พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 550

บทที่ 550 หลีโม่หญิงใจหยาบ

ฮ่องเต้กับลูกชายแท้ๆของตัวเอง ก็ต้องมีความเชื่อใจอยู่เล็กน้อย ยิ่งเป็นอ๋องเหลียง เขาค่อนข้างที่จะชอบอ๋องเหลียง ถึงแม้ว่าเขาจะเข้าใกล้ซือถูเย้นแล้วมีความคิดเก็บไว้ในใจ แต่ว่า เมื่อก่อนเขาก็ไม่เคยมีความคิดหรือระวังซือถูเย้นเลย

พื้นฐานความเชื่อใจนั้นมีความมั่นคงอยู่แล้ว ดังนั้น ครั้งนี้ เขาเลือกที่จะเชื่อใจอ๋องเหลียง แล้วสายตาที่มองอ๋องหนานหวย ก็ยิ่งเยือกเย็นขึ้น

เหล่าราชวงศ์และขุนนางไม่กล้าพูดอะไร สถานการณ์ที่ไม่ชัดเจนเช่นนี้ ใครจะกล้าพูด?

ตำแหน่งของอ๋องฉีมีความอึดอัดเล็กน้อย นี่คือเรื่องของแคว้นต้าโจว เขาเป็นท่านอ๋องต่างประเทศ เดิมทีก็ไม่ควรฟัง แต่ก็ไม่สามารถออกไปได้ ทำให้คนรู้สึกผิดยังไงไม่รู้

เมื่ออ๋องหนานหวยได้ยินคำพูดของอ๋องเหลียง แล้วหัวเราะด้วยความเย็นชา “คิดไม่ถึงเลยว่า เฮ่าเอ๋อ ว่าเจ้าจะเป็นคนที่ร้ายกาจขนาดนี้ ข้าดูเจ้าผิดไป ตอนที่เจ้าเข้ามา ซางชิวก็อยู่ในห้องตลอด และนอกจากนั้น เจ้ายังพาซือถูเย้นมาด้วย”

อ๋องเหลียงพูดด้วยความโกรธว่า “เสด็จลุง หลานพาท่านลุงเจ็ดไปตั้งแต่เมื่อไรกัน?หลังจากที่เสด็จลุงไปออกศึก หลานก็ไม่เคยพบเขาอีกเลย คืนนี้เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?ตอนที่ซางชิวถือดาบวางไว้ที่คอของข้า พวกเจ้าพูดว่าอาวุธอะไรสักอย่างอยู่ที่หลังลาน พวกเจ้าคิดที่จะก่อกบฏหรือ?”

“เจ้าพูดเรื่องอะไรกัน?” อ๋องหนานหวยพูดอย่างหนักแน่น เมื่อเรื่องทั้งหมดมาต่อการ เขาก็เข้าใจแผนของซือถูเย้นและอ๋องเหลียง เป้าหมายก็คือให้เขารับโทษเป็นกบฏ

ฮ่องเต้ยกมือขึ้นอย่างช้าๆ แล้วพูดกับอ๋องฉีว่า “ท่านอ๋อง เรื่องครอบครัวของข้า ทำให้ท่านได้เห็นเรื่องตลกแบบนี้ ลุงหลานนี่ปกติก็ไม่ถูกกันแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าคืนนี้จะทะเลาะขึ้นมา ขอโทษ ต้องขอโทษด้วย”

อ๋องฉีรีบพูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้ เดิมทีเรื่องครอบครัวก็เป็นเรื่องตัดสินยากอยู่แล้ว ฝ่ามือก็เป็นเนื้อ หลังมือก็เป็นเนื้อ แต่ไม่ต้องรีบร้อนไป ยังไงก็ครอบครัวเดียวกัน มีเรื่องเข้าใจผิดอะไรก็คุยกันดีๆ”

เขาใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้แล้วลุกขึ้น “พรุ่งนี้ข้าต้องออกเดินทางกลับประเทศ ขอกลับไปเก็บข้าวของก่อน ขอบคุณฮ่องเต้ที่ต้อนรับเป็นอย่างดี ข้าขอถอยกลับก่อน!”

ฮ่องเต้หัวเราะ “งั้นเจ้ากลับไปก่อน พรุ่งนี้เช้า ข้าจะส่งเจ้าที่พระตำหนักจินหลวน”

นี่หมายความว่า พรุ่งนี้อ๋องฉียังต้องเข้าวังทำการอำลา

อ๋องฉีกุมมือ “ขอรับ งั้นข้าขอถอยก่อน!”

อ๋องฉีเดินไปอย่างโล่งใจ เมื่ออ๋องฉีเดินจากไป เหล่าขุนนางก็ต่างพากันเดินออกไป ใครก็ดูออกว่า ฮ่องเต้จงใจขัดจังหวะการพูด ให้อ๋องฉีเดินจากไป จากนั้นก็จะจัดการเรื่องส่วนตัว

งานเลี้ยงจบลง ฮ่องเต้ลุกขึ้น แล้วกลับไปที่ตำหนักซีเวย ก่อนจะเดินจากไป ก็ทำสัญญาลักษณ์มือให้แม่ทัพจาง ให้แม่ทัพจางนำคนไปที่ตำหนักซีเวย

หลีโม่และซีถูจิ้งก็ยังไม่ได้กลับไป ดังนั้นเลยเดินตามไปที่ตำหนักซีเวย ฮ่องเต้ก็ไม่เคยพูดว่าห้ามพวกเขาตามไป ในฐานะที่เป็นพระชายาของซือถูเย้น นางโกรธเป็นอย่างมากที่พระสวามีของตนถูกใส่ร้าย ดังนั้นไม่ว่ายังไงก็ต้องตามไป

ก่อนจะถึงตำหนักซีเวย เขาเรียกซุนฟางเอ้อร์เข้ามาก่อน

ซุนฟางเอ้อร์ไม่อยู่ในวัง

ถึงแม้ว่าฮ่องเต้จะเข้าไปแล้ว แต่เขาเห็นลู่กงกงอยู่ด้านหลังม่าน รองเท้าคู่นั้น หลอกเขาไม่ได้

อ๋องเหลียงทำเสียงฮึงหนึ่งครั้ง แล้วทำเป็นว่าไม่สนใจ

ซางชิวขึ้นมาด้านหน้าแล้วพูดว่า “ท่านอ๋องเหลียง ตอนนี้ท่านอ๋องภักดีต่อฮ่องเต้มาก ท่านทำไมต้องใส่ร้ายเขา?พวกท่านยังไงก็เป็นลุงหลานกัน ทำไมต้องใส่ร้ายกัน?คืนนี้อ๋องซื่อเจิ้งกลับมาแล้ว ท่านก็เห็นกับตา แค่ให้ฮ่องเต้สั่งให้คนไปตรวจสอบที่กองทัพก็จะรู้เอง เจ้าหลอกฮ่องเต้ไม่ได้หรอก”

หลีโม่เมื่อฟังถึงตรงนี้ ก็เปิดม่านแล้วเดินเข้ามา แล้วชี้จมูกด่าซางชิวโดยความโกรธ “ไอ้เทพกระบี่ยุทจักร ข้าทนเจ้ามานานแล้ว เจ้ากลัวว่าโลกนี้จะไม่วุ่นวายหรือไง?บอกว่าท่านอ๋องของข้าก่อกบฏยังไม่พอ ตอนนี้ยังจะลากอ๋องเหลียงเข้ามา ช่างบ้าจริงๆ ข้าถามเจ้า ทำไมอ๋องเหลียงต้องก่อกบฏ?หรือว่าเขาอยากให้คนที่เป็นฮ่องเต้เป็นเสด็จลุงไม่ใช่เสด็จพ่องั้นหรือ?ทฤษฎีนี้พูดแล้วจะผ่านเหรอ? ตอนนี้ไอ้เจ็ดกำลังออกศึกอยู่ แล้วได้รับบาดเจ็บ พวกเจ้าฉวยโอกาสนี้ใส่ร้ายว่าเขากลับเมืองหลวงโดยพลการ แล้วยังยั่วยุความสัมพันธ์ระหว่างเขาและฮ่องเต้ จิตใจทำด้วยอะไร?ดีเลย เจ้าบอกว่าเขากลับมาแล้ว เจ้าก็หาเขาออกมาสิ เจ้าปิดประตูเมือง แล้วทำการตรวจสอบ แล้วหาเขาออกมาสิ”

ซางชิวไม่ได้สนใจหลีโม่โกรธเลย แค่พูดอย่างเบาๆว่า “พระชายา ไม่ได้อยู่ต่อหน้าคนที่ไว้วางใจ ไม่ต้องพูดโกหก และคำพูดเดิม ไม่ต้องแสดง เรื่องบางอย่าง ทุกคนต่างรู้ คืนนี้ข้าเห็นอ๋องซื่อเจิ้งด้วยตาตัวเอง ดังนั้นไม่ว่าใครจะถาม ข้าก็กล้าสาบาน ไม่กลัวฟ้าลงทันฑ์”

“เจ้าไม่กลัวฟ้าลงทันฑ์ก็เพราะว่าเจ้าไม่ช้าก็เร็วก็จะถูกฟ้าลงทันฑ์ ไอ้เจ็ดของข้าไปทำอะไรไว้ให้พวกเจ้ากัน?พวกเจ้าบอกว่าเขาก่อกบฏ บอกว่าเขาอยากเป็นฮ่องเต้ เอาหลักฐานมาสิ ความสัมพันธ์พี่น้องของเขาและฮ่องเต้นั้นลึกซึ้ง หลายปีมานี้ ก็ไม่เคยทะเลาะกันเลย เขาปกป้องฮ่องเต้แค่ไหน แล้วรักแคว้นต้าโจวมากขนาดไหน ทุกคนต่างก็เห็นอยู่ในสายตา เจ้านึกว่าคำยั่วยุเพียงไม่กี่คำ ก็จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องเปลี่ยนแปลงไป?”

“ถ้าเป็นแค่คำยั่วยุ พระชายาจะรีบร้อนทำไมละ?ดูท่าน เส้นเลือดในหัวโผล่ออกมาแล้ว ถ้าไม่ใช่ความจริง ท่านจะโกรธไปทำไม?” ซางชิวพูดอย่างประชด

“ข้าไม่เพียงแต่โกรธ?ข้ามีแม้แต่ใจที่จะฆ่าเจ้า ไม่ ตอนนี้ข้ายังฆ่าเจ้าไม่ได้ ถ้าเกิดฮ่องเต้โทษข้าขึ้นมา ก็ไม่สามารถสนใจอะไรได้มากมาย ผู้ชายของข้าถูกพวกเจ้าลอบกัดและใส่ร้ายตามใจชอบ ถ้าเกิดเขามีใจที่อยากเป็นฮ่องเต้จริงๆ ทำไมต้องรอถึงตอนนี้?ตอนที่ฮ่องเต้ป่วยก็สามารถแย่งชิงบัลลังก์ได้แล้วนี่?ถ้าเจ้าพูดอีกหนึ่งคำ ข้าจะฉีกปากเจ้า” หลีโม่ด่าเหมือนกับหยิ่งใจหยาบ นางรู้ว่า คำทุกคำที่นางด่าไปคืนนี้ ต้องถึงหูฮ่องเต้แน่นอน นางเลยด่าผ่านซางชิว เพื่อตักเตือนฮ่องเต้ หลายปีมานี้ ซือถูเย้นภักดีต่อเขามาก และนอกจากนั้น เขามีโอกาสเป็นฮ่องเต้ แต่เขากลับไม่ทำเช่นนั้น ยังไม่สามารถยืนยันอะไรได้หรือไงกัน?

คืนนี้ นางรู้ว่าไม่ว่านางจะพูดอะไร หรือทำอะไร ฮ่องเต้ก็จะไม่โทษเขา เพราะว่า ฮ่องเต้ยังต้องการให้นางช่วยสงบสงครามระหว่างเป่ยโม่อยู่ สถานการณ์ตอนนี้ของเขา ถ้าสามารถไม่สู้รบได้ก็ไม่สู้รบ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม