พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 352

ตอนที่ 352 อี้เอ๋อร์

ซูนช่านพลันส่ายหน้า “จะมีเท่าไหร่กัน?”

กุ้ยไท่เฟยมองเขาแล้วพูดว่า “สมบัติตระกูลซุนของพวกเรายังมีไม่เท่าหัวแม่มือของนาง”

ซูนช่านตกใจมาก “มีมากขนาดนั้นเชียวหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“ตอนนี้เจ้ายังรู้สึกรังเกียจที่ต้องสู่ขอนางอีกหรือไม่?” กุ้ยไท่เฟยเหลือบตามองเขาคราหนึ่ง

ซูนช่านหัวเราะออกมาอย่างทะเล้น “เป็นเพราะท่านป้ารักข้า ได้ พรุ่งนี้ข้าจะเข้าวังไปพูดกับไทฮองไทเฮา”

“อืม ไปเถอะ!” กุ้ยไท่เฟยโบกมือไปมา

ซูนช่านขอบพระทัยกุ้ยไท่เฟยแล้วจากไปด้วยท่าทางการเดินที่เบาสบายยิ่ง

ซ่งรุ่ยหยางไปเยี่ยมซือถูจิ้ง ซือถูจิ้งยังสวมชุดแต่งงานชุดนั้น เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ “ปีนั้น งานอภิเษกของข้ากับนางก็ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว อันที่จริงข้าเองก็รู้ว่านางมีคนที่รักอยู่ในใจอยู่แล้ว ทว่าข้ากลับไม่เคยสนใจในส่วนนั้น เพราะในใจของข้าเองก็มีคนผู้หนึ่งอยู่เช่นกัน และมันเป็นเรื่องที่ดีของสองประเทศจะได้เกี่ยวดองกัน แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงได้เกิดเรื่องมากมายเช่นนี้”

เมื่อหลีโม่ได้ยินดังนั้น กลับนึกถึงตอนที่เขาเคยพูดถึงผู้ช่วยหลิวเยว่ของสำนักงานเกลือผู้นั้น ไม่รู้ว่าคนที่อยู่ในใจของเขาจะเป็นนางหรือไม่

นางหวังว่าหลิวเยว่ผู้นี้จะสามารถมาปรากกฏตัวอยู่ในสายตาของทุกคนได้ทันท่วงที

หากไม่อย่างนั้น ซือถูจิ้งคงผิดหวังแย่

ซือถูจิ้งมีราชโองการให้ติดประกาศว่าหากใครหาเขาละมั่งโลหิตมาได้จะตกรางวัลให้อย่างงาม

เสี้ยฮ่าวหรานถูกส่งตัวกลับไปยังห้องทิงซวน เมื่อหลี่ซ่วยหยุ่นได้พบเสี้ยฮ่าวหราน ก็เข้าไปกอดเขาทั้งน้ำตา

เมื่อเสี้ยฮ่าวหรานกลับมาของ ย่อมไม่สามารถกอดเฉินหลิงหลงได้ แต่เสี้ยฮ่าวหรานหวาดกลัวนางยิ่งนัก จึงไม่ยอมไปเจอนาง เพียงแต่ขอร้องให้หลี่ซ่วยหยุ่นปล่อยนางไปเท่านั้น

หลี่ซ่วยหยุ่นเห็นแก่เสี้ยฮ่าวหรานจึงยอมปล่อยนางไป

ก่อนที่เฉินหลิงหลงจะออกไป นางก็ไม่ได้พูดกับเสี้ยฮ่าวหรานแม้แต่คำเดียว เพราะนางรู้ว่าไม่สามารถคาดหวังกับเสี้ยฮ่าวหรานได้ เด็กโง่ผู้หนึ่งย่อมไม่ใช่ที่พึ่งพิงของนาง

นางมั่นใจว่าเสี้ยโล่เยว่ที่อยู่ข้างนอกมีฐานะมั่นคงแล้ว เมื่อออกมาจากห้องทิงซวนนางจึงตรงไปหาเสี้ยโล่เยว่ทันที และในส่วนนี่ยังไม่พูดถึงมันชั่วคราว

ส่วนเรื่องติดป้ายประกาศก็ผ่านมาได้สองวันแล้ว มีคนมากมายมาบอกว่าตนมีเขาละมั่งโลหิตที่หน้าประตู ทว่าเมื่อผ่านการแยกแยะของหลีโม่ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นของปลอม เป็นพวกเจ้าเล่ห์ที่โลภมากจงใจย้อมเขาละมั่งให้เป็นสีแดงเพื่อมาตบตาเอารางวัลก้อนใหญ่

ความหวังของแต่ละคนล้วนดับสูญลงไปต่อหน้าหลีโม่ราวกับฝันหวาน นางโมโหยิ่งนัก นำตัวพวกที่

โกหกเพื่อรับรางวัลใหญ่ไปโบยคนละสามสิบที

การจะหาเขาละมั่งให้เจอ ดูเหมือนว่าจะมีความหวังเพียงน้อยนิดแล้ว

หลายวันมานี้หลีโม่เหนื่อยล้าทั้งกายและใจ เมื่อมองซือถูจิ้งที่นอนอยู่บนเตียง นางคงทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว

และในเวลานี้ ก็มีข่าวออกมาจากในพระราชวัง กล่าวว่าไทฮองไมเฮาต้องการหาบุรุษมาผู้หนึ่งเพื่ออภิเษกกับซือถูจิ้ง ก่อนที่นางจะตาย

เมื่อซือถูจิ้งได้ยินข่าวนี้แล้วจึงรีบเข้าวังไปทันที หลีโม่เห็นท่าทางเขาโกรธไม่น้อย กลัวว่าเขาจะก่อเรื่องขึ้นในวัง จึงอยากจะไปด้วย แต่ซือถูเย้นกลับบอกว่า “เจ้าไม่ต้องไป ข้าจะพูดกับเสด็จแม่ดีๆ”

เขาพูดคำสามคำนี้ออกมาอย่างเย็นชา น้ำเสียงหนักแน่นเป็นอย่างมาก ราวกับจะยกทัพไปคาดโทษอย่างเห็นได้ชัด

หลีโม่รู้ว่าความรักความผูกพันของพวกเขาแม่ลูกนั้นค่อนข้างดี แม้ว่าการพูดกันในครั้งนี้จะเป็นไปได้ไม่ดีนัก แต่จะไม่มีทางทำร้ายกันจนถึงขั้นรุนแรง

ซือถูเย้นเพิ่งจะออกไป ฉินจือก็มา “พระชายา มีคนที่บอกว่ามีเขาละมั่งโลหิตมาอีกแล้วผู้หนึ่งขอรับ”

หลีโม่โบกมือด้วยความเบื่อหน่าย “คงจะเป็นพวกเจ้าเล่ห์โลภมากพวกนั้นอีกแล้วล่ะสิ? รีบออกไปเลยนะ”

ฉินจือพูดว่า “ครั้งนี้คนที่มาเป็นสตรีผู้หนึ่งขอรับ ดูท่าทางเหมือนจะเป็นคนซื่อสัตย์มาก ไม่ลองเจอนางสักครู่หนึ่งล่ะขอรับ?”

หลีโม่คิดถึงความผิดหวังอันมากมายนั้นขึ้นมา จึงไม่สนใจเท่าไหร่นัก แม้ตอนนี้นางจะคิดว่าเป็นสตรีที่เหมือนเป็นคนซื่อตรงแต่ก็มีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นพวกหลอกลวง

“งั้นก็พาเข้ามาเถอะ” หลีโม่กล่าว

หมอหลวงหลี่พยักหน้า “เจ้าเอาเขาละมั่งโลหิตมาด้วยหรือไม่?”

หวางอี้เอ๋อร์ส่ายหน้า “ไม่เจ้าค่ะ อยู่กับท่านแม่ของข้า นางไม่ยอมให้เจ้าค่ะ”

หมอหลวงหลี่ตะลึงงัน “แม่ของเจ้าไม่ยอมให้? เช่นนั้นเจ้ามาที่นี่เพื่ออะไร?”

หวางอี้เอ๋อร์เบิกตากว้าง “แต่พวกท่านสามารถไปปล้นมาได้เจ้าค่ะ”

หมอหลวงหลี่หลุดขำออกมา “เจ้าเด็กผู้นี้ มีอย่างที่ไหนให้คนอื่นไปปล้นของของแม่ตัวเอง”

หวางอี้เอ๋อร์เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจนัก “เหตุใดจะไม่ได้ล่ะเจ้าคะ? หากมันสามารถช่วยชีวิตคนนั้นก็ย่อมปล้นได้เจ้าค่ะ นางเองก็ไม่ได้เสียหายอะไร ปล้นมาแล้วก็เอากลับไปคืนนางได้ ”

หมอหลวงหลี่ส่ายหน้าไปมา จากนั้นเรียกให้คนนำภาพออกมา “เจ้าดูนี่ เขาละมั่งโลหิตของแม่เจ้าเป็นเช่นนี้หรือไม่?”

หวางอี้เอ๋อร์มองดูครู่หนึ่ง รู้สึกลังเลเล็กน้อย “มีความคล้ายกันอยู่บ้าง แต่สีไม่ใช่สีแดง เป็นสีเหลืองมีสีเลือดอยู่เล็กน้อย”

หมอหลวงหลี่รู้สึกผิดหวังขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะดุนาง “เช่นนั้นเจ้าก็จำผิดแล้วล่ะ แม่นางเขาละมั่งอันนั้น ไม่ใช่เขาละมั่งโลหิต เจ้ากลับไปเถอะ อีกเดี๋ยวหากพระชายากลับมาแล้วรู้ว่าเจ้าโกหก นางจะต้องโบยเจ้าแน่นอน”

หวางอี้เอ๋อร์รู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อย “ไม่ใช่กระมัง? ข้ายังคิดว่ามันใช่อยู่เลย ข้าได้ยินพี่รองเฉินบอก

ว่าเจ้านี่มันสามารถช่วยชีวิตขององค์หญิงได้ ข้าก็เลยมาที่นี่ เช่นนั้นข้าก็ขอโทษด้วย ข้าจะกลับแล้วเจ้าค่ะ”

ฉินจือรู้สึกว่าอี้เอ๋อร์ผู้นี้น่ารักยิ่งนัก แม้นางจะไม่ได้สิ่งที่นางต้องการ แม้จะรู้สึกผิดหวัง แต่เขากลับไม่ได้กล่าวตำหนิใดๆ ออกมา ทั้งยังออกไปส่งนางด้วยตัวของเขาเอง

อี้เอ๋อร์เพิ่งจะออกมาจากประตู อ๋องเหลียงเองก็มาถึงหน้าประตูพอดี เขาลงมาจากรถม้า เมื่ออี้เอ๋อร์เห็นอ๋องเหลียง สีหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นดีใจทันที ขยี้ตาของตนครู่หนึ่ง ราวกับไม่เชื่อหูของตัวเอง หลังจากแน่ใจแล้ว นางก็วิ่งเข้าไปจับแขนของอ๋องเหลียงแล้วกล่าวอย่างดีใจว่า “พี่ใหญ่!”

สีหน้าของอ๋องเหลียงไม่เป็นธรรมชาติอยู่บ้าง “อี้เอ๋อร์?”

“ข้าเอง เหตุใดท่านมาอยู่ที่นี่ได้เล่า? ท่านมีเขาละมั่งโลหิตใช่หรือไม่? ช่างดีจริงๆ ข้ายังกลัดกลุ้มไม่หายเลย เขาละมั่งของแม่ข้าเป็นของปลอม หากท่านมีก็ช่วยชีวิตองค์หญิงได้แล้ว” อี้เอ๋อร์พูดอย่างดีอกดีใจ นางยิ้มออกมาจนเห็นฟัน รอยยิ้มนั้นช่างสดใสดึงดูดใจผู้คนเหลือเกิน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม