่องที่ซือถูจิ้งกลัวออกว่ามันไม่ได้การแล้ว จะต้องหาคนมาสู่ขอนาง ไม่เช่นนั้นล่ะก็ นางก็จะเป็นผีเร่ร่อนอย่างแน่นอน
ชาวแคว้นต้าโจวเองก็มีวัฒนธรรมเช่นนี้ หากสตรีที่ตายโดยที่ยังไม่ได้ออกเรือน ก็จะกลายเป็นคนไม่มีที่อยู่และกลายเป็นคนไม่มีศาสนา จะต้องกลายเป็นผีเร่ร่อนไม่มีทางได้ผุดได้เกิด
ดังนั้นเมื่อสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือนแล้วเสียชีวิตลง จะต้องหาบุรุษมาแต่งงานกับผี
ความหมายของกุ้ยไท่เฟยก็คือแทนที่จะรอจัดงานแต่งงานผีให้หลังจากซือถูจิ้งตาย มิสู้ฉวยโอกาสตอนที่นางยังหายใจอยู่ ชิงจัดงานมงคลให้นางเสียเลย
ไทฮองไทเฮาย่อมไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน “เซียวเซียวกับซือถูจิ้งในชาตินี้ย่อมไม่มีทางครองเรือนกันได้ ในไม่ช้าทั้งสองคนต่างก็ใกล้จะจากไปแล้ว ย่อมให้พวกเขาทั้งคู่ได้เป็นสามีภรรยาผีกัน ทำตามที่ใจพวกเขาต้องการจะดีกว่า ”
กุ้ยไท่เฟยกล่าวว่า “ท่านพี่อย่าลืมเชียว เซียวเซียวผู้นี้มีภรรยาคนแรกแล้ว หรือว่าพวกเราจะยอมให้ซือถูจิ้งเป็นอนุภรรยาหรือเพคะ? ไม่มีทางแน่นอน อีกอย่างตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเซียวเซียวอยู่หรือตาย เขาไม่มีทางหย่าร้างกับภรรยาของเขาได้ หานชีงชีวผู้นี้แต่งงานกับเขาไปแล้ว จะให้พวกเขาเป็นสามีภรรยาผีได้อย่างไรเพคะ นี่จะไม่เป็นความอัปยศกับองค์หญิงของพวกเราหรือเพคะ?
ไทฮองไทเฮาคิดไม่ถึงขั้นนี้ ความจริงแล้ว ฐานะของซือถูจิ้งจะเป็นเพียงอนุภรรยาได้อย่างไร? อีกทั้งงานมงคลหานชีวชิวกับเซียวเซียว ก็เป็นนางที่จัดการด้วยตัวนางเอง นางที่เป็นไทฮองไทเฮาไม่สามารถไล่ให้ผู้อื่นออกไปได้ ตระกูลเซียวจะคิดอย่างไร? ชาวประชาใต้หล้านี้จะคิดเช่นไร? และคนในใต้หล้านี้ล้วนไม่รู้เรื่องซือถูจิ้งกับเซียวเซียว
ซือถูจิ้งกินยาหลับสบายลงไปแล้ว จะช่วยก็ช่วยกลับมาไม่ได้แล้ว แม้ตอนนี้หลีโม่จะบอกว่าสามารถยื้อชีวิตของนางได้หลายวัน แต่หลังจากหลายวันผ่านไป นางก็ต้องจากไป หากไม่รีบจัดงานอภิเษกในตอนนี้ ต่อไปก็ต้องจัดงานแต่งงานผี ทำให้ศักดิ์ศรีของราชวงศ์เสื่อมเสีย
ไทฮองไทเฮาในเวลานี้จิตใจเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “เอ่อ ไม่ลองถามความคิดเห็นของเหล่าชีเสียหน่อยเล่า”
กุ้ยไท่เฟยยิ้มแล้วพูดว่า “พี่หญิง องค์หญิงอายุมากกว่าเย้นเอ๋อร์ งานมงคลของนางจะไปถามเย้นเอ๋อร์ได้อย่างไร? ท่านเป็นพี่สะใภ้ของนาง สามารถจัดการงานแต่งงานให้กับนางได้”
ไทฮองไทเฮาคิดครู่หนึ่ง “อ๋องเยว่ตงก็ใกล้จะมาถึงเมืองหลวงแล้ว พรุ่งนี้ก็ถามความคิดเห็นของเขาก่อนเถอะ เฮ้อ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะบอกเขาเช่นไรดี? ก่อนที่เขาจะไปแคว้นเยว่ตง ก็กำชับข้าครั้งแล้วครั้งเล่าว่าให้ดูแลซือถูจิ้งอย่างดีที่สุก”
กุ้ยไท่เฟยพูดว่า “เพคะ ท่านอ๋องรักองค์หญิงยิ่งนัก หากเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับองค์หญิง จะต้องเสียใจมากแน่ๆ เพคะ”
ไทฮองไทเฮานึกถึงใบหน้าของซือถูจิ้ง น้ำตาก็พลันไหลพรากลงมา “ในของข้าดวงนี้ เสียใจยิ่งนัก”
กุ้ยไท่เฟยเหลือบตาลง ถอนหายใจเบาๆ “เพคะ เสียใจ!”
“เช่นนั้นก็ดีเพคะ จะให้บ่าวไปเชิญคุณชายมาหรือไม่เพคะ?” อาฝูเอ่ยถาม
“ให้เขารีบเข้ามา” กุ้ยไท่เฟยสั่งการอย่างเย็นชา
“เพคะ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เพคะ!” อาฝูกล่าวจบก็หมุนตัวออกไป
ไม่นานก็เห็นบุรุษหนุ่มอายุสิบแปดสิบเก้าปีผู้หนึ่งพาบ่าวรับใช้สองคนมาที่พระตำหนัก คนผู้นี้สวมชุดสีแดง ท่าทางการเดินดูนุ่มนวลอยู่บ้าง ทำให้คนที่เห็นรู้สึกหลงใหลไม่น้อย เขาเดินตรงไปที่ชิงหนิงเก๋อของกุ้ยไท่เฟยทันที
“เสด็จป้า!” บุรุษหนุ่มยกมือขึ้นคำนับ
“อาช่าน นั่งลงเถอะ!” กุ้ยไท่เฟยมองเขาแล้วขมวดคิ้วมุ่น “ต่อไปเจ้าต้องสวมชุดทางการของ
แคว้นโจวเสียหน่อยนะ เจ้าเองก็เป็นคนอายุสิบแปดสิบเก้าปีแล้ว แต่กลับยังแต่งตัวเหมือนกับเด็กอยู่ได้ อีกอย่างเป็นบุรุษจะมาทาแก้มแดงทำไม? ไร้สาระ!”
“เสด็จป้า” บุรุษหนุ่มกล่าวด้วยความน้อยใจว่า “บุรุษที่ทาแก้มแดงก็ใช่ว่ามีแต่ข้าผู้เดียว ปัญญาชนจีนมากมายในเมืองหลวงก็ทำเช่นนี้กันตั้งไม่รู้เท่าไหร่”
“คนอื่นก็คือคนอื่น เจ้าอย่าลืมสิว่าบรรพบุรุษของพวกเราเคยมีชื่อเสียง ตระกูลซุนของพวกเราในเมืองหลวงตอนนี้ก็เป็นตระกูลมีฐานะ เสด็จป้าใหญ่ของเจ้าก็เป็นถึงไทฮองไทเฮา ส่วนข้าก็เป็นกุ้ยไท่เฟย ข้าไม่ยอมให้เจ้ามาทำศักดิ์ศรีของตระกูลซุนพวกเราเสื่อมเสียหรอกนะ” กุ้ยไท่เฟยกล่าวตำหนิ
คนผู้นี้ก็คือหลานชายทางฝ่ายมารดาของกุ้ยไท่เฟย เป็นซูนช่านน้องชายของเจ้าเมืองโหรวเหยา
“พ่ะย่ะค่ะ หลานทราบแล้ว!” ซูนช่านดูอารมณ์ไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด ทว่ากลับไม่กล้าโต้แย้งอะไร
กุ้ยไท่เฟยให้เขาลง แล้วพูดว่า “เจ้าจงไว้ พรุ่งนี้เจ้าเข้าวังไปพบท่านป้าใหญ่ของเจ้า บอกนางว่าเจ้า ชอบพอองค์หญิงมานานแล้ว และเจ้าก็อยากจะสู่ขอนางเป็นชายามานานแล้ว แต่ถูกกีดขวางด้วยอายุและฐานะจึงไม่กล้าพูดออกมา ตอนนี้นางเกิดเรื่อง จึงยอมไม่ได้ที่ให้นางกลายเป็นผีเร่ร่อน จึงอยากจะสู่ขอนางเข้าจวน อย่างน้อยนางจะได้กลายเป็นผีมีตำหนักให้เข้า”
ซูนช่านเงยหน้าขึ้น “เหตุใดต้องให้ข้าสู่ขอองค์หญิงด้วยเล่า? นางใกล้จะตายแล้ว ข้าไม่ได้อยากแต่งงานกับคนตายเสียหน่อย”
“หุบปาก!” กุ้ยไท่เฟยตำหนิด้วยความโมโห “เจ้ามันจะไปเข้าใจอะไร? นางใกล้ตายแล้ว แต่ถ้าเจ้าแต่งงานกับนาง สมบัติที่นางทิ้งไว้ก็จะตกเป็นของเจ้าทั้งหมด เจ้ารู้หรือไม่ว่านางมีที่ดินกับสมบัติมากเท่าไหร่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...