บทที่ 549 นักแสดงยอดเยี่ยม
ทั้งสามคนอยู่ในห้องคุยกันอยู่สักพัก แล้วไม่นาน ก็เห็นอ๋องหนานหวยเดินออกมา ด้านหลัง ซางชิวนำดาบวางไว้บนคอของอ๋องเหลียง แล้วบังคับให้องครักษ์ถอย
เห็นได้ชัดว่าอ๋องเหลียงตื่นตกใจมาก โบกมืออย่างหนักแล้วพูดกับองครักษ์ว่า “พวกเจ้าถอยไป ถอยไป!”
องครักษ์ค่อยๆถอยไปทีละก้าว องครักษ์ต้าจินอยู่ด้านหน้า แล้วพูดด้วยความโกรธว่า “อ๋องหนานหวย เจ้าจับท่านอ๋องเป็นตัวประกัน เจ้าจะก่อกบฏหรือไง?”
อ๋องหนานหวยหัวเราะด้วยความเย็นชาว่า “ข้าไม่ก่อกบฏ แต่ข้าจะเข้าวัง”
ซางชิวนำดาบกดลงบนคอของอ๋องเหลียงจนมีลอย แล้วพูดว่า “ถอยไปซะ”
อ๋องเหลียงรู้สึกเจ็บคอเล็กน้อย แล้วด่าไม่หยุด ไอ้เทพกระบี่บ้า ลงมือไม่รู้หนักเบาเลย
องครักษ์ถอยไปเรื่อยๆ ถอยไปจนถึงประตู แล้วองครักษ์ของตำหนักก็บุกเข้ามา และเผชิญหน้ากับคนของอ๋องเหลียง คำพูดก็ตื่นไปนิด องครักษ์ของอ๋องเหลียงนั้นเป็นคนที่มีจิตใจหยิ่ง แล้วจะทนกับดำดูถูกได้อย่างไร?ทันใดนั้นก็ต่อสู้กับองครักษ์ในตำหนักขึ้นมา
ซางชิวเมื่อเห็นสถานการณ์เริ่มควบคุมไม่อยู่ เลยโกรธเป็นอย่างมาก “ถอยไป ถอยออกไป”
เขาพูดกับอ๋องเหลียงด้วยน้ำเสียงที่เบาว่า “ท่านอ๋อง ท่านก็ต้องเรียกคนของท่านถอยไป ไม่งั้นพวกข้าจะออกไปอย่างไร?”
อ๋องเหลียงตะโกน “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ แม้แต่ชีวิตของข้าก็ไม่สนแล้วหรือไงกัน?”
แต่ว่า องครักษ์ต่อสู้กันดุเดือดมาก เลยไม่ได้ยินคำสั่งของเขา จนสู้ไปถึงหน้าประตู
แต่ช่างบังเอิญจริงๆ แม่ทัพจางก็พาองครักษ์มาถึงพอดีเลย เมื่อเห็นอ๋องเหลียงถูกจับเป็นตัวประกัน ก็ตกใจทันที แล้วสั่งให้คนล้อมรอบตำหนักอย่างแน่นหนา
เขาเดิมมาด้านหน้า แล้วพูดกับอ๋องหนานหวยว่า “ท่าน ปล่อยท่านอ๋องก่อน มีเรื่องอะไร คุยกันได้”
อ๋องหนานหวยรู้ว่าแม่ทัพจางมาทำตามคำรับสั่งของฮ่องเต้ เขาเห็นข้าจับอ๋องเหลียงเป็นตัวประกัน น่าจะทำให้เขาเข้าใจผิดได้ เลยกล่าวว่า “แม่ทัพจาง ข้าไม่ได้อยากจับเฮ่าเอ๋อเป็นตัวประกัน เพียงแค่ต้องการเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้าฮ่องเต้”
เมื่อแม่ทัพจางได้ยินเช่นนั้น เลยพูดว่า “ได้ ท่านอยากเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ข้าจะพาท่านเข้าวัง แต่ท่านต้องปล่อยท่านอ๋องก่อน”
ซางชิวปล่อยอ๋องเหลียง องครักษ์ต้าจินก็รีบขึ้นไปบังอ๋องเหลียงทันที เมื่อแม่ทัพจางเห็นอ๋องเหลียงปลอดภัย ก็ยกมือขึ้น จากนั้นทหารก็เข้าไปจับกุมอ๋องหนานหวยและซางชิว
อ๋องหนานหวยตกใจ เลยรีบแก้ตัว “แม่ทัพจาง เจ้าเข้าใจผิดแล้ว”
“เข้าใจผิดอะไร หากมีอะไรเข้าใจผิดก็ไปแก้ตัวต่อหน้าฮ่องเต้ซะ” แม่ทัพจางพูดด้วยเสียงที่เย็นชา
อ๋องหนานหวยคิดคงไม่ต้องอธิบายกับเขา เดี๋ยวเจอฮ่องเต้ก็จะเข้าใจเอง เลยพูดว่า “ได้ งั้นเจ้าพาข้าเข้าวัง”
แม่ทัพจางเดินไปด้านหน้าของอ๋องเหลียง แล้วถามว่า “ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
อ๋องเหลียงมองอ๋องหนานหวย แล้วพูดว่า “ข้าไม่เป็นไร ไป เข้าวังเถิด”
งานเลี้ยงในวังกำลังครึกครื้น นางรำกำลังร่ายรำในเสียงเพลง ถึงแม้ว่าในใจของฮ่องเต้จะไม่สงบ แต่ก็ต้องสร้างสถานการณ์ที่ดี
หลีโม่และซือถูจิ้งกำลังเคลิบเคลิ้ม คืนนี้เหลาไท่จุนมาสายมาก กินไปถึงครึ่งหนึ่งถึงมา บอกว่าป่วย ฮ่องเต้เลยต้องถามสองสามคำ
อ๋องเย่ตระเวนอยู่ด้านนอกวัง ตามคำสั่งของฮ่องเต้ ต้องเฝ้าอย่างเข้มงวด และต้องรับรองว่าคืนนี้ปลอดภัย
เมื่อการร่ายรำจบลง เหล่าขุนนางก็ต่างพากันปรบมือ เยี่ยม เยี่ยมไปเลยจริงๆ
แต่เวลาที่ยอดเยี่ยมอย่างนี้ แม่ทัพจางพาอ๋องหนานหวยมาถึง เดิมทีแม่ทัพจางจะพาอ๋องหนานหวยเข้าไปในห้องโถง รอให้ฮ่องเต้ไปพบเขาเอง แต่ว่า เมื่ออ๋องหนานห้วยได้ยินเสียงดนตรีมาจากไกลๆ ก็วิ่งเข้าไป แล้วตะโกนว่า “ฮ่องเต้ ฮ่องเต้ เกิดเรื่องแล้ว”
เมื่ออ๋องหนานหวยได้ยินเช่นนั้น ก็เงยหน้ามองอ๋องเหลียงทันที “เจ้า......”
ทันใดนั้นในหัวก็มีสายฟ้าผ่าลงมาทันที เขาตกกับดักแล้ว!
เขาโกรธเป็นอย่างมาก “ซือถูเฮ่า เจ้ากับซือถูเย้นร่วมมือกัน พวกเจ้าต่างก็อยากแย่งชิงบัลลังก์”
อ๋องเหลียงพูดด้วยความโกรธว่า “เสด็จลุง ท่านหมายความว่าอย่างไร?เมื่อกี๊บอกว่าท่านลุงเจ็ดจะก่อกบฏ แล้วตอนนี้ก็บอกข้า เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?”
ฮ่องเต้มองอ๋องเหลียง แล้วมองไปที่อ๋องหนานหวย แต่กลับถามแม่ทัพจางว่า “ขุนนางจาง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
แม่ทัพจางก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วคุกเข่าลงหนึ่งข้าง จากนั้นก็พูดว่า “เรียนฮ่องเต้ ข้ารับคำสั่งให้ไปตรวจสอบธนู แต่เมื่อผ่านประตูตำหนักอ๋องหนานหวย ก็เห็นองครักษ์ของตำหนักอ๋องหนานหวยกำลังต่อสู้กันอยู่ เลยเข้าไปดูลาดเลา ก็เห็นซางชิวที่อยู่ข้างๆอ๋องหนานหวยถือดาบวางไว้บนคอของท่านอ๋องแล้วเดินออกมา เมื่ออ๋องหนานหวยเห็นข้า ก็พูดทันทีว่าจะพบฮ่องเต้”
อ๋องหนานหวยรีบมองซางชิวที่อยู่ด้านหลัง สีหน้าของซางชิวก็ขาวซีดมาก แต่ว่า สีหน้าก็ยังสงบอยู่ ดวงตากำลังขยับ เหมือนกำลังคิดวิธีรับมืออยู่
จากนั้นฮ่องเต้ก็มองไปที่อ๋องเหลียง “สถานการณ์ที่แม่ทัพจางพูด มันเป็นยังไงกันแน่?ข้าให้เจ้าไปตำหนักอ๋องหนานหวยเพื่อไปเยี่ยมป่วยไม่ใช่?”
ฮ่องเต้รู้สึกว่าต้องมีอะไรแน่ เขาก็มั่นใจ เพราะว่าถ้าเกิดพูดถึงกบฏสองคำนี้ มักจะทำให้เขาโกรธเป็นอย่างมาก ดังนั้น ตอนนี้สติของเขายังตามไม่ทัน
“เรียนเสด็จพ่อ ลูกพาองครักษ์ไปที่ตำหนักอ๋องหนานหวย เมื่อเข้าไปได้ไม่นาน ซางชิวก็กลับมาจากข้างนอก ซางชิวถวายความบังคมต่อลูก ลูกยังไม่ทันได้ตั้งตัว เขาก็ถือดาบวางไว้บนคอของลูก แล้วเดินออกไป และข้างนอก องครักษ์ของตำหนักอ๋องหนานหวยกับองครักษ์ที่ลูกพาไปก็สู้กันขึ้นมา กำลังเริ่มสู้ขึ้น แม่ทัพจางก็พาคนมาถึง เมื่อเสด็จลุงเห็นแม่ทัพจาง ก็พูดว่าจะพบเสด็จพ่อ เรื่องก็เป็นเช่นนี้ จนถึงตอนนี้ลูกก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
อ๋องเหลียงพูดอย่างจริงจัง สายตาก็จ้องมองฮ่องเต้ ไม่มีความรู้สึกผิดอะไรเลย ดูแล้วไม่เหมือนกำลังพูดโกหกอยู่ และอีกอย่าง ตอนที่เขาพูด ก็มองอ๋องหนานหวยและซางชิวด้วยความสงสัย เหมือนกำลังวิเคราะห์เป้าหมายของพวกเขาอยู่
หลีโม่มองไว้ในสายตา ถอนหายใจอยู่ในใจอย่างไม่หยุด อ๋องเหลียงไม่ไปถ่ายหนังคงเสียดายน่าดู
นี่คือคุณสมบัติของนักแสดงยอดเยี่ยมเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...