พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 571

บทที่ 571 กาฬโรค

บนสนามรบหยุดการต่อสู้แล้ว แต่ซือถูเย้นกับอ๋องเจิ้นโก๋ต่างก็รู้ การศึกของพวกเขา กำลังถูกยืดเยื้อออกไป

ครั้งนี้เป็นการต่อสู้ของพวกยึดมั่นทำสงครามกับพวกยึดมั่นสันติภาพของเป่ยม่อ เพียงแต่พวกยึดมั่นสันติภาพร่วมมือกับซือถูเย้นที่มาจากต่างแดน

ตอนที่อ๋องเจิ้นโก๋กลับไป พูดกับฟางเฉิงเสี้ยงอย่างโกรธจัดว่า “ซือถูเย้นคนบ้านนอกคนนี้ ช่างหยิ่งจองหองเกินไป อยู่ภายในเขตเป่ยม่อของข้า พูดจาไม่มีความเกรงใจกันเลย หรือคิดว่าถ้าไม่กล้าทำอะไรเขาแล้วจริงๆ หากข้าลงมือ เขาจะตายอย่างไร้ที่ฝัง”

ฟางเฉิงเสี้ยงกลับเงียบสงบ เขารู้ดี วันนี้ซือถูเย้นไม่นับว่าหยิ่งโอหัง ในฐานะเฉิงเสี้ยงของเป่ยม่อ และก็เป็นคนสำคัญในพวกยึดมั่นทำสงคราม เขาจึงตรวจสืบซือถูเย้นมากไปหน่อย

คนคนนี้กระทำอะไรไม่ถือว่าโหดเหี้ยม และก็ไม่ถือว่าโหดร้ายมากมาย แต่ทำอะไรแล้วค่อนข้างถึงที่สุด เป็นนักรบคนหนึ่ง กลับชำนาญวางแผนกลลวง วางแผนกลลวงได้อย่างมิดชิดไม่มีช่องโหว่

อยู่ในต้าโจว ตอนที่เขาดำรงตำแหน่งอ๋องซื่อเจิ้ง ได้จัดการกับเหล่าขุนนางทุจริตอย่างจริงจัง เล่ห์เหลี่ยมเลิศล้ำ ถอนรากถอนโคนอย่างต่อเนื่อง แต่ฮ่องเต้ของต้าโจว ยังไม่มีเล่ห์เหลี่ยมกล้าหาญชาญชัยแบบนี้

เป็นจักรพรรดิ ความกล้าหาญชาญชัยเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

“อย่างไร? เจ้าก็รู้สึกว่าคนบ้านนอกคนนั้นจะสามารถทำอะไรขึ้นมาได้?” อ๋องเจิ้นโก๋มองดูฟางเฉิงเสี้ยงแว๊บหนึ่งอย่างไม่พอใจ

ฟางเฉิงเสี้ยงเอานิ้วดีดอยู่บนขา พร้อมพูดว่า ท่านอ๋อง จะดูถูกซือถูเย้นไม่ได้ รับมือต้องระมัดระวังดีกว่า”

“เขาอยู่ภายในเขตเป่ยม่อของเรา สามารถทำอะไรได้? เจ้ามองเห็นแต่ความฮึกเหิมของคนอื่น ทำลายอำนาจอิทธิพลของตน” อ๋องเจิ้นโก๋พูดอย่างไม่พอใจ

ใต้เท้าฟางส่ายหัว “ไม่ ท่านอ๋อง คำพูดของข้านี้ไม่ได้หมายถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงของคนอื่น เมื่อกี้เจ้าเห็นท่าทางของเสี้ยหลีโม่กับซือถูเย้นไหม? พวกเขาดูมีความมั่นใจกับโรคระบาดมาก หากเมื่อพวกเขารักษาโรคระบาดให้หายได้แล้ว แบบนั้น เขาก็จะต้องมีชื่อเสียงในเป่ยม่อเป็นแน่ อย่าลืมว่าคนในครอบครัวของแม่ทัพใหญ่ฉินโจว ตอนนี้ก็ได้ติดโรคระบาดแล้ว หากซือถูเย้นสองสามีภรรยาช่วยเหลือคนในครอบครัวของแม่ทัพใหญ่ฉินโจว ทางด้านแม่ทัพใหญ่ฉินโจว จะ....”

อ๋องเจิ้นโก๋หรี่ตาลง นี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องน่าเป็นห่วง

ฉินโจวคนนี้ ให้ความสำคัญกับวงศ์ตระกูลของตัวเองมาก หากเสี้ยหลีโม่ สามารถคิดคนสูตรยารักษาคนในตระกูลของนางได้ บางทีนางอาจจะคิดถึงบุญคุณนี้จริงๆ

ผู้หญิงช่างวุ่นวายจริงๆ จะให้ฉินโจวใจอ่อนไม่ได้เด็ดขาด

เขาคิดอยู่พักหนึ่ง คว้าดึงสายบังเหียนให้หยุด เรียกทหารอารักขามาข้างหน้า “คนที่ดูแลที่นี่เป็นหลักคนนั้นเรียกว่าซูม่อใช่ไหม? คืนนี้เจ้าไปพาตัวเข้ามาพบข้า”

“ขอรับ” ทหารอารักขาตอบรับ

ก่อนที่ซือถูเย้นจะลงจากเขา ในที่สุดหลีโม่ก็มั่นใจในอาการของโรค

ก่อนหน้านี้ก็สงสัยอยู่แล้ว แต่เพราะว่าได้สัมผัสเพียงเวลาสั้นๆ และโรคนี้ก็ค่อนข้างอันตราย นางไม่กล้าตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

แต่เมื่อกี้เห็นผู้ป่วยคนหนึ่งทางเขตฝั่งตะวันตกตายไป นางรู้ ที่ตนเองวินิจฉัยน่าจะไม่ผิดแล้ว

โรคนี้อาศัยนางเพียงคนเดียว ซึ่งเป็นไปไม่ได้

“ข้าหวังว่าที่ข้าวินิจฉัยนั้นผิดพลาด ข้าสงสัยว่าเป็นกาฬโรค”

“กาฬโรค?” ซือถูเย้นไม่เคยได้ยินกาฬโรค “เจ้าหมายความว่า นี่เป็นโรคที่เกิดจากหนูมาสู่คน? ร้ายแรงไหม?”

“หนังสืออ้างอิง ทั่วโลก... หนังสืออ้างอิงหลายประเทศรวมกันแล้ว เคยเกิดกาฬโรคระบาดชนิดร้ายแรงสามครั้ง จำนวนคนตายรวมกันแล้ว เป็นจำนวนคนรวมกันระหว่างหลายประเทศของพวกเรา” หลีโม่พูดอย่างหนักแน่น

“ร้ายแรงถึงเพียงนี้เลยหรือ?” ซือถูเย้นอึ้งไปพักหนึ่ง “ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าเป็นเพียงโรคพิษธรรมดาไม่ใช่หรือ?”

“ไม่ ไม่ใช่” หลีโม่แลดูหนักใจมาก “ตอนนั้นข้าไม่กล้าวินิจฉัยไปเรื่อย เพราะข้าได้สัมผัสกับผู้ป่วยไม่มาก แต่จากการที่เฝ้าดูในหลายวันนี้กับ การใช้ยา บวกกับจำนวนคนตายที่เพิ่มมากขึ้น กับอาการต่างๆที่ปรากฏ กาฬโรคมีความเป็นไปได้สูงที่สุด”

“โอ้พระเจ้า” ซือถูเย้นอดไม่ได้ที่จะต้องตกใจ “ร้ายแรงถึงขนาดนี้? กาฬโรคนี้ไม่มีทางรักษาแล้วหรือ? โรคที่ติดเชื้อมาจากหนูนี้ทำไมถึงได้ร้ายแรงและอันตรายเช่นนี้?”

อยู่ในสมัยโบราณ อยู่ในสมัยที่ยารักษาโลกล้าสมัยขนาดนี้ รักษากาฬโรค ยิ่งเป็นเรื่องยาก

อีกอย่างแค่เริ่มจากการควบคุม ก็ถือว่าลำบากมากแล้ว หลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหว การจัดการศพได้ไม่ทันท่วงที งูแมลงหนูมดกัดกินศพ ทำให้โรคระบาดเกิดการแพร่กระจาย

“งั้นไม่มีหนทางอื่นแล้วหรือ?” หลังจากที่ซือถูเย้นอึ้งไปสักพัก แล้วก็รีบถามขึ้น

“ตอนนี้ยังไม่มีวิธีที่ดี หวังเพียงว่าครั้งนี้จะไม่ใช่การระบาดครั้งร้ายแรง ดังนั้นพวกเราจะต้องรายงานฮ่องเต้ประเทศต้าโจวของเราก่อน”

ในระหว่างการระบาดครั้งร้ายแรงทั้งสามครั้ง ก็มีสถานที่บางแห่งเกิดกาฬโรคเหมือนกัน แต่ล้วนไม่มีการแพร่เชื้อ จำนวนผู้เสียชีวิตก็ค่อนข้างน้อย นี่เป็นเพราะควบคุมได้ดี

หลีโม่หวังว่า จะสามารถกำจัดแหล่งที่มาของการติดเชื้อ ไม่อย่างนั้น หากกาฬโรคแพร่ระบาดออกไป ถือเป็นการทำลายชนิดร้ายแรง

“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะรีบลงจากเขา” ซือถูเย้นรู้ว่าหลีโม่ไม่มีทางพูดไปเรื่อย ในเมื่อนางบอกว่าเป็นกาฬโรค งั้นก็จะต้องเป็นกาฬโรค

“พวกเจ้าจะลงเขา? ก็ไม่มีหนทาง ดื่มยาก่อนแล้วค่อยลงเขา พยายามสัมผัสกับคนให้น้อยที่สุด” ที่จริงในใจหลีโม่รู้สึกหวาดกลัว เพราะนางไม่มียา

หลีโม่ให้คนของหมู่บ้านมู่จ้าย รีบผลิตผ้าปิดปากมากมาย ทุกคนจะต้องสวมผ้าปิดปาก

และได้จัดทำน้ำยา ฆ่าเชื้อบริเวณพื้นที่ส่วนใหญ่ของหมู่บ้านมู่จ้าย ศพของคนที่ตายไปแล้วถูกเผาทั้งหมด สิ่งของของผู้ป่วยที่ตายแล้ว ก็ถูกเผาไปด้วย

หลีโม่เปลี่ยนวิธีอยู่เรื่อยๆ หวังว่าจะสามารถยับยั้งควบคุมอาการของโรคนี้ไม่ให้ยืดเยื้อ

ตอนที่กาฬโรคระบาดไปทั่วโลก ตอนนั้นมีความรู้เกี่ยวกับกาฬโรคยังไม่มาก ดังนั้นจึงทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก หลีโม่หวังว่าจะสามารถอาศัยความรู้ที่ตัวเองมีเกี่ยวกับกาฬโรค ความรู้เกี่ยวกับแพทย์แผนจีน ยับยั้งไม่ให้โรคติดต่อในครั้งนี้กลายเป็นการแพร่ระบาดกาฬโรคชนิดร้ายแรง

หากฟ้าสวรรค์ต้องการที่จะลงโทษฮ่องเต้เป่ยม่อ ก็ไม่ควรที่จะลงโทษกับราษฎร อีกอย่างหากกาฬโรคแพร่ระบาด ไม่มีพรมแดนประเทศ ทำให้ประเทศทั้งหมดล้วนต่างก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม