ตอนที่ 476 ไล่นางไป 2
ไล่นางไป ริมฝีปากที่ยิ้มเยือกเย็นยิ่งดูลึกขึ้น “ในวังกว้างใหญ่ขนาดนี้ ไม่มีพื้นที่ให้ข้าเสี้ยหลีโม่เลยหรือ? อี๋เฟยจะขับไล่ข้าไป ก็ต้องถามฮ่องเต้ก่อนว่าจะยอมให้ข้าไปหรือไม่”
“ทางด้านฮ่องเต้ เจ้าไม่จำเป็นต้องไปรักษาแล้ว ข้าจะไปพูดกับฮ่องเต้เอง เจ้าติดโรคร้าย ไม่สามารถเข้าให้การรักษาฮ่องเต้แล้ว” อี๋เฟยพูดอย่างเย็นชา
“ข้าจำได้ว่า เมื่อกี้ตอนที่อี๋เฟยเข้ามา บอกว่ามาเพื่อปลอบใจข้า วิธีปลอบใจข้าก็คือขับไล่ข้าไป?” หลีโม่รู้สึกแปลกใจ นางเอาความกล้ามาจากไหน ที่คิดว่าตัวเองสามารถไล่นางไปได้?
“เสี้ยหลีโม่ ข้าสั่งให้เจ้าไป ก็เพราะหวังดีต่อเจ้า เจ้าอยู่ในวังไม่มีผลดีต่อเจ้าเลย กลับไปจวนอ๋อง เจ้ายังสามารถเป็นพระฉายาของเจ้าต่อไป มีความสุขอยู่กับความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งของเจ้า แต่อยู่ในวังนี้ เจ้าคิดที่จะมีชีวิตที่สงบสุขนั้นจะเป็นไปไม่ได้”
“ขอบคุณอี๋เฟยเหนียงเหนียง แต่ข้าเป็นคนนิสัยไม่ดี ไม่สามารถเสพความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่ง จะต้องมีชีวิตที่ไม่ได้สงบสุขแบบนี้ จะทำยังไงได้? ข้างกายข้ามีแต่คนไม่รักดี” หลีโม่พูดอย่างเย็นชา
อี๋เฟยหัวเราะเยือกเย็น “งั้นเจ้าก็ตัดสินใจที่จะเกี่ยวข้องกับเรื่องครั้งนี้ใช่ไหม?”
“ข้ามีสิทธิ์เลือกด้วยหรือ?” หลีโม่ตอบด้วยเสียงเยือกเย็น
อี๋เฟยก็หัวเราะขึ้นมา เพ่งมองดูหลีโม่ “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่มีทางไปแน่ พูดตามความจริง ข้ากลัวเจ้าจะหนีไปด้วยซ้ำ ในชีวิตนี้ยากที่จะได้เจอคู่ต่อสู้ที่ทัดเทียมกัน ต่อสู้กันทั้งที จะได้สนองอย่างสาแก่ใจใช่ไหม?”
หลีโม่รู้สึกว่านางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์มาก การอ้าแขนขาของนางไม่ได้ทำให้ดูกระด้าง กลับกันความเผด็จการของนางข่มทุกสิ่ง ความแข็งแกร่งนี้เป็นอาวุธของนาง นางใช้ได้อย่างเหมาะสม
แต่วันนี้ที่นางมาพูด บวกกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวังหลังครั้งก่อน ทำให้เชื่อมั่นอยู่เรื่องหนึ่ง
หลีโม่ไม่พูดอะไร “ทหาร ส่งอี๋เฟย”
อี๋เฟยกลับไม่ได้ยืนขึ้น พูดอย่างราบเรียบว่า “รีบอะไรกัน? ข้ายังไม่รีบไป อยู่ที่พระราชวังฉางเซิงของเจ้าอีกสักหน่อยไม่ได้หรือ? พวกเราสองคุยมาพูดกันก็ถือว่ามีความจำเป็น ไปมาหาสู่กันบ่อยๆหน่อย”
หลีโม่พูดว่า “อี๋เฟยเหนียงเหนียง เจ้าอย่างอยู่ก็เชิญอยู่ต่อไป ข้าไม่ว่างที่จะอยู่คุยด้วย”
พูดเสร็จ นางสั่งให้เย็นเอ๋อร์ไปหยิบกล่องยา “ไป ไปตำหนักซีเวยกัน”
“ทิ้งแขกอยู่ไว้ตรงนี้ เกรงว่าจะไม่ดีมั้ง?” อี๋เฟยพูดเหน็บแนม
“แขกอะไรกัน? ล้วนเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน คนครอบครัวเดียวกันจะทำอะไรก็ได้” หลีโม่เดินไปอย่างไม่หันกลับมาอีก
ไม่ว่าจุดมุ่งหมายของอี๋เฟยจะเป็นยังไง นางก็ไม่มีเวลาต้อนรับ
ตลอดทางที่ไปตำหนักซีเวย เย็นเอ๋อร์ถามว่า “อี๋เฟยเหนียงเหนียงนี้ดูแปลกๆ มาพูดเรื่องไร้สาระตั้งมากมาย ทีแรกนึกว่าจะไล่พระฉายาไป แต่พระฉายาไม่ไป นางก็ไม่บีบคั้น ยิ่งไม่กดดัน ทั้งแดกดันทั้งสาปแช่ง”
“งั้นเจ้าคิดว่านางคิดจะทำอะไร?” หลีโม่ถาม
“บ่าวไม่ทราบ เพียงแค่รู้สึกว่านางแปลกๆ” เย็นเอ๋อร์พูดตามความจริง
หลีโม่หัวเราะพร้อมพูดว่า “นางไม่ได้แปลก นางแค่อยากทำให้ข้าโกรธ ตั้งแต่มีเรื่องที่วังหลังจนถึงวันนี้ นางก็พยายามยั่วยุ อยากให้ข้าโกรธมาตลอด”
“ทำให้พระฉายาโกรธแล้วจะได้อะไร?” เย็นเอ๋อร์ถามอย่างไม่เข้าใจ
“นางกำลังรบกวนความคิดของข้า รบกวนการตัดสินใจของข้า”
“บ่าวก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี”
หลีโม่เงยหัวมองฟ้า อย่างหนักแน่น เหมือนลมพายุใหญ่ที่อัดแน่นมานาน
“นางจะลงมือแล้ว” หลีโม่พูดเสียงต่ำ
“อ๋า?” เย็นเอ๋อร์ตกตะลึง “นางจะทำอะไร?”
“ไม่รู้ แต่ท่านอ๋องเพิ่งไปเอง นางก็มาก่อกวนข้าแล้ว ด้วยคนอย่างนาง เป็นไปไม่ได้ที่จะมาพูดไม่ดีแค่ไม่กี่คำ”
“งั้นตอนนี้นางอยู่ที่พระราชวังฉางเซิง กลัวนาง...” เย็นเอ๋อร์พูดเสียงต่ำว่า “ทำอะไรที่เป็นการใส่ร้ายไหม?”
“ไม่หรอก นางไม่ทำอะไรต่ำๆแบบนั้น” หลีโม่สามารถมั่นใจในข้อนี้
“งั้นบ่าวก็ยิ่งไม่เข้าใจจริงๆ”
“โชคดีที่ไม่มีคน ทุกคนล้วนวิ่งออกมาหมดแล้วครับ” เหยนจิ๋นพูดขึ้น
ไม่มีคนเจ็บคนตายก็ดีแล้ว แต่อ๋องซื่อเจิ้งเพิ่งไปออกรบ ตำหนักที่พักอาศัยของพระฉายาอย่างนางก็ถูกไปไหม้แล้ว นี่หมายความว่าอย่างไร?
หลีโม่ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร แต่คำเสียงคาดเดาของประชาชน บอกว่าไฟในครั้งนี้ไหม้ตำหนักที่พักของอ๋องซื่อเจิ้ง เกรงว่าจะเป็นการเตือนจากสวรรค์
สาเหตุไฟไหม้สืบไม่รู้ความ หลีโม่ก็รู้ดีอยู่แล้วว่าสืบไปได้ความแน่ และก็จะสืบสาวไปถึงใครไม่ได้
ใครจะไปสืบสวนอี๋เฟย? อี๋เฟยจะจุดไฟให้ไหม้ทำไม? ทำไมนางต้องจุดไฟไหม้? ไม่มีเหตุผลที่จะทำแบบนี้เลย
แต่ทุกอย่างในพระราชวังฉางเซิง ล้วนสูญสิ้นหมด สิ่งของใช้บางส่วนของหลีโม่ สิ่งของบางส่วนของซือถูจิ้ง ล้วนไหม้จนหมดสิ้น
พระราชวังฉางเซิงอาศัยอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องหาตำหนักอื่น
ตำหนักที่ว่างในวังมีไม่น้อย แต่เหมาะสมที่จะอยู่ ดูแล้วก็มีตำหนักชิงหนิงที่ฮองเฮาเคยอยู่ กับพระราชวังฮุยชิงที่อยู่ด้านข้างตำหนักอี๋หลานของอี๋เฟย ห่างไกลจากพระราชวังฉางเซิงค่อนข้างไกลหน่อย
หลีโม่กับซือถูจิ้งตัดสินใจย้ายไปที่พระราชวังฮุยชิง
เมื่อก่อนพระราชวังฮุยชิงเป็นตำหนักที่มีสนมคนหนึ่งฆ่าตัวตายเคยอาศัยอยู่ ไม่มีคนมาอยู่ตั้งนานแล้ว แต่ก็มีคนมาทำความสะอาดอยู่ตลอด และก่อนหน้าที่สนมจะมาอยู่นั้น พระราชวังฮุยชิงยังเคยปรับปรุงสร้างใหม่ ดังนั้นจึงเงียบสงบมาก
สวนสนามในพระราชวังฮุยชิงกว้างใหญ่มาก ปลูกดอกเบญจมาศไว้มากมาย เถาวัลย์ที่เลื้อยอยู่บนกำแพงเต็มไปด้วยดอกอัญชัน ในฤดูหนาวแบบนี้ กลับมีดอกอัญชันบาน ถือเป็นเรื่องที่แปลกมาก
แต่ว่า คนที่รู้ก็จะไม่แปลก เพราะพระราชวังฮุยชิงอยู่ติดภูเขาที่สุดในทั่วทั้งวัง มีน้ำพุไหลผ่าน ชุ่มชื้นไปทั่ว เข้ามาพระราชวังฮุยชิงแล้ว ก็จะรู้สึกอบอุ่น ความหนาวเหน็บทางด้านนอกเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับที่นี่
ที่นี่เป็นที่ที่ดีที่สุดจริงๆ
แต่ในขณะเดียวกันก็มีสถานที่แปลกอยู่ที่หนึ่ง เพราะในวังก็เคยมาคำล่ำลือว่า พระราชวังฮุยชิงนี้มีผี
มีสาวใช้ในวังพูดว่าหากผ่านตรงนี้ในตอนกลางคืน จะเห็นข้างในมีเงาร่างคน เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ก็จะเห็นผู้หญิงสวมชุดสีแดงร้องเพลงอยู่ข้างใน
นี่ล้วนเป็นเรื่องแปลก เมื่อก่อนฮองเฮาห้ามไม่ให้พูดออกไป ดังนั้นภายในวังจึงไม่มีใครกล้าพูดอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...