บทที่ 546 เริ่มมีเหตุการณ์เล็กน้อยเกิดขึ้น
งานเลี้ยงรัฐเริ่มเวลาห้าโมงเย็น ในวังเต็มไปด้วยโคมไฟและสีสันมากมาย ของที่ทำขึ้นภายในเวลาหนึ่งวัน ก็มีความละเอียดมาก ต้องขอบคุณคำชี้นำของหมุยเฟย
ตำหนักในและหมุยเฟยเข้ากันได้ดีมาก ตอนนี้ ผู้ดูแลตำหนักในคุ้นชินกับการรายงานต่อหมุยเฟย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือว่าเรื่องใหญ่ก็ตาม ถึงแม้ว่าอี๋กุ้ยเฟยจะมีตำแหน่งเป็นถึงกุ้ยเฟย แต่ว่า ตอนนี้ในวังนั้นหมุยเฟยเป็นผู้นำ แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยอมรับว่าเช่นนั้น
หมุยเฟยนั้นไม่มีที่พึ่งพา เมื่อฮ่องเต้จะใช้นางก็สามารถไว้วางใจได้
เมื่อก่อนอี๋กุ้ยเฟยอยู่ในใจของฮ่องเต้นั้น เป็นคนที่น่าเอ็นดู แต่หลังจากที่เขาป่วย เขาก็ได้รู้ว่าอี๋กุ้ยเฟยนั้นมีความโลภ นอกจากนั้นแล้ว ก็ค่อยๆมีข่าวลือของอี๋กุ้ยเฟยและถอยตำแหน่งองค์รัชทายาทไปถึงหูของฮ่องเต้ ฮ่องเต้นั้นไม่ได้ไปพิสูจน์ความจริง แต่แน่นอนว่าภายในใจนั้นก็ไม่พอใจ
ข่าวลือที่เกิดขึ้น น่าจะมีเหตุผล
ดังนั้น งานเลี้ยงคืนนี้ ให้หมุยเฟยนั่งข้างๆข้า แต่ไม่ใช่คนที่มีตำแหน่งสูงอย่างอี๋กุ้ยเฟย
อ๋องเย่ก็ทำตามคำรับสั่งให้พาคนไปลาดตระเวนรอบๆราชวัง เดิมทีก็เป็นทั้งผู้บัญชาการและราชวงศ์ คืนนี้ที่จริงเขาควรเข้าร่วมงานเลี้ยง แต่ฮ่องเต้กลับสั่งให้เขาออกมา
เห็นได้ว่า ช่วงที่อ๋องเย่ได้รับตำแหน่งไท่เว่ยนั้น ไม่ได้ทำอะไรตามที่เขาต้องการเลย
งานเลี้ยงคืนนี้พึ่งเริ่มขึ้น ฮ่องเต้ยังไม่ทันได้กล่าวเปิดงาน ก็เห็นอ๋องเย่นำคนเข้ามา
ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว คืนนี้ไม่ใช่ว่าให้เจ้าไปออกตระเวนที่ข้างนอกไม่ใช่?
อ๋องเย่เดินตรงไป จากนั้นลู่กงกงก็เดินลงมา “อ๋องเย่ ท่านไม่ใช่ว่าออกตระเวนอยู่ข้างนอกไม่ใช่?แล้วเข้ามาทำอะไร?”
อ๋องเย่พูดด้วยเสียงที่เบาว่า “กงกง ข้ามีเรื่องจะรายงานฮ่องเต้”
“คืนนี้เป็นวันต้อนรับแขก ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญ รายงานพรุ่งนี้แทนได้หรือไม่?” ลู่กงกงกล่าว
อ๋องเย่พูด “สำคัญมาก”
ลู่กงกงลังเลอยู่สักครู่ “อ๋องเย่รอก่อน ข้าจะไปรายงานฮ่องเต้”
ทันทีที่อ๋องเย่ปรากฏตัว ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกตึงเครียด เพราะว่า ทุกคนต่างรู้ว่า หน้าที่หลักของเขาในคืนนี้คือการออกนอกตระเวน
เมื่อฮ่องเต้ได้ฟังลู่กงกง แล้วกล่าวว่า “ให้เขาเข้ามา”
ลู่กงกงกวักมือให้อ๋องเย่ ให้เขาเข้ามา
เพราะว่างานเลี้ยงคืนนี้ยังไม่ได้เริ่มขึ้น ดังนั้น สายตาของทุกคนต่างจ้องมองไปที่อ๋องเย่
ในใจอ๋องฉีกังวลอยู่เล็กน้อย ตอนนี้ความสัมพันธ์ของแคว้นต้าโจวและเป่ยโม่ตึงเครียดขนาดนี้ และความปลอดภัยของเขาก็ถูกข่มขู่เช่นกัน
ดังนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะดูเหมือนว่ากำลังดื่มชาอย่างชิวๆ แต่สายตาก็เจาะจ้องไปที่อ๋องเย่และฮ่องเต้
อ๋องเย่เดินไป จากนั้นฮ่องเต้ก็ลุกขึ้น แล้วทั้งสองคนเดินเข้าไปใหห้องโถง
หลังจากที่อ๋องเย่เดินเข้าไป แล้วก็กระซิบข้างหูฮ่องเต้เบาๆว่า “เรียนฮ่องเต้ วันนี้แม่ทัพจางออกตระเวนแล้วพบว่า เจียวเหอจูทิศตะวันออกนั้นมีสถานการณ์ผิดปกติ มีคนแอบซ่อนธนูจำนวนมากไว้ที่นั่น”
ฮ่องเต้ตกใจทันที ธนูเป็นอาวุธของทหาร ในเมืองหลวงของแคว้นต้าโจวนั้น ห้ามไม่ให้ขายอาวุธทหาร และก็ห้ามขายเป็นการส่วนตัว
“จับคนได้หรือยัง?” ฮ่องเต้ถาม
“จับคนไว้ไม่ได้ แต่ว่า ยึดธนูไว้ได้”
“ทำไมถึงจับคนไม่ได้?”
“ที่นั่นเป็นแค่คลังวางสินค้าชั่วคราว มีคนเฝ้าไว้ ตอนที่แม่ทัพจางพาคนไปถึง คนพวกนั้นก็หนีไปแล้ว แม่ทัพจานรีบสั่งให้คนไปตามจับทันที แต่ว่า คนคนนั้นกลับเข้าไป......” เมื่ออ๋องเย่พูดถึงตรงนี้ ก็หยุดลง แล้วมองฮ่องเต้ด้วยสายตาที่ลังเล
ฮ่องเต้เข้าใจสถานการณ์แล้ว เขาก็ถามว่า “เข้าไปไหน?”
อ๋องเย่กล่าว “แม่ทัพจางบอกว่า เมื่อไล่ตามคนคนนั้นไปตลอดทาง ก็พบว่าเขาเข้าไปที่ตำหนักอ๋องหนานหวย”
ฮ่องเต้เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว สีหน้าของเขาตกใจอยู่สักพัก “เป็นความจริง?”
“น้องไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ น้องออกตระเวนอยู่ด้านนอกของราชวัง แม่ทัพจางเป็นคนรายงานด้วยตัวเอง น้องเลยเข้ามารายงานให้ฮ่องเต้ เพื่อขอให้ฮ่องเต้ตัดสินใจว่า จะเข้าไปตรวจสอบหรือไม่”
ฮ่องเต้คิดอยู่สักครู่ แล้วพูดว่า “เรียกขุนนางจางมาพบข้า”
เขาไม่ได้ไม่เชื่อใจอ๋องเย่ทั้งหมด แต่เป็นเพราะว่า เขาใกล้ชิดกับซือถูเย้นมาก เลยยากที่จะรับประกันได้ว่าจะไม่โกหก
พรุ่งนี้อ๋องฉีก็จะไปจากเมืองหลวงแล้ว ถ้าเกิดมีคนคดในข้องอในกระดูกจริง คืนนี้เป็นโอกาสดีที่จะลงมือ ดังนั้น เขาต้องทำให้อ๋องหนานหวยอยู่ในการควบคุมของเขาให้ได้
ลู่กงกงได้รับคำสั่งแล้วออกไป
ฮ่องเต้ให้อ๋องเย่เพิ่มกำลังในการลาดตระเวน ส่วนแม่ทัพจางก็นำธนูไปเก็บไว้ในโกดังทหาร
แต่ว่า เมื่อแม่ทัพจางไปถึงเจียวเหอจูก็พบว่าธนูทั้งหมดถูกขโมยไปแล้ว แล้วอีกอย่าง คนของเขาได้รับบาดเจ็บอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่แก่ถึงชีวิต
นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก ใครจะสามารถใช้เวลาสั้นขนาดนี้ ทำร้ายทหารแล้วขนธนูไป?
แม่ทัพจางรีบสั่งทหารให้ปิดประตูเมือง แล้วไปรายงานกับฮ่องเต้ด้วยตัวเอง
แม่ทัพจางเข้าวัง ฮ่องเต้ก็กำลังฝืนยิ้มแล้ว เพราะว่าลู่กงกงไปเชิญอ๋องหนานหวย แต่อ๋องหนานหวยก็บอกว่าป่วยไม่ยอมมา ลู่กงกงเลยเสนอยกเขาเข้าวัง แต่อ๋องหนานหวยก็สลบไปเลย
ลู่กงกงรู้ว่าเขาแกล้งสลบ แต่ก็บังคับไม่ได้ เลยกลับมารายงานฮ่องเต้
ฮ่องเต้จะรับได้อย่างไร?แต่ว่ามีแขกอยู่ เลยทำได้แต่ฝืนยิ้ม
เมื่อเห็นแม่ทัพจางมา สีหน้าของฮ่องเต้นิ่งไปสักพัก
แม่ทัพจางเดินตรงไปที่ข้างๆฮ่องเต้ แล้วกระซิบว่า “ฮ่องเต้ ธนูถูกขโมย แล้วทหารก็ได้รับบาดเจ็บ”
ฮ่องเต้โกรธมาก แล้วตบโต๊ะ ทำให้อ๋องฉีและเหล่าขุนนางตกใจจนเหล่ตามอง ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
หลีโม่และซือถูจิ้งมองหน้ากัน แกล้งทำเป็นว่าตกใจแล้วมองไปที่ฮ่องเต้
ฮ่องเต้เก็บความโกรธไว้ หลังจากนั้นก็ยิ้มแล้วกดมือ “ไม่เป็นไร ทุกคนดื่มเหล้าต่อ ข้ามีเรื่องต้องไปจัดการ”
เขาลุกขึ้นมา แล้วกลับไปเข้าในห้องโถง แม่ทัพจางก็ตามไปด้วย
ฮ่องเต้ทนไม่ได้ที่จะโกรธและขมวดคิ้ว เมื่อเข้าไปในห้องโถงก็พูดด้วยความโกรธว่า “ให้เจ้าสั่งไปคนเฝ้าไว้ไม่ใช่?ใครกันที่สามารถขโมยธนูไปจากทหารได้?”
แม่ทัพจางรีบคุกเข่าลง “ฮ่องเต้ทรงอย่าโกรธเลย ข้าสั่งให้คนไปเฝ้าแล้ว แต่ว่า ศัตรูมีจำนวนมากเกินไป และศิลปะการต่อสู้นั้นแข็งแกร่งมาก ข้าถามทหารแล้ว คนพวกนั้นน่าจะเป็นคนในยุทธจักร วิชาตัวเบาทั้งแข็งแกร่ง และรวดเร็วมาก กำลังทหารมีไม่เพียงพอ เลยไม่สามารถหยุดไว้ได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...