บทที่ 514 ศึกใหญ่มาเยือน
ซือถูจิ้งได็รู้ถึงประวัติของคนพวกนี้แล้ว ก็พูดกับอ๋องเย่ว่า “พวกเขาฆ่าประชาชนบริสุทธิ์ไปตั้งเยอะขนาดนั้น หากฝ่าวงล้อมออกมาได้จริง จะให้ยาถอนพิษแล้วปล่อยพวกเขาออกไปจริงๆหรือ? หลังปล่อยพวกเขาไปแล้ว พวกเขาก็จะไปทำร้ายประชาชนอีก จะไม่เป็นการปล่อยเสือขึ้นภูเขาหรือ?”
ปกติไปทำลายกองโจร ต้องสูญเสียทหารไปตั้งเท่าไหร่ ตอนนี้จับคนของตึกเสหานกับสู้เยว่โหลว มาแล้ว ยังไงก็ไม่ควรให้พวกเขาหนีรอดไปได้
อ๋องเย่มองดูซือถูจิ้งแว๊บหนึ่ง “ท่านอาเล็ก ท่านช่างเป็นคนไม่มีสัจจะเลย พวกเราพูดคำไหนก็ต้องเป็นคำนั้น แต่วางใจได้ ต่อให้ได้ยาถอนพิษไปแล้ว พวกเขาก็จะไม่มีหนทางไปทำชั่วได้อีกแล้ว”
“จริงหรือ?”
“แน่นอน” อ๋องเย่พูดอย่างอ่อนน้อมว่า “ข้าทำอะไร ก็จะต้องถอนรากถอนโคน”
ซือถูจิ้งหัวเราะ “ทำไมถึงชอบเจ้าจังเลย?”
“หน้าตาดี” อ๋องเย่พูดอย่างไม่ถ่อมตน
“เจ้า?” ซือถูจิ้งถามกลับ
“สู้ท่านอาเขยไม่ได้ละสิ” อ๋องเย่ขยับเข้าไปแล้วพูดว่า “อย่าหาว่าหลานถามละลาบละล้วง ท่านอาเล็กไม่เคยคิดที่ไปหาท่านอาเขยที่โดยหานหรือ?”
“ไปหา?” ซือถูจิ้งอึ้งไปแป๊บหนึ่ง นางไม่เคยคิดเลย “ไปได้หรือ?”
“ทำไมจะไปไม่ได้ล่ะ? หากอยากเจอจริงๆ นรกก็รั้งไว้ไม่ได้หรอก”
ซือถูจิ้งพูดว่า “ข้าก็อยากไปอยู่ แต่ก็กลัวอ๋องอานหรานโกรธ หากเขาโกรธ แล้วไม่ช่วยเซียวเซียวขึ้นมาจะทำยังไง?”
“ได้ เดี๋ยวกลับไปข้าจะไปพูดกับคนเฒ่านั่นเอง ให้เจ้าได้เห็นแป๊บหนึ่งแน่นอน”
ซือถูจิ้งหัวเราะพร้อมพูดว่า “ใช่ เจ้าสนิทกับอ๋องอานหรานมาก เจ้าไปพูดกับเขาให้เข้าใจ ให้ข้าได้เห็นแป๊บหนึ่ง หากเขาอาการดีอยู่ ข้าก็จะกลับมา”
“ถ้าเขาอาการไม่ดีล่ะ?”
“ห้ามพูด” ซือถูจิ้งโกรธ
อ๋องเย่เอนหลังพิงตรงเบาะนั่งด้านหลัง พูดขึ้นอย่างเกียจคร้านว่า “รอให้เรื่องทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว พวกเราต่างต้องทำยังไงก็ให้ไปทำอย่างนั้น อย่าคิดแต่จะยุ่งเรื่องภายในราชสำนัก เจ้ายังต้องพูดกับพี่เจ็ดด้วย เขาคงตัดสินใจเด็ดขาดอย่างพวกเราไม่ได้”
“นั่นเพราะพ่อของเจ้าฝากความหวังไว้กับเขาตั้งแต่เด็ก เลี้ยงดูเขาอย่างกับฮ่องเต้ แต่น่าเสียดาย เขาไม่ใช่บุตรที่สืบสายเลือดโดยตรง และก็ไม่ใช่ลูกคนโต ไม่อย่างนั้นตอนนี้ก็ได้เป็นฮ่องเต้อย่างถูกต้องแล้ว แต่น่าเสียดาย การเป็นฮ่องเต้นั้น ไร้ญาติขาดมิตร น่าเป็นตรงไหน?”
อ๋องเย่ไม่พูดอะไร เป็นแบบนั้นจริง เป็นฮ่องเต้ดีตรงไหน? เหมือนเขาแบบนั้นสิถึงจะเรียกว่าสุขสบาย ในมือมีตึกเสหานที่เป็นนักฆ่า ยังมีสู้เยว่โหลวที่เป็นศูนย์กลางข่าวสารการค้าขายทุกอย่าง มีคนส่งเงินมาให้เขามากมายในทุกๆวัน ชาตินี้เขาก็ใช้ไม่หมดแล้ว
หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าของพี่เจ็ด เขาจะไม่ยอมเอาตัวเองเข้ามายุ่งกับเรื่องพวกนี้เด็ดขาด
“ข้าจะออกไปนอกวังแล้ว คืนนี้ยังมีเรื่องต้องทำ ไม่เหมือนเจ้ากับอาสะใภ้เจ็ด คืนนี้แค่ต้องดื่มชาอยู่ในพระราชวังฮุยชิงแล้วรอคอยดูเหตุการณ์แค่นั้น” อ๋องเย่พูดพร้อมกับลุกขึ้นเดินออกไป
คืนนี้พระราชวังฮุยชิงไม่มีนางกำนัลมาคอยรับใช้ หลีโม่ไม่อยากให้พวกนางกำนัลได้รับบาดเจ็บ จึงวางแผนให้พวกเขาออกไปที่อื่น
อาหารเย็นวันนี้ เป็นเย็นเอ๋อร์กับเสี้ยฮ่าวหรานทั้งสองคนช่วยกันทำ เสี้ยฮ่าวหรานทำกับข้าวเป็น มีท่านอ๋องขี้เกียจที่ชอบทาน จนทำให้เสี้ยฮ่าวหรานกลายเป็นพ่อครัวที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง
ซุนฟางเอ้อร์ยังไม่สามารถทานอาหารได้ เย็นเอ๋อร์ยกโจ๊กไปให้นางในห้อง ลืมเอาซุปไปด้วย เสี้ยฮ่าวหรานจึงยกเข้าไปให้ด้วยตัวเอง
แต่เพราะก่อนหน้านี้ซุนฟางเอ้อร์เคยด่าเขาว่าเป็นเด็กโง่ลามก เขาจึงไม่กล้าส่งเสียงดัง เอาเข้าไปวางไว้แล้วก็ออกมา แต่ซุนฟางเอ้อร์เรียกเขาไว้
“เจ้าช่วยข้าไว้?” ซุนฟางเอ้อร์ถาม
เสี้ยฮ่าวหรานไม่กล้าหันกลับมา ยืนส่ายหัว “ไม่ใช่ข้า เป็นพี่ใหญ่”
ซุนฟางเอ้อร์กลับไม่ยอมรับ “เป็นเจ้าที่ช่วยข้า”
“ข้าแค่ให้ยาถอนพิษ เป็นพี่ใหญ่ที่ช่วยเจ้า” เสี้ยฮ่าวหรานค่อยหันมา พูดอย่างดื้อรั้น
ซุนฟางเอ้อร์มองดูเขา “เจ้าโง่จริง?”
เสี้ยฮ่าวหรานส่ายหัว “ท่านแม่พูดว่าข้าไม่ได้โง่”
เย็นเอ๋อร์ถามขึ้นว่า “พี่ฉินจือ ท่านไม่กลัวหรือ?”
ฉินจือหัวเราะพร้อมพูดว่า “กลัวอะไร? ก็แค่นักฆ่าไม่ใช่หรือ? เห็นนักฆ่ามาทั้งชีวิตแล้ว”
ฆ่าคนเพื่อเอาชีวิต มีเพื่อนบางคนกลับประมาทเกินไป อยู่ในจวนพระราชนิกูลแบบนี้ ยังเห็นน้อยหรือ?
หลีโม่ไม่พูดอะไรมาตลอด สนใจทานแต่ข้าว หยุดฟังเสียงด้านนอกเป็นบางครั้ง
สายเชือกเตาปาของนางพันแขนของนางไว้ คืนนี้สายเชือกเตาปาไม่สงบนิ่งเลย ตอนที่หลีโม่ดื่มเหล้า ได้เทตรงหัวเชือกนิดหน่อย
และแล้ว ก็มีนักฆ่าเข้ามาพร้อมสายลมเย็นๆ ถือดาบเล่มยาวฝ่าฝูงคนเข้ามา เตาเหล่าต้าลุกขึ้น ถือมีดเล่มโตไปสู้ จนนักฆ่าล้มลงกองกับพื้น สายเชือกเตาปาของหลีโมพุ่งออกไป ผ่านทะลุตรงอกเขา เตาเหล่าต้ากระทืบปลิวออกไป สายเชือกเตาปาบินลอยกลับมาเอง เปื้อนกลายเป็นสีแดง กลับมาพันแขนตัวเองพร้อมกลิ่นคาวเลือด
ฉินจือพูดขึ้นอย่างตกใจว่า “ของของไทฮองไทเฮาวิเศษจริงๆ สามารถต่อสู้ได้ด้วยตัวเองด้วย”
“ของวิเศษของไทฮองไทเฮามีเยอะแยะ นี่ไม่นับว่าวิเศษอะไรมากมาย” โฉงหวาพูดพร้อมหัวเราะ สีหน้าทั้งสองพี่น้องไม่แสดงอาการหวาดกลัวเลย เหมือนกับเมื่อกี้ไม่ได้มีนักฆ่าเคยเข้ามาเลย
เมื่อกี้เสี้ยฮ่าวหรานก็กลัวอยู่ ตอนนี้เห็นความเก่งกาจสายเชือกเตาปาของหลีโม่ ก็สบายใจขึ้น ขยับเก้าอี้เข้ามานั่งข้างๆหลีโม่ “ข้าอยู่ข้างๆพี่ใหญ่ปลอดภัยกว่า”
หลีโม่หัวเราะพร้อมพูดว่า “ไม่ต้องกลัว มีพี่ใหญ่อยู่ จะไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้”
“นักฆ่าในคืนนี้ นับอย่างคราวๆแล้ว แค่ในพระราชวังฮุยชิงของเราก็น่าจะยี่สิบกว่าคนแล้ว” ซือถูจิ้งวางตะเกียบลง ยกจอกแก้วเหล้าขึ้น “กุ้ยไท่เฟยช่างไว้หน้าเรามากเลย”
“ใช่หรือไม่? พวกเราก็ถือว่าเป็นตัวละครหลักนี่” หลีโม่พูดขึ้นอย่างเรียบเฉย
“ทางด้านซุนฟางเอ้อร์ มีคนคุ้มกันไหม?”
“มี คนไม่เยอะ แต่ซุนฟางเอ้อร์รู้แต่แรกแล้วว่ามีอันตราย ดังนั้นนางมีวิธีปกป้องตัวเอง” งู แมลง หนู มดที่ซุนฟางเอ้อร์เลี้ยงไว้ไม่ใช่เล่นๆ ตอนที่หลีโม่เข้าไปในห้องของนาง ก็ได้กลิ่นคาวแล้ว เป็นกลิ่นคาวของงู
ซุนฟางเอ้อร์ถูกกุ้ยไท่เฟยทำร้าย ทำให้ต้องระวังตัว ดังนั้นจึงเรียกพวกงูพิษมาคุ้มกัน เชื่อว่าพวกนักฆ่ายังไม่ได้เข้าใกล้นาง ก็ถูกงูพิษกัดตายแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...