ตอนที่ 442 ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องการเข้าเฝ้าฮ่องเต้
ฮ่องเต้ยังไม่ได้เริ่มผ่าตัด การผ่าตัดไม่ได้ซับซ้อน หลีโม่ไม่รีบร้อน เพียงแต่เตรียมอุปกรณ์ไว้ก่อนแล้วค่อยเจรจากันอีกที
ตอนที่องค์รัชทายาทและสนมเหลียงเข้ามา หลีโม่นั่งยองๆ อยู่ข้างเตียง ผ้าคลุมของฮ่องเต้เลิกขึ้นพอดีเผยให้เห็นใบหน้า องค์รัชทายาทและสนมเหลียงตกใจจนใบหน้าซีดขาว
ฮ่องเต้เบิกตา นัยน์ตา,นัยนานั้นฉายแววดุดัน ละเลียดคำพูดออกมาจากริมฝีปากเพียงประโยคเดียว “บุตรชายกับฮองเฮาของข้ามาแล้วหรือ”
คำคำนี้อ่อนโยนเหลือเกิน แต่เมื่อผ่านเข้าหูของสนมเหลียงและองค์รัชทายาทกลับเหมือนกับฟ้าผ่าลงมาเสียอย่างงั้น
สนมเหลียงดึงองค์รัชทายาทให้คุกเข่าลง ตัวนางสั่นเทาอย่างไม่ได้ตั้งใจ “หม่อมฉันเป็นห่วงฮ่องเต้เพคะ เกรงว่าจะมีผู้ใดมาประพฤติมิชอบ จึงมาเข้าพบเพคะ”
ฮ่องเต้แย้มยิ้ม รอยยิ้มที่ค่อยๆ ยกมุมปากขึ้นอย่างช้าๆ รอยผื่นแดงบนใบหน้าแทบจะเป็นเส้นเลือดแดงก่ำ หางตาช้อนขึ้นจนน่าหวาดเกรง “ดี!”
องค์รัชทายาทคุกเข่าลงตรงหน้า แต่ไม่กล้าขยับเข้าไปใกล้ กล่าวออกไปทั้งๆ ที่น้ำตา “เสด็จพ่อ ลูกเพียงคิดถึงท่าน ท่านสบายดีหรือไม่อย่างไร”
“ข้ากำลังจะตาย!” ฮ่องเต้ถอดถอนลมหายใจ หลับตาลง
องค์รัชทายาทสบตากับสนมเหลียง ไม่เสียประโยชน์เลยสักนิด
ฮ่องเต้กำลังจะสิ้นชีพ ถ้าเช่นนั้นก็มีแววว่าเขาจะได้ขึ้นบัลลังก์ใช่หรือไม่?
องค์รัชทายาทคืบคลานเข้าไปหนึ่งก้าว ร้องไห้พร้อมกล่าวว่า “เสด็จพ่อ ท่านตรัสสิ่งใดออกมา ลูกฟังอยู่นะเพคะ”
ฮ่องเต้ลืมตาขึ้น ดวงตาอับแหลมคมของเขาไม่สามารถปกปิดความโกรธได้อีกต่อไป “ต้องการคำรับสั่งสุดท้ายจากข้าใช่หรือไม่ ให้องค์รัชทายาทขึ้นรับบัลลังก์ ใช่หรือไม่เล่า”
องค์รัชทายาทตกใจ รีบแก้ตัวออกไป “ลูกไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เสด็จพ่อจะไม่เป็นอันใด เสด็จพ่อเป็นดั่งมังกรฟ้าพันปี ไม่พ่ะย่ะค่ะ ไม่ใช่ หมื่นปี หมื่นๆ ปีเลยเพคะ”
หลีโม่ได้ฟังคำกล่าวขององค์รัชทายาทก็ได้แต่ถอนหายใจในใจ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าในคราแรกที่ขึ้นครองราชย์เหตุใดจึงแต่งตั้งองค์รัชทายาทรวดเร็วเช่นนี้ แต่คิดๆ ดูแล้วก็เข้าใจได้ว่าอาการประชวรตุ่มลายปีศาจนั่น มีมานานแล้ว เพียงแค่ปกปิดไว้อย่างดี เรื่องนี้ฮองไทเฮาน่าจะรู้ดี
ทายาทของฮองเฮามีเพียงสนมเหลียงและซือถูเย่ ทายาทคนโตไม่สามารถเข้ารับการแต่งตั้งเนื่องจากโรค มีเพียงแค่ซือถูเย่เท่านั้นที่สามารถเข้ารับการแต่งตั้งได้
แต่นิสัยไม่เอาไหนถึงเพียงนี้
หากไม่ใช่ไถ้ฝู้และฮองเฮาปกป้องเอาไว้มาหลายปี เกรงว่าคงจะตายไปเสียตั้งนานแล้ว
ฮองไทเฮานั้นก็ไม่ทันคิดเช่นกัน ตั้งแต่ถูกลดตำแหน่งเป็นสนม ความคิดความอ่านของนางก็ดูจะลดลงไปด้วย วันนี้นางไม่ควรมากับองค์รัชทายาท หากฮ่องเต้อยู่ในช่วงวิกฤตจริง องค์รัชทายาทก็จะได้ขึ้นมารับตำแหน่งว่าราชการแทนทันที นางรีบร้อนไปทำไมกัน? ต้องการเห็นให้แน่ฉันว่าหลีโม่และซือถูเย้นเข้าวังมาพร้อมกัน เกรงว่าพวกเขาจะกุมความลับเอาไว้หรือ?
นางได้ยินเสียงถอดถอนหายใจของฮ่องเต้
ซือถูเย้นนั่งอยู่ข้างเตียง นิ่งเฉยราวกับว่าไม่รับรู้สิ่งใด
ฮ่องเต้มององค์รัชทายาท “เจ้ามาตรงนี้!”
องค์รัชทายาทลุกขึ้นมาอย่างสั่นเทา ก้าวเข้าไปอย่างช้าๆ แล้วหยุดโค้งคำนับ ไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้มากกว่านี้ หยุดอยู่ที่ด้านหลังของหลีโม่ สีหน้านั้นดูหวาดระแวงและงุนงง
หลีโม่ลุกขึ้นยืนแล้วถอยออกไปก้าวหนึ่งให้พวกเขาพ่อลูกได้คุยกัน
“รู้หรือไม่ว่าข้าประชวรเป็นโรคใด? “ฮ่องเต้ถาม
องค์รัชทายาทพยักหน้า จู่ๆ ก็ส่ายหน้าด้วยความงุนงง เขามองตรงไปด้วยความหวาดกลัว แต่ไม่กล้ามองใบหน้านั้นตรงๆ
“ไม่รู้หรือ? “ฮ่องเต้ยิ้มเย็น “นอกตำหนักไม่มีข่าวลือแพร่ไปว่าข้าเป็นแผลพุพองหรือ?”
องค์รัชทายาทไม่กล้าส่งเสียงใดๆ ออกไป ได้แต่กดสายตามองลงต่ำ เขาดูขลาดเขลาเหลือเกิน
"เจ้าว่าข้าเป็นโรคแผลพุพองหรือไม่? " ฮ่องเต้ถาม
องค์รัชทายาทส่ายหน้า “ไม่ใช่เพคะ!”
“ถ้าเช่นนั้นข้าประชวรเป็นอะไร?” ฮ่องเต้ถามอีกครา
ทุกสิ่งในนั้นเงียบกริบไม่ส่งเสียง
หลังจากนั้นก็เริ่มประชุมลับกันอย่างเร่งด่วน
บนหลังคาในจวนของไถ้ฝู้มีชายชุดดำเอนตัวหลบอยู่อย่างเงียบเชียบ ใบหน้าอันวิจิตรงดงามของเขา เต็มไปด้วยความไม่พึงพอใจ
ไม่รู้ว่าหากฮ่องเต้ได้ยินความคิดเห็นของเขาเข้า ในจะจะรู้สึกอย่างไร?
หลายปีมานี้ทำงานอย่างหนักเพื่อประโยชน์ของประชาชน แต่หากพูดถึงข้าราชบริพาลกลับเป็นสิ่งที่เข้มงวดจนเกินไป ทำงานเพื่อประชดเป็นหลักสู้กลับบ้านเกิดไปปลูกมันไม่ดีกว่าหรือ จริงอย่างที่หูฮวนซีว่าเอาไว้ ใครๆ ก็ทำไปเพื่อหวังผลประโยชน์แก่ตนทั้งนั้น
อ๋องเย่ได้ฟัง ร่างกายราวกับล่องลอยขึ้นไปบนอากาศ
แม้จะเปลี่ยนวันว่าราชการ หากแต่ว่าขุนนางกลุ่มหนึ่งก็ยังเข้ามาในวัง ต้องการเข้าเฝ้าฮ่องเต้
ซือถูเย้นส่งกองทหารออกไปประจำการ แต่เนื่องจากความวุ่ยวายโกลาหลนี้ ด้านนอกจึงลือกันเต็มไปหมด จำเป็นต้องให้ฮ่องเต้ออกมาตรวจดู
องค์หญิงซือถูจิ้งก็ออกมาระงับสถานการณ์เอาไว้เช่นกัน แต่ขุนนางที่มีเจตนาชั่วร้ายแอบแฝงกลุ่มหนึ่งเหมือนกับข่าวลือลูกโซ่ที่แพร่ออกไปอย่างคลุ้มคลั่งก็ไม่ปาน ยังจะต้องห่วงภาพลักษณ์ศักดิ์ศรีขององค์หญิงอีกที่ใดกัน? ไถ้ฝู้และอ๋องหนานหวยระดมพลทหารและทหารม้าบุกเข้าไปในวัง
ซือถูจิ้งไม่คิดว่าเหตุการณ์จะยากที่จะควบคุมถึงเพียงนี้ แม้แต่นางยังมิอาจหยุดยั้งได้ มีแต่จะถอยหลังออกมาก้าวแล้วก้าวเล่า สั่งคนให้รีบไปรายงานซือถูเย้น
ซือถูเย้นนำจื่นเฉิงออกจากตำหนักมา จื่นเฉินควบม้าออกไป
องค์ราชทายาทจับกุมองค์หญิงซือถูจิ้งไว้อย่างไม่ไยดี “องค์หญิง บัดนี้ชาวบ้านชาวเมืองได้ข่าวแล้วว่าเสด็จพ่อเป็นแผลพุพอง ผู้คนตื่นตระหนก มีเพียงทางเดียวคือสวรรค์เบื้องบนลงโทษเสด็จพ่ออย่างช่วยไม่ได้ หากเสด็จพ่อไม่ออกมาสงบจิตสงบใจพวกเขาเสีย เกรงว่าชาวเมืองจะเปลี่ยนใจเอาได้ ไร้หนทางที่จะกลับขึ้นไปยังสวรรค์ชั้นฟ้า”
ซือถูจิ้งโกรธอย่างมาก “ซือถูเย่ เจ้ายังรู้จักเรียกว่าเสด็จพ่ออยู่อีกหรือ? บัดนี้ท่านประชวรอยู่จะออกมาสงบศึกได้อย่างไร? แม้ว่าด้านนอกจะลือออกไป เจ้าก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องแต่งเติม เจ้าเป็นถึงองค์รัชทายาท ไม่กังวลใจถึงเสด็จพ่อ เหตุใดไม่ออกไปให้ความสงบจิตสงบใจแก่ประชาชน กลับนำกองทัพมาสร้างความวุ่นวายเป็นเรื่องเป็นราว เจ้าคงไม่ต้องการจะเป็นองค์รัชทายาทอีกต่อไปแล้วสินะ”
ไถ้ฝู้กล่าวอย่างเยือกเย็น “องค์หญิงไม่ได้ทำงานการบ้านการเมือง หากแต่วันนี้องค์หญิงมาขัดขวางพวกขุนนางเอาไว้ ในภายหน้าอาจจะสร้างความแค้นและขุ่นเคือง พวกข้าเพียงอยากมาตรวจสอบให้แน่ชัด หากฮ่องเต้เป็นโรคแผลพุพองจริงก็จะเป็นหายนะต่อแคว้นต้าโจวของข้าได้ ข้าสละทำเรื่องสำคัญ เพื่อความมั่นคงของแคว้นต้าโจว”
"กล่าวได้ดี!"เสียงอันน่าเกรงขามดังมาจากด้านหลัง หมู่คนล้วนหันไปมองตาม พบกับคนผู้หนึ่งที่ติดเครื่องเหล็กกล้ามากมาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...