ตอนที่ 492 มีอะไรผิดปกติตรงไหน
หลีโม่โบกมือ “ไม่ใช่ เจ้าอย่าเข้าใจผิด ข้าจะไปคิดถึงมิตรภาพอะไร? เขากับเหล่าชีถึงจะเป็นพี่น้องกัน แต่ก็ไม่เคยเห็นเหล่าชีเป็นพี่ชาย เขาคิดอยากจะฆ่าเหล่าชีอยู่ตลอดเวลา ข้าจะเมตตาคนอย่างเขาได้อย่างไร?”
“งั้นเจ้าเป็นอะไรล่ะ?” ซือถูจิ้งถาม
หลีโม่ก็พูดไม่ถูก เพราะไม่มีหลักฐาน ทุกอย่างเป็นเพียงการคาดเดาของเขา
นางลองคิดดูแล้ว “ช่างเถอะ ทำตามแผนการของอ๋องเย่เถอะ ฆ่าก็ฆ่าเลย เหล่าชีจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนในภายหลัง”
เขาอยู่แนวหน้า หากยังต้องเป็นกังวลเรื่องในราชสำนัก จะทำให้ไขว้เขวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การต่อสู้ระหว่างกองทัพทั้งสองฝ่าย ชีวิตและความตายมีแพ้มีชนะ ที่สำคัญที่สุดคือจะไขว้เขวไม่ได้เด็ดขาด
ซือถูจิ้งพยักหัว “เจ้าคิดได้แบบนี้ก็ดี ที่จริงเหล่าปาเป็นหลานของข้า สายเลือดเดียวกัน ก็มีบ้างที่สะเทือนใจ แต่เขาทะเยอทะยานโฉดชั่วเสมือนหมาป่า ไม่ทำไม่ได้ หากเขาก่อเรื่องภายในราชสำนักอีก เมืองหลวงจะกลายเป็นยังไง? แผ่นดินนี้จะกลายเป็นยังไง? จำได้ว่าเมื่อก่อนท่านย่าเคยสั่งสอนจักรพรรดิ การขึ้นครองอาณาจักรเป็นจักรพรรดิ ต้องมีผู้คนประชานชนก่อนถึงจะสามารถรวบรวมแผ่นดินเป็นปึกแผ่น ผู้คนที่อยู่ในสนามรบ ต่างเกิดมาด้วยความโศกเศร้าและเสียชีวิตไปอย่างสงบ ไร้ร่างไร้กระดูก เป็นช่วงเวลาที่ลำบากและต้องชำระล้างบาป คนภายนอกคิดกบฏ เราทำอะไรไม่ได้ แต่เหล่าปาเป็นคนตระกูลซือถูของพวกเรา ตระกูลซือถูวุ่นวายกันก่อน ยังไงก็ต้องลงโทษขั้นรุนแรง”
หลีโม่พูดขึ้นว่า “ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ก็ทำตามแผนเดิมที่วางไว้ ถ้าไปดูเหล่าไท่จูนก่อน” หลีโม่พูดขึ้น
“ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้า” ซือถูจิ้งลุกขึ้น “นางบาดเจ็บเจ็บอาการหนักไหม? ต้องเป็นคนทำแผลให้นางใช่ไหม?”
“ได้รับบาดเจ็บตรงแขน ไม่เป็นอะไรมาก พักผ่อนไม่กี่วันก็หาย ร่างกายเหล่าไท่จูนแข็งแรงจะตาย” หลีโม่ชื่นชมจากใจจริง ถึงแม้ตอนนั้นจะมีทหารองครักษ์อยู่ในเหตุการณ์ แต่เหล่าไท่จูนถือว่ามีวรยุทธที่สุด ต่อสู้จนมีคนตายไปตั้งหลายคน กลับบาดเจ็บแค่เพียงเล็กน้อย
เหล่าไท่จูนพักผ่อนอยู่ในห้องพระราชวังฮุยชิง ตอนที่หลีโม่เข้ามา ฉันก็กำลังอยากออกมาพอดี แต่หลิ่วหลิ่วห้ามนางไว้ ไม่ยอมให้นางออกมา
“หลีโม่เจ้ามาก็ดีแล้ว นางกำลังบ่นว่าอยากพบเจ้า” เมื่อหลิ่วหลิ่วเห็นหลีโม่มา ท่าทางเหมือนเจอดาวแห่งการช่วยเหลือ
สายตาหลีโม่อึ้ง มองไปยังเฉินไท่จูน “ดีขึ้นบ้างไหม?”
“เมื่อกี้ข้าก็อยากที่จะคุยกับเจ้าแล้ว แต่มีคนอื่นอยู่ด้วย เจ้านั่งลง ถ้ารู้สึกว่าเรื่องราวผิดปกติ” เหล่าไท่จูนพูดขึ้นอย่างจริงจัง
ในใจหลีโม่ใจหายไปแวบหนึ่ง “ท่านก็เห็นว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ?”
"ใช่ วันนี้ข้าทานข้าวเย็นกับซุนฟางเอ้อร์อยู่ที่พระราชวังซีอาน กุ่ยไท่เฟยดูใจดีมาก ตอนนั้นข้าคิดว่านางวางยาพิษ แต่ตรวจดูอาหารแล้วก็ล้วนไม่มีพิษ หลังจากทานเสร็จแล้ว นางยังออกมาส่งข้าด้วยตัวเอง และอยู่ตรงหน้าประตู ตะโกนพูดกับข้าด้วยน้ำเสียงดัง"
"ตะโกนพูดด้วยน้ำเสียงดัง?" หลีโม่รีบถามขึ้น
"นางบอกว่า วันนี้ที่ได้ยินข้าพูดมาทั้งวัน ทำให้นางคิดได้ขึ้นมา ยังพูดอีกว่าคนคนอะไรทั้งชีวิต ต้องการอะไร? พูดว่าที่ผ่านมานางหมกมุ่นเกินไป อ๋องหนานหวยกลับแคว้นหนานไปก็ดีแล้ว นางจะได้ชดเชยความสัมพันธ์ความเป็นแม่เป็นลูกกับอ๋องซื่อเจิ้ง"
หลีโม่กับซือถูจิ้งมองตากันแวบหนึ่ง ล้วนน่าแปลก คำพูดนี้ไม่เหมือนเป็นกุ้ยไท่เฟยพูด
"หรือว่า นางกลับใจแล้วจริงๆ? ดังนั้นเหล่าปาจึงคิดลงมือ?" ซือถูจิ้งพูดอย่างสงสัย
"คำพูดพวกนี้ตั้งใจพูดให้ใครฟัง ตอนนั้นนางรู้ได้ยังไงว่ามีคนอยู่? หรือว่านางรู้แต่แรกแล้วว่าจะมีคนมาทำร้าย?" หลิ่วหลิ่วก็พูดอย่างถอนหายใจ
หลีโม่ถามขึ้นว่า "เหล่าไท่จูน พวกคนร้ายต่างลงมืออย่างโหดเหี้ยมหรือเปล่า?"
"ใช่สิ หากไม่เป็นเช่นนี้ ข้าจะบาดเจ็บได้อย่างไร? แค่โจรผู้ร้ายไม่กี่คน หากไม่ใช่เพราะสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย ข้าจะตกอยู่ในสภาพนี้หรือ?"
เห็นทีว่าเป็นการตั้งใจมาเพื่อฆ่าแน่นอน แต่หากกุ้ยไท่เฟยรู้ว่าอ๋องหนานหวยจะมาฆ่านาง ทำไมนางถึงไม่คิดป้องกัน? นางถึงขั้นไม่ได้สั่งให้มีคนคุ้มกัน เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“มี” เหล่าไท่จูนพูดว่า “ตรงที่เกิดเหตุไม่มีธนูหรือ? หลังจากที่คนร้ายบุกเข้าไปแล้ว ก็มีคนร้ายยิงมา”
หลีโม่พูดว่า “ตรงที่เกิดเหตุไม่มีลูกธนู”
เหล่าไท่จูนอึ้ง “ไม่มีได้ยังไง? ตอนที่ข้าเข้าไปในตำหนัก บนพื้นมีลูกธนูที่ถูกข้าตีลงพื้นนะ”
“ไม่มี ตอนที่ทหารรักษาพระองค์ตรวจดูที่เกิดเหตุ ไม่พบว่ามีลูกธนู” หลีโม่พูด
เหล่าไม่จูนพูดอย่างสงสัยว่า “ไม่พบหรือว่าถูกเก็บไปหมดแล้ว?”
“ข้อนี้ยังไม่ต้องพูดถึง ที่คิดยังงงก็คือ คนร้ายสองคนที่รอดชีวิต ทำไมถึงไม่ได้กัดยาพิษฆ่าตัวตายล่ะ? หากบอกว่าถูกควบคุม แต่ตามที่ทหารองครักษ์เล่าเหตุการณ์ หลังจากที่พวกเขาเข้าไปในตำหนักแล้ว ทหารรักษาพระองค์ยังมาไม่ถึง”
“ทหารรักษาพระองค์ยังมาไม่ถึง แต่อาฝูพาองครักษ์มาแล้ว” เหล่าไท่จูนพูดขึ้น
“เจ้ารอให้ผู้ร้ายเข้าไปในตำหนักนานแค่ไหนแล้วเจ้าถึงตามเข้าไปในตำหนัก?” หลีโม่ถาม
“ก็ไม่นานเท่าไหร่ แค่แป๊บเดียวเอง เวลาครึ่งธูปก็ไม่ถึง”
หลีโม่พูดเสียงต่ำว่า “นี่ก็คือปัญหาที่มีแล้ว เจ้ารับมือกับคนร้ายเจ็ดคนใช้เวลาหนึ่งธูป สุดท้ายไม่สามารถทำให้คนร้ายบาดเจ็บได้ และเจ้ายังถูกคนร้ายทำร้ายจนบาดเจ็บ แต่เมื่อคนร้ายเข้าไปภายในตำหนักเพียงแป๊บเดียว ทั้งหมดได้รับบาดเจ็บสุดท้ายกัดยาพิษฆ่าตัวตาย ทหารองครักษ์อาฝูกับกุ้ยไท่เฟย มีวิชาการต่อสู้ที่เก่งมาก? อีกอย่างซุนฟางเอ้อร์บาดเจ็บได้ยังไง? นางถูกมีดสั้นทำร้ายจนบาดเจ็บ ไม่ใช่ดาบ”
เหล่าไท่จูนพูดว่า “ใช่ นี่คือปัญหาที่สำคัญ ข้าถึงได้คิดว่าผิดปกติ จึงอยากที่จะไปหาเจ้าเพื่อปรึกษา เป็นไปไม่ได้ที่ซุนฟางเอ้อร์จะถูกคนร้ายทำร้าย ถึงแม้จะพูดว่าคนร้ายอาจจะมีอาวุธสองอย่างก็ได้ แต่ตอนที่ฆ่าคน ใช้สิ่งไหนก็จะใช้สิ่งนั้น โดยเฉพาะลงมือกับผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้ ยิ่งไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนอาวุธ”
“เจ้าก็คิดแบบนี้? อาการบาดเจ็บของซุนฟางเอ้อร์เป็นสิ่งสำคัญ ในเมื่อเราไม่ได้รับบาดเจ็บจากคนร้าย มีเพียงคนเดียวที่จะลงมือ นางคุ้มกันกุ้ยไท่เฟยเข้าไป ภายในตำหนักจึงมีเพียงนางกับกุ้ยไท่เฟยเท่านั้น ก่อนหน้านี้ข้าก็เดาแบบนี้ แต่มีอย่างหนึ่งที่คิดไม่ออก ในเมื่อนางเป็นแม่พิษหนอน และลูกพิษหนอนยังไม่ตาย พิษหนอนของนางจึงไม่มีทางถอนได้ ยังไม่ได้ถอนพิษร่วมชีวิต น่าจะฆ่าซุนฟางเอ้อร์ทำไม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...