บทที่ 561 พวกข้าไปกันเถิด
ใครไม่ต้องการให้เสี้ยหลีโม่รักษาโรคระบาดให้หายกัน? แน่นอนว่าเป็นพวกยึดมั่นทำสงคราม
เพราะว่า ถ้าเกิดเสี้ยหลีโม่รักษาโรคระบาดได้ เป่ยม่อจะเปิดศึกกับแคว้นต้าโจวได้อย่างไร ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นการกินบนเรือนขี้บนหลังคาไม่ใช่?
หลีโม่เตรียมใจไว้ตั้งนานแล้ว ดังนั้นเมื่อได้ยินคำตักเตือนขององค์หญิงอาน ก็แค่ยิ้มอย่างจางๆ
งานเลี้ยงรัฐของเป่ยม่อนั้นแปลกมาก ไม่แบ่งแยกอาหาร แต่จะเป็นการนั่งโต๊ะหนึ่งสิบกว่าคนแล้วรับประทานอาหารบนโต๊ะร่วมกัน
งานเลี้ยงรัฐที่รับประทานอาหารร่วมกันนี้ เป็นวิธีที่ฮ่องเต้ของเป่ยม่อนำมาต้อนรับเหล่านักรบ ที่มีความหมายว่า ถึงข้าจะเป็นฮ่องเต้ แต่ว่ามีอะไรข้าก็แบ่งปันกับทุกคน
แต่เมื่อผ่านไปเป็นเวลานาน ก็กลายเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของงานเลี้ยงรัฐ
คืนนี้ฮองไทเฮาก็เข้าร่วมงานด้วย การแต่งกายของนางสนมเป่ยม่อ นั้นโดดเด่นเป็นพิเศษ และชุดราชพิธีของ
ฮองไทเฮาและฮองเฮา นั้นเป็นสีเหลือง ส่วนชุดราชพิธีของฮ่องเต้จะเป็นชุดคลุมมังกรสีดำ
เมื่อฮองไทเฮาเจอซือถูเย้น ก็เรียกเขาขึ้นไปพูดคุยด้วยความสนิทสนม “เจ้าละก็ ไม่มาเยี่ยมข้าซะนานเลย เดี๋ยวต้องลงโทษเจ้าให้ดื่มหลายๆแก้ว”
น้ำเสียงของคำพูดนี้ เหมือนกับเหลาไท่ไท่ที่กำลังออดอ้อน
เมื่อได้ฟังเช่นนั้นซือถูเย้นก็หัวเราะแล้วพูดว่า “นี่ก็มาแล้วไม่ใช่?”
“มาบ่อยๆ มาบ่อยๆนะ!” ฮองไทเฮาตบหลังมือของเขา “เดี๋ยวเจ้ามานั่งกับข้า พระชายาของเจ้าคือคนไหน? ทำไมไม่มาพบ?”
ที่จริงหลีโม่ก็ยืนอยู่ข้างๆซือถูเย้น นางก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ยิ้มแล้วพูดว่า “เสี้ยหลีโม่ถวายบังคมฮองไทเฮา ขอให้ฮองไทเฮามีแต่ความโชคดี”
“ดีดี!” ฮองไทเฮามองนาง แล้วใบหน้าเต็มไปด้วยชื่นชม “ไม่เลว หน้าตาก็ดูดี คนก็มองดูฉลาด เดี๋ยววันหลังไปนั่งที่พระราชวังขอข้านะ”
“เพคะ ฮองไทเฮา!”ตอนนี้หลีโม่แค่อยากรอคำสั่งของฮ่องเต้จากนั้นก็ไปพื้นที่ที่โรคระบาด
แต่ว่า งานเลี้ยงนี้ ฮ่องเต้และฮองเฮาทั้งสองไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงในเวลาเดียวกัน แต่ให้อ๋องฉีเป็นเจ้าภาพแทน
ยิ่งไปกว่านั้น ขุนนางที่มาร่วมงานก็มีแค่ไม่กี่คน สถานการณ์เช่นนี้ แม้แต่ฮองไทเฮาก็ตกใจ
นางสั่งให้คนไปเชิญฮ่องเต้ แต่ว่าฮ่องเต้ก็สั่งให้คนมากราบทูลว่า ร่างกายไม่ค่อยสบาย ฉาวฮองเฮาก็เช่นเดียวกัน
สีหน้าของฮองไทเฮาขาวซีด แต่ว่า นางยังคงยิ้มและเป็นเจ้าภาพกับอ๋องฉีกับงานเลี้ยงที่ตลกเช่นนี้ แล้วฮองไทเฮาก็ทูลด้วยตัวเอง ขอเชิญพระชายาอ๋องซื่อเจิ้งของแคว้นต้าโจว ไปรักษาพื้นที่ที่โรคระบาดให้กับประชาชน
ถ้าเกิดพูดว่ามีปัญหาอะไรแล้วละก็ ปัญหาครั้งนี้ก็คือฮ่องเต้ฮองเฮาและเหล่าขุนนางไม่มาร่วมงาน
เป็นใครก็ดูออกว่า นี่ไม่ใช่พระราชโองของฮ่องเต้เป่ยม่อ มันเป็นแค่คำทูลของฮองไทเฮา ถ้าถึงตอนนั้น ฮ่องเต้เป่ยม่อของพวกเขาก็สามารถพูดได้ว่า ไม่เคยอนุญาตให้เสี้ยหลีโม่เข้าไปพื้นที่ที่โรคแพร่ระบาดอยู่
เป็นการหลอกใช้ฮองไทเฮา หรือเป็นความคิดของฮองไทเฮาอยู่แล้ว ไม่ทราบเลย
แต่รู้อยู่เรื่องเดียวว่า คนบนๆล่างๆของเป่ยม่อนั้น รังแกคนเกินไปนัก
หลังจากที่ฮองไทเฮาทูลว่าให้หลีโม่ไปร่วมมือรักษาพื้นที่ที่โรคแพร่ระบาด ซือถูเย้นก็พาหลีโม่ไปทันที ตอนกำลังจะไป ก็ทำแก้วแตก
แน่นอนว่าคนของแคว้นต้าโจวก็ไปด้วย
อ๋องฉีก็ไม่มีหน้าตามออกไป จากนั้นก็กลับตำหนักไปอย่างเงียบๆ หลังจากที่ผ่านไปหลายชั่วโมงก็เรียกคนไปส่งของที่จาวเหวินก่วน บอกว่าเป็นของทักทายด้วยความจริงใจ
แต่ว่า เมื่อคนไปถึงจาวเหวินก่วน กลับบอกว่าพวกซือถูเย้นไม่เคยกลับมา หลังจากที่ทำการตรวจสอบ ของที่พึ่งย้ายไปวันนี้ ก็ถูกย้ายออกไปทั้งหมด
แต่ว่า พวกเขากลับหายตัวไป
ฮ่องเต้เป่ยม่อคราวนี้คาดการณ์ไว้ผิดจริงๆ เขาเหมือนกับอ๋องฉี ที่คิดไม่ถึงเลยว่าซือถูเย้นจะจากไป กำลังทหารของแคว้นต้าโจวนั้นเทียบกับเป่ยม่อไม่ได้ นอกจากนั้นแคว้นต้าโจวยังเป็นพันธมิตรกับเซียนเป้ย แคว้นต้าโจวต้องฝืนยืดลมหายใจเฮือกสุดท้ายไว้ เลยทำได้แค่ขอความสงบสุข
ดังนั้น ซือถูเย้นต้องยอมเสียสละทุกอย่าง เพื่อชักชวนพวกยึดมั่นสันติภาพของเป่ยม่อมาเป็นพวก แล้วค่อยให้คนของพวกยึดมั่นสันติภาพ ......
อ๋องฉีรีบไปที่พื้นที่โรคระบาด ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เขาก็จะทำตามแผนที่เขาวางไว้ก่อนหน้านี้ ไม่อย่างนั้น ถ้าหาวิธีรักษาไม่ได้ ผู้คนก็จะเกลียดพวกเขาถึงกระดูก แต่ถ้าหาวิธีรักษาได้ ก็แย่งมา ต้องให้แผนที่พวกยึดมั่นสันติภาพและซือถูเย้นวางแผนไว้เสียเปล่า
แต่ว่า ซือถูเย้นไม่เล่นตามแผนที่วางไว้ เขาพาคนจากไปแล้ว ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก เขาก็จะส่งคนไปดูพวกเขาเอาไว้ แล้วควบคุมการเคลื่อนไหวของพวกเขา
ก็เพราะว่าแน่ใจว่าซือถูเย้นจะไม่จากไป เพราะไม่อยากไป เขาเลยสะเพร่าแบบนี้
ตอนนี้ก็มีคำสั่งลงไปแล้ว ฉินโจว จะโจมตีแคว้นต้าโจวภายในสองวัน ถ้าเกิดซือถูเย้นกลับไป ก็จะทันสู้รบ
“ฮ่องเต้ ถ้าเกิดซื่อถูเย้นกลับไป การโจมตีครั้งนี้ของพวกข้า โอกาสชนะต่ำมาก” ฉาวฮองเฮากล่าว
“ฮองเฮา การโจมตีเป็นความคิดของเจ้าไม่ใช่?” ฮ่องเต้หัวเราะอย่างเยือกเย็น
“เพคะ หม่อมฉันมีความผิด แต่ตอนนั้นคิดว่าซือถูเย้นอยู่ในกำมือของพวกข้า เซียวเซียวน่าจะกังวล แล้วข้อห้ามของการต่อสู้คือใจห้ามไม่อยู่กับเนื้อกับตัวและรู้สึกกลัว ดังนั้นโอกาสที่พวกข้าจะชนะเลยมีสูง แต่ตอนนี้ซือถูเย้นกลับไปแล้ว ถ้าเขากลับไปช่วยทหารแคว้นต้าโจว ขวัญและกำลังใจก็จะเพิ่มขึ้น การต่อสู้ครั้งนี้ พวกข้าเสียเปรียบ” ฉาวฮองเฮากล่าว
ความหมายของฉาวฮองเฮาก็คือรั้งทัพไว้ก่อนแล้วรอจังหวะโจมตี แต่ว่า เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้ไม่คิดจะทำอย่างเช่นนั้น เขาพูดอย่างเบาๆว่า “โจมตีก่อน ให้สงครามดังขึ้นก่อน เลิกผัดวันประกันพรุ่งได้แล้ว”
ฉาวฮองเฮากล่าวเบาๆว่า “ฮ่องเต้ แล้วไม่สนใจเรื่องโรคระบาดครั้งนี้แล้วหรือ?ถ้าเกิดโรคระบาดครั้งนี้ระบาดขึ้นมาจริงๆละก็ ผลที่ตามมาจะรุนแรงมาก”
สายตาของฮ่องเต้มีความโหดเหี้ยมผ่านไปแว๊บหนึ่ง “ไม่สนใจ? จะให้สนใจยังไง?หมอหลวงและคนของกรมฮุ่ยหมินก็บอกแล้วว่าไม่มีทางแล้ว ยังจะมีหวังกับเสี้ยหลีโม่อีกหรือ?ถ้านางมาถึง ข้าก็รีบเข้าพบ แล้วมีพระราชโองการให้ส่งนางไปพื้นที่ที่โรคระบาด ข้าก็จะต้องก้มหัวให้แคว้นต้าโจว ถ้าเกิดไม่มีแผนที่วางไว้หลังจากนี้ ถ้าเสี้ยหลีโม่รักษาโรคระบาดได้ เป่ยม่อของข้าก็จะไม่สามารถพูดเสียงแข็งต่อแคว้นต้าโจวได้ ประชาชนก็จะเป็นมิตรกับแคว้นต้าโจว เจ้ารู้ไหมว่าเรื่องนี้มันร้ายแรงแค่ไหน?นี่คือเหตุผลที่ข้าทำไมถึงไม่สนใจความหวังของพวกเขา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...