พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 445

ตอนที่ 445 แผนโจมตีความคิด

ทำไมฮองไทเฮาจะไม่รู้ว่าต้องการยื้อเวลาเอาไว้? เพียงเกรงว่าฝั่งนั้นจะฆ่าฟันกันจริงๆ ตนเองไร้กำลังใด ทำได้เพียงอดทนเอาไว้

หมอหลวงเข้าๆ ออกๆ ขวักไขว่ หยิบยกน้ำร้อนเข้าไปเป็นละลอกๆ ก็ออกมาอีก ราวกับมีคนจะคลอดบุตรอย่างไรอย่างนั้น

ซือถูเย้นเข้าไปดูเพียงครู่ สิ่งเป็นเหมือนกาฝากนั้นถูกตัดออกจนหมดแล้ว เดิมทีก็คิดว่าเตรียมน้ำร้อนเข้าไปเพื่อเช็ดบาดแผล ใครจะคาดคิดว่านำไปทำความสะอาดบนพื้นหยกขาวที่เต็มไปด้วยเลือด

เข้ากระตุกมุมปากขึ้น ท่านพี่รักสะอาดเสียจริง โดนลงมีดผ่าตัดอยู่แท้ๆ ยังมีใจจะห่วงพื้นสกปรก

“เป็นอย่างไรบ้าง? ยังพอไหวหรือเปล่า?” ซือถูเย้นถามออกไป

แม้ฮ่องเต้จะถูกพันตัวไว้ครึ่งตัว แต่ยังคงฟื้นตื่นขึ้นมาได้ เขาพยักหน้า “ยังพอไหว”

ซือถูเย้นพูดออกไปนิ่งๆ “ข้ามิได้ถามท่าน ข้าถามพระชายาของข้า วันนี้นางเหนื่อยมาทั้งวัน”

“ไสหัวไปให้พ้นเลยเจ้าเด็กโง่เง่า!” ฮ่องเต้มีน้ำโห พอมีพระชายาก็ลืมท่านพี่ไปเลยสินะเจ้านี่ แต่แม้ใจจะเจ็บปวดแต่ก็ปลื้มปีติ โชคดีที่ไม่ได้สั่งให้ปลิดชีพเสี้ยหลีโม่

ซือถูเย้นยื่นไหสุราให้ “เอาไปดื่มสักอึกเสียหน่อยไหม?”

“ไสหัวไปเจ้าเด็กโง่!” หลีโม่ดมแล้วได้กลิ่นกรดเปรี้ยวของน้ำส้มสายชู นางรู้สึกโมโหทันที เขาป่วยไปแล้วหรืออย่างไร นำสุราเข้ามาตามอำเภอใจ ตอนนี้ยังนำน้ำส้มสายชูเข้ามาอีก

ซือถูเย้นยักไหล่ “หากเจ้าไม่อยากดื่มก็ช่างเถอะ ข้าดื่มเองก็ได้”

หลีโม่ใช้สำลีเช็ดเลือดที่บาดแผล จากนั้นก็ใส่ผงยาเข้าไป ต้องรีบทำให้แผลแห้งให้ไวที่สุดต้องให้ผงยาชนิดพิเศษ หากว่าบาดแผลไม่แห้งก็ยากที่จะสวมหนังปลอม

ฮ่องเต้มองดูทั้งสอง ในใจไร้การปรุงแต่งบริสุทธิ์

เขาคิดมาเสมอว่าเขาและซือถูเย้นเหมือนกันล้วนไม่นำความรักมาเป็นเรื่องสำคัญ เขาถึงจะมอบความไว้วางใจมอบผืนดินนี้ให้แก่เขา แต่ทว่าเมื่อเห็นเขาและเสี้ยหลีโม่คบหากัน ดูเหมือนว่าเขาจะเปลี่ยนความรู้สึกที่แท้จริงของเขาไปเสียแล้ว

ด้านนอกประตูพระราชวังยังคงไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน

แม่ทัพเซียวและอ๋องอานชินไม่ถอยกันแม้แต่เพียงครึ่งก้าว อู่อันโหวและตระกูลเฉินปะทะกันต่อหน้า แต่ไม่มีใครลงมือ เพียงแค่ปะทะกันด้วยวาจา

เช่นนี้จึงทำให้สนมเหลียงและองค์รัชทายาทร้อนใจ ไม่สามารถยื้อเวลาไว้อีกต่อไปแล้ว

สนมเหลียงดึงตัวไถ้ฝู้มาเจรจาทางด้านหนึ่ง “ท่านพ่อ ควรสั่งให้คนบุกเข้าไปได้แล้วหรือยังเพคะ?”

“ไม่ ควรรอก่อน อ๋องหนานหวยยังไม่ออกตัว ต้องรอออกทัพเสียก่อน เขาก็จะออกทัพไปเช่นกัน” ไถ้ฝู้กล่าว

“แต่ว่าหากยื้อเวลาต่อไปเช่นนี้ ต้องยื้อออกไปจนถึงเมื่อใด? อีกทั้งซือถูเย้นยังไม่ออกมาจนบัดนี้แล้ว ไม่รู้ว่าพวกเขาวางแผนหลักอะไรไว้”

“เจ้าแน่ใจหรือว่าเห็นแผลพุพองบนแขนของฮ่องเต้” เหลียงไถ้ฝู้ถาม

“ไม่ผิดหรอก ถ้ามั่นใจเต็มร้อย ตอนที่พวกเราเข้าไปเสี้ยหลีโม่กำลังดูอาการแผลพุพอง เห็นเร็วน่าหวาดกลัวอยู่มาก”

เหลียงไถ้ฝู้เงียบไปครู่หนึ่ง “วิชาการแพทย์ของเสี้ยหลีโม่ผู้นี้วิเศษนัก นางจะสามารถรักษาแผลพุพองนี้ให้หายเป็นปกติหรือไม่?”

ซุนฟางเอ้อร์กล่าว “ก็เพราะว่าตอนนี้พวกเขายังไม่รวมกองกำลังพลสักทีอย่างไรเล่า ทำให้น่าแปลกใจนัก ไม่ใช่ประเภทคนที่จะก้าวออกมาในวินาทีสุดท้าย เขาจะต้องเตรียมการไว้อย่างดีแล้วอย่างแน่นอน เกรงว่าเขาจะคาดการณ์ได้นานแล้ว ถ้าไม่เช่นนั้นเฉินไท่จูนและแม่ทัพเซียวกับอ๋องอานชินจะมาที่นี่ทำไมกัน? ล้วนเป็นเรื่องที่จัดการไว้อย่างดีแล้ว”

“แต่พวกเราก็สั่งคนให้ไปคอยเฝ้าดูฐานทัพของฝั่งนั้นแล้วนี่ จนบัดนี้ไม่มีข่าวคราวว่ารวบรวมกำลังพลเลย และไม่ได้รวมกลุ่มทหารกัน ซือถูเย้นมีเวลาเตรียมทัพในเวลาจำกัด พวกเราก็สั่งคนให้ติดตามทหารราชสำนักไว้ พวกเขาไม่มีท่าทีลงมือใดเลย”

“ถ้าเช่นนั้นนอกจากรอ ก็ไม่มีอะไรต้องทำอีกหรือ?” อ๋องหนานหวยร้อนใจอย่างมาก ทำไมโอกาสดีๆ เช่นนี้ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาดได้

ซุนฟางเอ้อร์วิเคราะห์ได้อย่างแยบยล “ฮ่องเต้เป็นตุ่มน่าผีอย่างแน่นอน ไม่มีสิ่งใดให้ต้องสงสัย คนในราชสำนักต้องมีมูลความจริงอยู่แล้ว พวกเขาไม่ได้โกหก ทั้งสนมเหลียงและองค์รัชทายาทกล่าวว่าเห็นด้วยตาของตนเอง ตอนนี้คำถามที่น่าสงสัยคือได้ไปเห็นกับตาของตนเอง เหตุใดฮ่องเต้จึงอนุญาตให้พวกเขาเข้าไปเข้าเฝ้าให้เห็นกับตาเล่า? ต้องการให้เขาแพร่ข่าวออกไปหรือ? สุดท้ายแล้วเจตนาคือสิ่งใดกันแน่?”

“งั้นเจ้าว่าเพราะเหตุใด? ฮ่องเต้บ้านั่นเป็นแผลพุพองแล้วยังวางแผนอะไรไว้อีก? ให้ผู้อื่นได้ลิ้มรสของการกระทำของตนอย่างนั้นหรือ?”

“สมมุติฐานของการให้ลิ้มรสสิ่งที่กระทำนั้น เขาจะต้องแกล้งเป็นโรคแผลพุพอง แต่ว่าเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้หลอก” ถึงแม้ว่าซุกฟางเอ้อร์จะหลักแหลม แต่ก็ยังงุนงนและคิดเยอะมากจนเกินไป

หมากของซือถูเย้น ยากที่จะแก้เกมอย่างแท้จริง ปนเปไปด้วยความจริงและความเท็จ ยากที่ผู้ได้จะเดินเกมได้ทุกทาง

ซุนฟางเอ้อร์กล่าวคำชี้แนะ “ท่านอ๋อง ครั้งนี้พวกเราจัดการเอาไว้ไม่ได้อย่างแน่นอน ทางที่ดีคือทำตัวเหมือนอยู่ริมแม่น้ำเฝ้าดูไฟที่กำลังปะทุเสียก่อนดีกว่า”

“เฝ้าดูไฟอยู่ริมแม่น้ำ? หากพวกเขาลงมือเข้ามาเล่า? พวกเราจะไม่พ่ายแพ้เอาหรือไร?” อ๋องหนานหวยไม่เห็นด้วย

“ไม่ หากพวกเขากดดันให้ฮ่องเต้ลงจากบัลลังก์ จะต้องก้าวข้ามซือถูเย้นไปอีกขั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตามซือถูเย้นจะยอมให้องค์รัชทายาทคว้าบัลลังก์ไปได้หรือ? ไม่เป็นเช่นนั้นแน่ ให้พวกเขาต่อกันไปก่อน เพื่อไว้ชีวิตพวกเราเอาไว้ แล้วค่อยคว้าประโยชน์อีกทอดหนึ่ง”

“ทำไมเจ้าไม่พูดตั้งแต่ทีแรก? พวกเราไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมกับพวกเขา เพียงแค่รอพวกเขาต่อสู้ให้ล้มกันไปข้างเสียก่อน” อ๋องหนานหวยพ่นคำพูดออกมาด้วยความโกรธ คำพูดแค่นี้เพียงริมฝีปาก สายตาเลื่อนลอยนั่น น่าโมโหเสียจริง

ซุนฟางเอ้อร์นัยน์ตาจุดประกาย เต็มไปด้วยแผนการ “ก่อนหน้านี้พวกเราไม่เห็นว่าเหตุการณ์มันน่าแปลกใจ คิดไปว่าจะสามารถเข้าไปกดดันฮ่องเต้ได้โดยทันที แต่เมื่อว่าคิดๆ ดูแล้วในตอนนี้ รุกล้ำมากเกินไป และถ้าหากพวกเราไม่ร่วมมือกันเหลียงไท่จูนก่อนหน้านี้ เหลียงไท่จูนก็คงไม่ออกมากดดันฮ่องเต้ หมู่พลทหารของพวกเราเข้าร่วมภารกิจเพียงเท่านี้ก็พอ สำเร็จแล้วก็ถอยออกมา ดังนั้นคำแนะนำของข้าคือพวกเราควรหยุดไว้เท่านี้ เชื่อมต่อเหตุการณ์จนถึงเท่านี้ก็พอ ไม่ว่าเขาจะเข้าไปหรือถอยออกมา ไถ้ฝู้ไม่มีคำสั่งเคลื่อนทัพแล้ว เขาต้องบุกเข้าไปอย่างแน่นอน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม