พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 444

ตอนที่ 444 อีกด้านสู่อีกด้าน

เหตุใดไถ้ฝู้จะต้องอดทนเอาไว้ ความจริงแล้วเขาไม่ควรลงมือในตอนนี้

แต่เขารอไม่ได้อีกต่อไป เพราะสถานการณ์จะเป็นอันตรายต่อเขา หากรอต่อไปมีแต่จะโดนซือถูเย้นตัดอำนาจของเขาให้ขาดสะบั้น ถึงเวลานั้นเขาจะต้องสูญเสียมันให้กับอ๋องหนานหวยจริงๆ

ตอนนี้ยังมีผู้ที่จงรักภักดีต่อเขาอยู่ เขาต้องลงมือ อย่างน้อยๆ ก็ทำให้คนพวกนั้นได้รู้ว่านั้นควรจะเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์

นอกจากนี้องค์รัชทายาทและสนมเหลียงยังเห็นมากับตาว่าฮ่องเต้เป็นโรคแผลพุพอง เมื่อถึงเวลาที่ชาวบ้านจะต้องออกมากดดันให้ฮ่องเต้สละราชบัลลังก์ ฮ่องเต้ก็มิยอมสละอย่างแน่นอน

ดังนั้น เขาจึงลงมือหารือกับอ๋องหนานหวย ทั้งสองฝั่งสงบศึกชั่วคราวเพื่อก่อสงคราม เตรียมตัววางแผนทำให้ฮ่องเต้สละราชบัลลังก์ เพราะเมื่อใดที่ฮ่องเต้สละราชย์เมื่อนั้นองค์รัชทายาทจะได้ขึ้นแทน ช่วงเวลาที่จำเป็นจึงเป็นช่องว่างที่ทำให้ทั้งสองต้องดำเนินการวางแผนต่อสู้ อ๋องหนานหวยจะต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน หากฮ่องเต้ไม่ยอมถอยอีก ทั้งสองฝ่ายก็มองไม่เห็นความหวังใด

และจวบจนบัดนี้ ฮ่องเต้เป็นโรคแผลพุพองอย่างแน่นอน หากเรื่องนี้ไม่กระพือออกไปเป็นเรื่องใหญ่ เขาทั้งสองจะต้องถูกซือถูเย้นตัดอำนาจออกเป็นเสี่ยงๆ อย่างแน่นอน และเขาแผ่ขยายอำนาจของเขาออกไปเรื่อง พอถึงเวลานั้น แผ่นดินใต้หล้าก็จะตกเป็นของเขา

ครอบครองความน่านับถือไปจนถ้วนหน้า เขาจึงรอไม่ได้อีกต่อไป จะต้องเปิดศึกเสียเลยบัดนี้

แต่ทว่า บัดนี้เฉินไท่จูนขัดขวางอยู่ตรงหน้า พวกเขาไม่มีทางที่จะก้าวออกไปได้ ถึงแม้ว่าพลทหารครึ่งหนึ่งจะเป็นคนของเขา แต่อย่างไรอีกครึ่งก็เป็นพลทหารของซือถูเย้น

เขาส่งสายตาให้ลู่ติงเวย ลู่ติงเวยพยักหน้าเล็กน้อย ค่อยๆ หนีออกไป

เฉินไท่จูนและพวกเขามาปะทะกันต่อหน้ากันเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงแล้ว จากนั้นก็เห็นอู่อันโหวนำทหารม้าเข้ามา

และในเวลาเดียวกันซูชิงก็ปรากฏตัวขึ้นมาอยู่เคียงข้างกับเฉินไท่จูน เขาพูดกับเฉินไท่จูนเพียงไม่กี่คำ เฉินไท่จูนพยักหน้าตอบรับ

บัดนี้ถึงเวลาเผชิญหน้าแบบตัวต่อตัว ตาต่อตาฟันต่อฟันแล้ว

อู่อันโหวนั่งอยู่บนม้าควบคุมอำนาจสั่งการ ไม่ยอมให้แม้แต่เฉินไท่จูน

เหลียงไถ้ฝู้เห็นอู่อันโหวนำกำลังคนเข้ามาจึงสบตากับสนมเหลียงด้วยความรู้สึกพึงพอใจ

สถานการณ์วุ่นวายขึ้นแล้ว เดิมไม่ใช่ศัตรูของเฉินไท่จูน แต่อย่างไรเฉินไท่จูนใช้เวลาระดมกำลังมาอย่างมาก ก็ไม่สามารถนำน้ำชโลมกับไฟได้ เมื่อไม่สามารถระดมกำลังทหารม้าของกองทัพได้ จึงระดมทัพของตระกูลของตนมา และทหารของตระกูลเฉินไม่สนใจเรื่องราวในราชสำนัก จึงมีกองกำลังไม่เยอะเท่าอู่อันโหว

“เจ้าเด็กน้อย เจ้าก็มาร่วมสนุกด้วยหรือ?” เฉินไท่จูนกล่าวทักทายอู่อันโหว อู่อันโหวอายุก็สี่สิบปีแล้ว กลับถูกเรียกเช่นนั้นต่อหน้าข้าหลวง ดูท่าว่าเฉินไท่จูนจะไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย ถึงกระทั่งยุยงให้เกิดไฟ

ผลลัพธ์ปรากฏแล้ว อู่อันโหวโกรธอย่างมาก ควบม้าพุ่งเข้าหาเฉินไท่จูนทันที

อู่อันโหวเป็นพวกชอบลงมือ ไม่พูดให้มากความ แน่นอนว่าวันนี้จะต้องบุกเข้าไปถึงตำหนักให้ได้อย่างแน่นอน

ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจตัดความยุ่งเหยิงออกไปอย่างรวดเร็ว จำเป็นต้องกำจัดกำลังพลของเฉินไท่จูน

เป็นเช่นนี่ เดิมทีเพียงแต่มาเผชิญหน้ากัน ตอนนี้กลายเป็นต่อสู้ตาต่อตาฟันต่อฟันไปเสียแล้ว

สนามรบเข่นฆ่านี้ การต่อสู้อาจจะน่าแปลกใจ แต่ก็มีที่มาที่ไป เพราะทุกคนล้วนถูกควบคุมมาแสนนาน

เหล่าไท่จูนแม้อายุจะมากแล้ว แต่รากฐานยังดีอยู่ นางต่อสู้ตัวต่อตัวกับอู่อันโหว และไม่มีพลาดเลยแม้แต่น้อย ด้ามดาบดังเซ็งแซ่ ฟาดฟันกันยิบตา

อย่างไรก็ตามคนของเหล่าไท่จูนก็ไม่ได้ออมมือ เพียงแต่ล้อมคนของอู่อันโหวเอาไว้ ไม่จู่โจม ไม่หลีกให้ กลับราวกับว่ายื้อเวลาเอาไว้

ไม่ผิดหรอก ความจริงคือยื้อเวลาเอาไว้

เพราะว่า อีกสองกองทัพกำลังจะเดินทางมา

ทัพแรกคือตระกูลเซียวที่นำทัพโดยแม่ทัพเซียว อีกทัพหนึ่งคือราชองครักษ์นำทัพมาโดยอ๋องอานชิน

สามทัพสู้กับทัพเดียว อู่อันโหวเสียเรียบทำได้เพียงแค่ถอยทัพออกไป

แม้ว่าจะหลีกเลี่ยงการสู้กันจนล้มตาย แต่ก็ยังมีคนหลายสิบคนได้รับบาดเจ็บ

“เจ้าไม่เชื่อข้า?” อ๋องอานชินขมวดคิ้ว

“หากว่าข้าไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง ไม่ว่าผู้ใดข้าก็ไม่เชื่อทั้งนั้น”

อ๋องอานชินพูดเหน็บแนม “องค์รัชทายาทและสนมเหลียงกล่าวว่าฮ่องเต้เป็นโรคแผลพุพอง เจ้าไม่ได้เห็นกับตาแต่ก็ยังเชื่อ ทำไมกันเล่า? หากเจ้าไม่เชื่อแล้วจะมารวมหัวกับพวกเขาทำไมกัน? ในฐานะที่เป็นท่านอ๋องบริเวณเขตแดน เรื่องในเมืองหลวงไม่เกี่ยวกับเจ้าเลย หากเจ้ายังต้องการอยู่ในเมืองนี้กับเสด็จแม่ของเจ้าให้มากกว่านี้ รีบนำคนของเจ้าถอยออกไปเสีย”

ใบหน้าของอ๋องหนานหวยเต็มไปด้วยความสุขุม “ไม่ คำพูดของพี่สองหาความดีไม่ได้ ฮ่องเต้เป็นเสด็จพี่ของข้า และเป็นราชาของข้าเช่นกัน พี่ของข้าประชวร ทำไมน้องอย่างข้าจะไม่อยากช่วยเหลือ? ข้าไม่ใจเรื่องอำนาจบ้านเมือง และไม่สนใจว่าสนมเหลียงและองค์รัชทายาทจะสร้างเรื่องใด ข้าเพียงแค่อยากรักษาฮ่องเต้ให้หายประชวร ไม่มีอันใดแอบแฝง”

อ๋องอานชินยิ้มเย็น ไม่พูดอะไรออกไป นำทหารม้าเข้าไปปกป้องหน้าประตูวัง ไม่มีท่าที่แยแสต่อฝูงคนในที่นั้น

ในตำหนักซีเวย หลีโม่อยู่ในโถงห้องบรรทม ซือถูเย้นและฮองไทเฮาที่นั่งอยู่ด้านนอกโถงได้ยินว่าข้าหลวงด้านนอกจะเข้ามาด้านในวัง

องครักษ์เข้ามารายงานให้ทราบ ซือถูเย้นเพียงแค่ฟัง และรับสั่งไปสองสามประโยค แต่ไม่ได้ช่วยเหลือสิ่งใดมากมาย

ฮองไทเฮาร้อนรนอย่างมาก “เป็นเช่นนี้มันดีอย่างไร? ยังไม่ระดมพลอีกรึ? หันหลังไปสิกองทัพของอ๋องหนานหวยและสนมเหลียงใกล้เข้ามามากแล้ว”

ซือถูเย้นยิ้มบาง “เสด็จแม่ อย่าร้อนใจไป ข้ารอให้พวกเขาออกทัพ”

“เพราะเหตุใด?” ฮองไทเฮาร้อนใจจนสับสน

“พวกเราไม่รู้ว่าครานี้อ๋องหนานหวยนำกำลังทัพมากี่คน และไม่รู้ว่าไถ้ฝู้นั้นมีกำลังทหารม้าเท่าใด พวกเราก็อาจจะสู้มิได้สักเพียงนิด องครักษ์ของราชสำนักก็มีที่เป็นคนของพวกเขา”

ซือถูเย้นลุกขึ้นยืน กอบกุมมือของฮองไทเฮาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ พูดปลอบประโลม “กังวลอะไรเพคะ? หากเข้ามาฆ่าแกงกัน ไม่ใช่ว่ามีข้าอยู่ตรงหน้าเสด็จแม่หรือ? หากจะฆ่าก็ฆ่าหม่อมฉันก่อน หรือจะพูดว่าหม่อมฉันมีกำลังร่างกายแข็งแรงก็ได้นะเพคะ อย่างน้อยๆ ก็สามารถรวบมีดดาบสิบเล่มได้ หม่อมฉันไม่ตายง่ายๆ พวกเขานั่นแหละที่จะเหนื่อยตายเอาได้”

ถึงฮองไทเฮาจะยังร้อนใจอยู่ แต่ก็ถูกซือถูเย้นทำให้หัวเราะขึ้นมา “พูดซี้ซั่วไปเรื่อย ไม่มีเค้าความจริงเอาเสียเลย ข้าร้อนใจจะตายอยู่แล้ว เจ้ายังมาพูดเจื้อยแจ้ว”

ซุนกงกงยิ้ม “ฮองไทเฮาโปรดอย่าร้อนใจไปเลยเพคะ ความหมายของท่านอ๋องคือบัดนี้ประการแรกกำลังยื้อเวลาเอาไว้อยู่ ประการต่อมาจำเป็นต้องเห็นให้ชัดเจนว่าพวกเขาจะเคลื่อนไหวไปในทางไหน จึงจะควบคุมพวกเขาเอาไว้ได้ ดังนั้นตอนนี้จึงจะต้องตั้งใจให้เฉินไท่จูนเปิดศึกกับพวกเขา”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม