พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 443

ตอนที่ 443 กดดันฮ่องเต้สละราชย์

ชายผู้นั้นสวมชุดเกราะสีทอง และเสื้อคลุมปักเหลื่อมสีดำ ใบหน้าของเขาสง่างาม มือถือดาบยาว ควบม้าตรงเข้ามา

ด้านหลังของนางมีเหล่าทายาทของตระกูลเฉินอีกสิบสองคนแต่งกายด้วยชุดเครื่องแบบ สวมเครื่องเหล็กทองให้แก่ทหารม้า ราวกับว่าราชวังแห่งนี้เป็นสนามรบ

เฉินไท่จูนนำกำลังพลของตระกูลเฉินมาสนับสนุน

อย่ามองว่าเหล่าไท่จูนทำให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่การนั่งอยู่บนม้าตัวใหญ่นั้น ดูสง่าและหาญกล้ามาก พลังอำนาจไม่ตกไปให้ผู้ใดควบคุมได้

นางควบม้าเข้ามาท่ามกลางฝูงชน นั่งอยู่บนม้มองลงมายังไถ้ฝู้และอ๋องหนานหวยเสียงหัวเราะเยือกเย็น “ที่ไถ้ฝู้กล่าวช่างมีเหตุผล ในฐานะที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่งของราชสำนักก็ควรทำให้ประชาชนของแคว้นต้าโจววางใจกับข่าวลือ ชัดเจนแล้วว่าข่าวลือนั้นจึงออกมาจากปากขององค์รัชทายาทและสนมเหลียง ถ้าเช่นนั้นก็เชิญไถ้ฝู้รีบตัดสินใจ จัดการกับองค์รัชทายาทและสนมเหลียงเสีย ทำให้ประชาชนจิตใจสงบลง”

“ผู้เฒ่าผู้นี้ เจ้าพูดสิ่งใดมั่วซั่ว สร้างเรื่อง” องค์รัชทายาทโมโหคว้ามือไปดึงองค์รัชทายาทลงมา “เจ้าลงมานี่ ข้ายืนอยู่นี่ เจ้าไปนั่งอยู่บนม้าสนทนากับองค์รัชทายาทได้อย่างไร”

เฉินไท่จูนสะบัดขา ว่ากล่าวออกไปฉาดใหญ่ “วันนี้ข้าไม่หยุดแค่ปราบพยศอันไร้ความสามารถขององค์รัชทายาทหรอกนะ ข้าจะปราบเจ้าเพราะไร้ความซื่อสัตย์ อกตัญญู ทั้งยังอยุติธรรม”

ลู่ติงเวยลุกขึ้น กล่าวไปด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “เหล่าไท่จูน พวกข้าเคารพท่านในฐานะทหารกล้าสามราชวงศ์ ทั้งยังนำรบเพื่อแคว้นต้าโจว แต่ท่านมาอวดภูมิอยู่ในที่แห่งนี้ ที่นี่ไม่ใช่ที่ของตระกูลเฉินของพวกท่าน ท่านคงต้องนำชัยชนะกลับไปเท่านั้น จึงไม่ขายหน้าตระกูลเฉิน”

เฉินไท่จูนจ้องด้วยแววตาเย็นชา “ข้าก็นึกว่าผู้ใด ที่แท้ก็ผู้หนีรบแห่งตระกูลอู๋อันโหวนี่เอง”

ลู่ติงเวยโกรธอย่างมาก โพล่งออกไป “ข้าไม่ใช่ผู้หนีศึก”

เฉินไท่จูนยิ้มเย็น “ไม่ใช่หรอกรึ? ศึกคราวนั้นผู้ใดกับที่หวาดกลัวศัตรูจนแผ่นแน่บ สุดท้ายยังมาหลอกลวงฮ่องเต้ด้วยคำกล่าวอ้างของศัตรูอีกรึ? ตระกูลลู่คงขายหน้าเพราะเจ้ากันหมดแล้วเสียกระมัง วันนี้เจ้ายังกล้ามาก่อเรื่องวุ่นวาย หากข้าเป็นเจ้าคงรีบไปกลับเข้าไปในท้องแม่ ไม่ออกมาให้ขายหน้า”

ลู่ติงเวยโกรธอย่างมาก “ฮ่องเต้ได้ตัดสินแล้วว่าข้าไม่มีโทษ จึงยืนยันได้ว่าข้าไม่ได้หนี เจ้าจะชี้ว่าฮ่องเต้นั่นโง่เขลาและรู้ไม่เท่าทันโดนพวกข้าหลอกลวงรึ? หรือตระกูลเฉินถือตัวเป็นใหญ่สงสัยการตัดสินของฮ่องเต้”

“ฮ่องเต้ปกป้องชื่อเสียงแห่งวงศ์ตระกูลเฉิน ทนไม่ได้ที่จะปล่อยอำนาจของตระกูลเฉินไปอยู่ในมือเจ้า หากฮ่องเต้รู้ว่าวันนี้เจ้าก่อความวุ่นวายล่ะก็ เกรงว่าจะเสียดายที่เปิดทางให้เจ้าทำเช่นนี้ตั้งแต่คราแรก”

สนมเหลียงพูดอย่างเย็นชา “เฉินไท่จูน เจ้าก็ปลดประจำการไปแล้ว เรื่องราวของวันนี้ไม่ต้องมามีส่วนร่วมให้ยุ่งยาก เกรงว่าจะทำลายความภักดีของผู้คนเอานะ”

เฉินไท่จูนหรี่ตามองหาสนมเหลียง ตอนนี้สนมเหลียงอยู่ท่ามกลางผู้คน นางจึงมองไม่เห็น

“ไม่คิดเลยว่า เจ้าก็เข้ามายุ่มย่ามเช่นกัน ข้าล่ะผิดหวังในตัวเจ้าจริงๆ โง่เขลาอย่างคาดไม่ถึง” เฉินไท่จูนส่ายหัว ดูท่าแล้วพวกเขาจะมั่นอกมั่นใจมากว่าฮ่องเต้เป็นแผลพุพอง ไม่ตายก็ไม่ยอมถอย ความมั่นใจหนุนนำ มีเบื้องลึกเบื้องหลังจนไม่กลัวเกรง

นอกจากนี้ยังผสมโรงกับอ๋องหนานหวย ไส้ศึกไร้น้ำยาเสียจริง

เหล่าไท่จูนกล่าวคำว่า ‘ก่อ กบฏ ’ เน้นทีละคำ ละเลียด ‘โทษ ประหาร ชั่วโคตร’ ทีละคำแน่นอนว่าขู่ขวัญให้เกรงกลัวเสียบ้าง

ความจริง แม้ฮ่องเต้จะประชวรเป็นแผลพุพองก็ตาม แต่เขาก็ยังเป็นฮ่องเต้? เขายังไม่สละบัลลังก์ แม้เหล่าขุนนางจะร่วมกันก่อความกดดันให้สละราชย์ เขาก็ยังไม่สละบัลลังก์ เขากอบกุมอำนาจไว้อยู่ กองทัพอยู่ในมือของเขา ยังมีราชวงศ์มากมายที่กอบกุมอำนาจไว้เข้าข้างเขา

จวบจนวันนี้ เพียงแค่มองดูท่าทีของตระกูลเฉินก็รับรู้ได้แล้วใช่หรือไม่เล่า? ยังมีซือถูเย้นอีกคน ผู้คนเหล่านีล้วนเป็นผู้ที่กอบกุมอำนาจทางทหารมากล้น

เหลียงไถ้ฝู้โกรธเคืองคำพูดหยาบคายไม่เข้าหูต่อนางมาก “เหล่าไท่จูนโปรดควบคุมตนเอง อย่าได้พูดจาหยาบคายได้เต็มปากเต็มคำ ข้าไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความกับเจ้า หากเจ้าไม่ถอยออกไป ฝ่าฝืนบัญชาสวรรค์ ในอนาคตองค์รัชทายาทก็ต้องครอบครองบัลลังก์ หัวของเจ้าตระกูลเฉินไม่อยู่ดีอย่างแน่นอน”

เฉินไท่จูนหัวเราะลั่น “ถ้าองค์รัชทายาทได้ขึ้นครองราชย์ ตระกูลเฉินของข้าจะเป็นกองทหารกองแรกที่ลุกขึ้นมากบฏ องค์รัชทายาทไร้ความสามารถ ไม่รู้เรื่องรู้ราว ถูกไถ้ฝู้จูงจมูก แม้จะได้ขึ้นครองราชย์คงไม่พ้นเป็นหุ่นเชิด อำนาจใหญ่โตอยู่ในมือของตระกูลเหลียงอย่างพวกเจ้า ยิ่งนานวันก็ยิ่งหาความฉลาดของฮองเฮาไม่เจอ คิดไม่ถึงว่าจะไร้ปัญญาไตร่ตรองถึงเพียงนี้ ช่วยเหลือเจ้ายึดครองแผ่นดิน ตอนนางร้องไห้เสียใจ แม้แต่ตัวเหลียงไถ้ฝู้เองยังว่านางโง่เขลาแต่ก็ฉลาดอยู่เพียงนิด จะบอกว่านางฉลาดหลักแหลมก็นับว่าไม่ได้มากมายขนาดนั้น อ๋องหนานหวยกับเจ้าได้รับอำนาจและตำแหน่ง

จากรัชทายาทมาด้วยกันทั้งคู่ อ๋องหนานหวยว่าอย่างไรบ้าง? นกที่เป็นผู้นำทาง ย่อมถูกยิงตายก่อน ทบทวนเอาเสียหน่อยเถอด หากใจร้อน ก็ไม่ควรรีบร้อนไปกับใจด้วย ถ้าฮ่องเต้เป็นแผลพุพองจริงก็เหลือเวลาอยู่ไม่มาก เจ้ารอไม่ได้เลยหรืออย่างไร? เสียเวลารอมาตั้งกี่ปีแล้ว”

อ๋องหนานหวยตอบกลับไปเรียบๆ “เฉินไท่จูนโปรดหยุดสร้างความบาดหมางเสียเถอะ ข้ากับไถ้ฝู้ไม่ได้ดองกันแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการเสาะหาความจริงเท่านั้น หากฮ่องเต้เป็นโรคแผลพุพองจริง ข้าก็จะรับสั่งให้คนมารักษาให้หาย ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น”

ไท่จูนมองไปที่เหลียงไถ้ฝู้ด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น “ได้ยินแล้วหรือไม่? นี่สิจึงจะเป็นผู้ฉลาดหลักแหลม เล่ห์เหลี่ยมคมคายเพื่อความรุ่งเรืองในวันหน้า กลับเป็นตระกูลเหลียงที่นับวันความโชคร้ายมาเยือน”

เหลียงไถ้ฝู้หันกลับไปมองอ๋องหนานหวย เขารู้ดีว่าอ๋องหนานหวยและกุ้ยไท่เฟยเป็นพวกเล่ห์เหลี่ยมจัด แต่การกดดันให้ฮ่องเต้สละราชย์ในครั้งนี้ เขาสนับสนุนการขึ้นครองราชย์ขององค์รัชทายาท อ๋องหนานหวยไม่ใช่ผู้ที่มีอำนาจมากมาย เพราะทั้งสองจะต้องชิงบัลลังก์กันหลังจากนั้น เขาจะรักษาอำนาจมากมายเอาไว้จนกว่าจะถึงคราที่ฮ่องเต้สละบัลลังก์จริงๆ จึงจะเป็นอำนาจที่แท้จริง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม