พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 404

ตอนที่ 404 องค์หญิงที่เลอค่าในใต้ฟ้า

รถม้าหยุดลงที่หน้าประตูตำหนักขององค์หญิง ซือถูเย้นยังพูดอยู่อย่างไม่จบไม่สิ้น หลีโม่เอามือปิดหู “เจ้าพอเถอะ”

“แล้วมิใช่หรือ? เจ้าเข้าใจหรือเปล่าว่าข้าเจ็บปวดเหลือเกิน? เจ้ายังไม่ตระหนักและไม่ขอโทษข้าเลย”

“เอาล่ะ ข้าผิดไปแล้ว โปรดอภัย” ถึงอย่างไรหลีโม่ก็ยังคงไม่เข้าใจเรื่องนี้ ผู้ที่เสียเปรียบมีเพียงนาง ผู้ที่ถูกทำให้ขวัญเสียก็มีเพียงนางเช่นกัน แต่ในท้ายที่สุดเหตุใดจึงเป็นนางที่ต้องขอโทษขอโพย

ซือถูเย้นจึงหยุดกล่าวสิ่งใดต่อ แต่ยังคงขุ่นเคืองไม่หยุดหย่อน “เมื่อสักครู่เจ้ายังมาซักไซ้คำถามกับข้า ทำข้าเสียใจอย่างมาก เจ้าจะปลอบใจข้าอย่างไรเล่า”

“ยังต้องปลอบใจอีกรึ? เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเจ้าตำหนิข้ามาตลอดทาง” ซือถูเย้นเริ่มขึ้นเสียงขึ้นมาบ้าง “เจ้ามิได้ว่าข้ากลับหรืออย่างไร? ”

“ข้าไม่ได้ว่าเจ้ากลับ ข้าตำหนิเจ้าเพราะว่าควรตำหนิ แต่เจ้าว่าข้า ข้าน้อย..”

หลีโม่ใช้โอกาสที่เขากำลังพูดประโยคแสนยาวนั้น จ้องมองเขาแล้วพูดแทรกออกไป “ได้ยินมาว่าก่อนหน้านั้นเจ้าต้องการแต่งงานกับซุนฟางเอ้อร์…”

“ใจ…” ซือถูเย้นถูกคำกล่าวหาเสียดแทงเสียแล้ว เมื่อกล่าวว่าน้อยใจจบ สถานการณ์กลับพลิกกลับ เขาพูดทำเป็นไม่สนใจ “เจ้าพิจารณาตนเองเอาเถิด ข้าไม่สนใจเจ้าแล้ว”

พูดจบก็ทำเสียงฮึดฮัด สะบัดแขนเสื้อขึ้น

หลีโม่มองตามหลังเขา “ที่รัก ไม่ช้าก็เร็วเจ้าตายแน่”

“ว่าอย่างไร?” ซือถูเย้นหูโผล่ เดินไปจนจะใกล้จวนแล้วหันหลังกลับมา “ยังไม่สาสมใจเจ้าอีกหรือ? ”

“ข้าถามเรื่องฟางเอ้อร์กับเจ้า! ” หลีโม่พูดเสียงดัง

ซือถูเย้นทำหูทวนลม หันกลับไปเดินต่อ

สองวันมานี้เซียวโธ่และซูชิงกำลังตามหาใต้เท้าหลี่ เหนื่อยราวกับสุนัขก็ไม่ปาน กลับมากลางคืนคราวนี้ ตลอดคืนทั้งสองเหมือนกับคนหมดอาลัยตายอยาก “ข่าวคราวสักนิดก็ไม่มี ทำอย่างไรดีเล่า? ”

หลีโม่และซือถูเย้นมองดูทั้งสองเหนื่อยยากจนน่าเป็นห่วง หลีโม่พูดขึ้น “ในมหาสมุทรใหญ่กว้างไม่รู้จุดสิ้นสุดนั้นยากจะพบผู้คนนัก แต่ความพยายามสุดแรงกล้านั้นนับว่ามีจุดสิ้นสุด”

เซียวโธ่และซูชิงมองไปที่นาง นางยอมแพ้แล้วหรือ? ก่อนหน้านั้นยังกล่าวจนน้ำลายแตกฟองว่าอย่างไรต้องตามหาใต้เท้าหลี่ คราวนี้กลับบอกว่าพยายามจนถึงที่สุดแล้วก็ช่างมันเถอะหรือ

“จะยกเลิกอย่างง่ายๆ เช่นนี้ไม่ได้ เซียวโธ่ พวกเราพักกินอะไรเสียหน่อยเถิดค่อยออกไปกันต่อ” ซูชิงลุกขึ้น เขาจะยอมแพ้ไม่ได้ แววตาดูเหนื่อยล้า ไม่สามารถยอมแพ้ในเวลาเช่นนี้ได้

เซียวโธ่ลุกขึ้นยืน “ดี ไปห้องอาหารกินอะไรเสียหน่อย”

ฉินจื่อกล่าวขึ้น “นอกเหนือจากหมันโถวไม่กี่ลูก ไม่มีอะไรเหลือแล้วเพคะ”

ทั้งสองกัดหมันโถวที่อยู่ในมือ หยิบไปอีกสองสามลูกก็เดินออกไป ซูชิงกลืนลงไปจนหมดเกือบสำลักจนหายใจไม่ออก เซียวโธ่เดินไปตบที่หลังเขาไป “อยากดื่มน้ำเสียหน่อยไหม? ”

“ออกไปหาอะไรดื่มเสียหน่อยเถอะ รีบหน่อย” ซูชิงยืดคอขึ้นเขาขึ้น พยายามกลืนเข้าไปแล้วตอบกลับ

หลีโม่และซือถูเย้นสบตากับ “พวกเราจะโหดร้ายเกิดไปหน่อยหรือเปล่า? ”

“เป็นเจ้าที่โหดร้ายไปเสียหน่อย”

“ข้าโหดร้ายผู้เดียวรึ? ไม่ใช่ความคิดของเจ้าหรือ? ” หลีโม่เลิกคิ้ว

“เหตุใดจึงกลายเป็นข้าที่ริเริ่มความคิดนี้เล่า? วันนั้นเป็นตัวเจ้าที่เสนอ เจ้ายังยกยอปอปั้นตนเองอยู่อีก” ซือถูเย้นกล่าวออกไป

หลีโม่รู้ว่าไม่มีทางชนะเขาได้ “พูดมาเสีย สุดท้ายแล้วเรื่องของเจ้ากับซุนฟางเอ้อร์เกิดอะไรขึ้น? ได้ยินว่าคราแรกต้องการสมรสกับนาง”

ซือถูเย้นชักสีหน้า หันไปมองทางอื่นไม่สนใจนาง เฮ่าเอ๋อเป็นคนบอกนางอย่างแน่นอน ไม่ว่าเรื่องใดนางล้วนรู้ไปเสียหมดแต่แสร้งว่าไม่รู้เรื่องรู้ราว น่าหน่ายเสียจริงๆ

หลีโม่พอใจอย่างมาก นับว่าหาทางปราบพยศเขาได้แล้ว

นอกจากนี้หากได้เป็นพระราชบุตรเขย แม้ว่าเงินและทรัพย์สินทั้งหมดต้องยกให้กุ้ยไท่เฟย คนพวกนั้นที่อยู่ใต้บังคับบัญชาขององค์หญิงล้วนจงรักภักดีต่อนาง เขาอาจพอมีหนทางรอดชีวิตไปได้

“ได้ เจ้ากลับไปก่อน คราวหลังอย่าเข้ามาโดยตรง หากข้าต้องการเรียกพบ ข้าจะสั่งคนให้ไปตามเจ้า” กุ้ยไท่เฟยกล่าว

“หม่อมฉันทราบแล้ว ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันทูลลา” เหลียงสู้หลินลุกขึ้นยืน โค้งคำนับลา เขาเดินเข้าว่าพบครั้งนี้ความจริงต้องการมาดูว่าอ๋องหนานหวยกลับมาแล้วหรือไม่ เขารู้สึกมาตลอดว่าหากได้การยืนยันจากอ๋องหนานหวนเป็นสิ่งที่ไม่เลว

เหลียงสู้หลินเพิ่งลาไป กุ้ยไท่เฟยรีบสั่งให้อาฝูไปเฝ้าที่หน้าประตูทันที

ด้านในจวนเผยยิ้มไม่ประสงค์ดีจากคนผู้หนึ่ง “หมู่ฮอง ดูท่าแล้วทั้งหมดนี้ของท่านอา คงตกเป็ฯ ของพวกเราทั้งหมด”

“อือ หากทุกอย่างราบรื่นก็มิมีสิ่งใดมาขวางได้ ” กุ้ยไท่เฟยยกยิ้ม ใช้สายตาเต็มเปี่ยมด้วยรักมองคนที่อยู่ตรงหน้า

ผู้นี้คืออ๋องหนานหวนขุนนางที่กลับมาอยู่ในเมือง คราวก็ที่เขาจากไปก็ไม่ได้กลับมาที่แดนหนานโก๋ว และซ่อนตัวอยู่ในเมืองหลวง ครั้งนี้ฮองไทเฮารับสั่งลงมาว่ากำหนดการของเขายังไม่มาถึง จึงต้องซ่อนตัวอยู่ในเวลาคับขันเช่นนี้

“เหลียงสู้หลินจะทำให้เรื่องราบรื่นได้หรือไม่?” เขาถามด้วยความกังวลใจ

ก้ยไท่เฟยตอบกลับ “เขามิกล้ามีลับลมคมในหรอก จุดอ่อนของเขาอยู่ในเงื้อมมือของข้า รอเขาได้เป็นพระราชบุตรเขยข้าจะสั่งคนให้เข้าไปคิดบัญชี จัดแจงมรดกทรัพสมบัติขององค์หญิง”

“ทรัพย์สมบัติเป็นจำนวนเท่าใด” อ๋องหนานหวยถามขึ้น

“มีผู้คำนวณเอาไว้ ที่ดินและตำหนักนั้นไม่มีวันเปลื่ยนแปลง ทุกปีได้ค่าเช่าประมาน หมื่นสองชั่ง หนึ่งปีนางมีเงินสะสมในคลังสามล้านสามแสนชั่ง เครื่องประดับและวัตถุสะสมคาดว่าไม่น้อยกว่าสามแสนชั่ง”

เหนือความคาดหมายจนอ๋องหนานหวยรู้สึกประหลาดใจ “เยอะขนาดนี้เชียวรึ? ” รู้หรือไม่ว่าตำแหน่งหมู่ฮ่อง ทุกปีได้รับเงินเพียงสามพันสองชั่งเท่านั้น นับว่าองค์หญิงเจิ้นโก๋และฮองเฮานั้นเทียบแล้วอยู่ในระดับเดียวกัน แต่ได้รับเงินเพียงห้าพันสองชั่งต่อปี จะสู้เงินสามล้านกว่าชั่งได้อย่างไร

รู้หรือไม่ว่าภาษีของแคว้นต้าโจวตลอดหนึ่งปีมานี้เพิ่มขึ้นถึงยี่สิบล้านชั่ง

“นางเป็นถึงธิดาของฮ่องเต้ หลังจากจักรพรรดิองค์ที่สาม ก่อนไทฮองไทเฮาจะจากไปนางได้ยกตำหนักส่วนตัวให้แก่องค์หญิง นอกจากนี้นางยังมีกิจการมากมาย ทั้งยังเป็นหุ้นส่วนกับตระกูลหู เครื่องประดับและของสะสมเหล่านี้เป็นเพียงการประมาณเท่านั้น อันที่จริงมันอาจจะเยอะกว่านี้มาก และข้ายังได้ยินมาว่านางไม่เพียงเก็บเงินไว้ในคลังหลวง นางยังเก็บเงินส่วนตัวไว้ในคลังอื่นของประชาชนอีกด้วย หากเป็นเรื่องจริง องค์ชายแปด ท่านอาของเจ้าคือบุคคลที่มีมูลค่าร่ำรวยล้นฟ้านัก”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม