พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 475

ตอนที่ 475 ไล่นางไป

ดูจากภายนอกแล้ว แคว้นต้าโจวนอกจากทหารไม่เพียงพอแล้ว ความพร้อมด้านอื่นๆได้เตรียมการไว้แล้วอย่างครบครัน

ก่อนที่ซือถูเย้นจะไปรบ ได้ตรวจเช็คกองคลังแล้ว และได้แบ่งส่วนที่ใช้ในการทหารออกมา ส่วนค่าใช้จ่ายภายในวัง ให้หลีโม่เป็นคนจัดการควบคุมรายจ่าย พยายามไม่เพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับกองคลัง

และในช่วงเวลานี้ อี๋เฟยกลับระดมพวกสนมในวังให้พากันบริจาคทรัพย์สินเงินทอง เอาออกมาขายแล้วยกให้เป็นค่าใช้จ่ายในการทหาร

นี่เป็นการกระทำที่ไม่มีใครคาดคิด แต่ก็ไม่มีใครไปสืบความจริงที่แอบแฝง เพราะราชสำนักกำลังต้องการเงินก้อนนี้จริงๆ ยิ่งเยอะยิ่งดี

แน่นอน ความตั้งใจก็คาดเดาไม่ยาก นางเป็นพระมารดาขององค์ชายเจ็ด นางได้รับการชื่นชม ก็เท่ากับองค์ชายเจ็ดก็ได้รับได้รับการชื่นชม โอกาสชนะก็จะมีมากขึ้น

วันที่สองของเดือนกุมภาพันธ์ มังกรเงยหน้า

ซือถูเย้นนำทัพไปออกรบ หลีโม่ตื่นขึ้นมาแต่เช้า ช่วยเขาสวมชุดเกราะ

มองดูเขาที่มีอำนาจเกรียงไกร ในใจหลีโม่ก็มีความภาคภูมิใจและก็ขมขื่น นางแต่งงานกับซื่อเจิ้ง ก็ต้องช่วยเขาจัดการดูแลความสงบในราชสำนัก นางแต่งงานกับแม่ทัพ ก็ต้องช่วยเขาลับดาบให้คมๆ ให้เขาไปออกรบกำจัดศัตรู

ขอเพียงอนาคตให้เขาได้เป็นเพียงคนทำสวนก็พอ นางคอยหาบน้ำให้เขา ช่วยกันปลูกพืชผักก็พอ

ซือถูเย้นไม่ยอมให้นางไปส่ง กอดนางไว้ เนิ่นนานไม่ยอมปล่อย

หลีโม่ไม่กล้าร้องไห้ ในใจเหมือนดั่งฝนตกอย่างหนัก นางไม่กล้าร้องไห้ ไม่เป็นมงคล

หลีโม่รินเหล้าให้เขาด้วยตัวเอง มองเขาอย่างลึกซึ้ง “ในเมื่อเจ้าไม่ยอมให้ข้าไปส่งที่ประตูเมือง ข้าขอส่งแม่ทัพที่นี่ด้วยหล้าก็แล้วกัน ขออวยพรให้แม่ทัพได้ชัยชนะ รีบกลับมาอย่างปลอดภัย”

เขาจ้องมองดูนาง เลือดในกายพลุ่งพล่าน จับมือนางไว้พร้อมกับจอกเหล้า “พระฉายา รอข้ากลับมานะ”

เขาถือจอกเหล้า ยกดื่มจนหมด ทิ้งจอกลงพื้น แก้วแตกกระจาย แล้วมองนางอย่างลึกซึ้ง สะบัดเสื้อคลุมออกรบเดินจากไป อย่างมุ่งมั่น

หลีโม่มองดูเงาหลังของเขา น้ำตาไหลท่วมดวงตา นางเงยหน้าขึ้น ค่อยๆนั่งลง หายใจเข้าลึกๆไปหลายที พยายามระงับจิตใจตัวเองให้สงบ

“พระฉายา ดื่มน้ำค่ะ” เย็นเอ๋อร์ก็อดที่จะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ เดินเข้ามารินน้ำชาให้หลีโม่หนึ่งจอก

หลีโม่ยกถ้วยน้ำชาขึ้น น้ำชาอุ่นๆ แต่อุ่นไม่ถึงก้นเบื้องลึกในหัวใจนาง นางถอนหายใจเบาๆ “เพิ่งจากกัน ก็คิดถึงแล้ว”

เคยชินกับการที่มีเขาอยู่ข้างกาย เคยชินกับลมหายใจของเขา แล้วเขาจะต้องจากไปห่างไกล ยังไงในใจก็ไม่สามารถสงบลงได้

“องค์หญิงล่ะ?” หลีโม่ถาม

“องค์หญิงไปส่งขบวนกองทัพแล้ว” เตาเหล่าต้าเข้ามา ท่าทางดูหดหู่

“เจ้าเป็นอะไร?” หลีโม่ถาม

เตาเหล่าต้านั่งลงตรงหน้าประตู เอามีดเล่มใหญ่ออกมา “พระฉายา ข้าอยากไปเป็นทหาร ข้าอยากไปฆ่าศัตรู”

“อ๋า?” หลีโม่คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีความคิดแบบนี้ เด็กคนนี้ ก่อนหน้านี้คิดแค่เพียงได้ทานข้าวอิ่มก็พอแล้ว

“หลายวันมานี้ ข้าไปมาในเมืองหลวง ได้ยินคนส่วนใหญ่ต่างก็พูดว่าอยากไปเป็นทหาร อยากไปสู้รบ ข้าก็อยากไปปกป้องบ้านเมือง”

เขาเริ่มคิดถึงอนาคตของตัวเอง นี่ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะเขามีหัวใจมีความคิดที่ดื้อรั้น แต่เขารู้จักคิดได้แล้ว ความอยากที่จะไปเป็นทหารของคนในเมืองหลวงกำลังเป็นที่นิยม ก่อนอื่นก็ได้ล้างสมองของเขาแล้ว

เขารู้สึกว่าคนเรายังสามารถมีชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่ง หรือคนเราสามารถตายได้ในอีกรูปแบบหนึ่ง

เขาปรารถนาที่จะมีชีวิตที่แข็งแกร่งแบบนั้น

“เสี่ยวเตา การสู้รบไม่สนุกหรอก การไปสู้รบเป็นสิ่งที่ทรมานที่สุดในโลก” หลีโม่พูดอย่างจริงใจ

หลีโม่พูดว่า “ไม่เป็นไร ให้นางเข้ามา หลีไม่พ้นก็ต้องเผชิญหน้า”

นางไม่เคยเป็นนกกระจอกเทศ การไปออกรบของซือถูเย้นไม่ได้เป็นการบั่นทอนจิตใจนาง กลับกัน นางจะเตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า จะไม่ยอมให้ซือถูเย้นเผชิญหน้ากับข้าศึกเพียงผู้เดียว

นางอยู่ที่นี่ ผ่านอุปสรรคทุกอย่างไปพร้อมๆกับเขา

อี๋เฟยพาบ่าวใช้สองคนเดินเข้ามา วันนี้นางสวมชุดคลุมสีขาวประดับทองด้านข้าง มือทั้งคู่สอดอยู่ในหมอนอุ่น เดินอย่างเป็นธรรมชาติ เข้ามาอย่างสบายใจ

“อี๋เฟยเหนียงเหนียง” หลีโม่ย่อคำนับ เชื้อเชิญนางเข้ามา

“ข้ารู้ว่าท่านอ๋องไปออกรบแล้ว จึงตั้งใจมาปลอบพระฉายา” อี๋เฟยยิ้มอย่างเบิกบาน หลังจากเข้ามาแล้ว ก็ถอดผ้าคลุมออก ยื่นให้กับหลีโม่ เพื่อให้หลีโม่ช่วยนางถือไว้

หลีโม่ไม่รับ และมองดูนางอย่างเรียบเฉย

“ถือไว้สิ ช่างไม่มีมารยาทเลย” อี๋เฟยพูดอย่างไม่พอใจ แล้วโยนเสื้อคลุมใส่ตัวนาง

หลีโม่ยิ้มหวาน ถอยหลังไปหนึ่งก้าว เสื้อคลุมไหลลงจากบ่าของนาง แล้วตกลงพื้น หลีโม่เดินไปเหยียบตรงขนสุนัขจิ้งจอก ทิ้งเป็นรอยเท้าไว้

อี๋เฟยหันมามองนาง หัวเราะอย่างอึมครึม “เสี้ยหลีโม่ เจ้ายังรู้สถานะของตัวเองไหม?”

“อี๋เฟยอยากพูดอะไร?” หลีโม่นั่งลง ท่าทางไม่เดือดเนื้อร้อนใจ

“ข้าอยากบอกเจ้า ถึงแม้เจ้าจะเป็นพระชายาซื่อเจิ้ง แต่มีอ๋องซื่อเจิ้ง ถึงจะมีพระชายาซื่อเจิ้ง ไม่มีอ๋องซื่อเจิ้ง เจ้าก็จะไม่เหลืออะไรเลย เป็นแค่เศษสวะ” อี๋เฟยพูดขึ้นอย่างเหี้ยมโหด

“ขอบคุณที่อุตส่าห์มาบอก” หลีโม่หัวเราะอย่างเยือกเย็น “หากมาเพื่อที่จะพูดเรื่องไร้สาระ พูดเสร็จแล้วก็กลับไปเถอะ”

“ไล่ข้าหรือ? เจ้ายังไม่มีสิทธิ์นั้น อยู่ในวัง ตอนนี้ข้ามีสิทธิ์ทุกอย่าง” อี๋เฟยหัวเราะอย่างโหดร้าย “ข้ามาเพื่อที่จะแจ้งให้เจ้ารู้ว่า ย้ายกลับไปอยู่จวนอ๋อง ที่นี่ไม่มีที่ของเจ้า”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม