พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 658

ตอนที่ 658 อ๋องเจิ้นโก๋

อ๋องเจิ้นโก๋ถูกกาวเฟิ่งเทียนพาไปอยู่ที่หมู่บ้านที่ห่างไกล เดิมทีอ๋องเจิ้นโก๋นึกว่าซือถูเย้นจะให้ตนไปอยู่ที่แคว้นต้าโจว ไม่นึกว่าจะไปไม่ไกล ถึงแม้จะโมโห แต่ช่วงนี้เขาก็นิ่งไม่เคลื่อนไหว และไม่มีทหารมาตามค้นหาตัวเขา

ในหมู่บ้านมีเพียงหลายร้อยกว่าคน แผ่นดินไหวและโรคระบาด ทำให้ตายไปร้อยกว่าคน ถ้านับดูแล้ว เหลือทั้งหมดประมาณ 300 กว่าคน

กาวเฟิ่งเทียนมีความแค้นกับคนหมู่บ้านนี้ ตอนที่เขาพาอ๋องเจิ้นโก๋มานั้น ก็คือพี่ชายฝั่งลุงที่บ้านเกิด เนื่องจากลำบากมาถึงที่นี่ ก็เลยอยากหาที่พำนักพักพิง ชาวบ้านมีจิตใจดี ก็เลยช่วยดูแลเขา

อ๋องเจิ้นโก๋รู้ว่าชีวิตน้อยๆ ของตนได้อยู่ในกำมือของคนอื่น ก็เลยไม่อยากวางมาด แต่ว่าตนเองนั้นทำงานบ้านไม่เป็นเลย แล้วหลังจากที่ติดโรคระบาด ก็ยังไปไม่หาย ร่างกายแย่ลง นานเข้า ก็กลายเป็นไอ้คนขี้เกียจของหมู่บ้านไป

ทุกคนเห็นว่าเขาเป็นพี่ชายฝั่งลุงของกาวเฟิ่งเทียน ก็ไม่ได้เสียมารยาทกับเขา ยังมาช่วยเขาทำกับข้าวบ้าง ส่วนเรื่องซักผ้าหรืองานบ้านอื่นๆ เขาต้องลงมือทำเอง

ท่านอ๋องที่มีชีวิตสุขสบายมาครึ่งชีวิต ก็ต้องมาลองเป็นประชาชนคนธรรมดูบ้างเป็นครั้งแรก

เหนื่อยจนแทบจะเอาชีวิตของเขาเลยทีเดียว

“เจ้าขี้เกียจ วันนี้ไม่ทำไร่หรือ?” พี่เฉินสาม ชาวบ้านคนหนึ่งเดินผ่านหน้านบ้านเขา แล้วก็แกล้งเยอะเย้ยเล่น

อ๋องเจิ้นโก๋ยืนพิงประตูบ้าน แล้วก็ตอบว่า “วันนี้ข้าปวดหัว”

“เมื่อวานก็บอกว่าปวดท้องไม่ใช่หรือ? ทำไมวันนี้เปลี่ยนมาปวดหัวได้?” พี่เฉินสามรู้ว่าเขาชอบโกหก แต่ก็อดขำไม่ได้

“เมื่อวานนั้นข้าหิว ก็เลยปวดท้อง อาจจะเป็นเพราะว่ากินยาผิด วันนี้ก็เลยปวดหัว”

กาวเฟิ่งเทียนจัดการให้เขามาที่นี่นั้นดีมาก ให้เขาทำนา 3ไร่ ขอเพียงอดทนทำนา ก็จะมีอาหารกิน

แต่ว่า ท่านอ๋องคนนี้ทำกับข้าวก็ไม่เป็น แล้วจะไปทำนาได้อย่างไร

พี่เฉินสามส่ายหัว “ขี้เกียจแบบนี้ พอถึงเวลาเก็บเกี่ยว เจ้าก็จะไม่มีอะไรเลย”

“เดี๋ยววันพรุ่งนี้ข้าไปทำ” อ๋องเจิ้นโก๋พูดอย่างเสียหน้า

พี่เฉินสามแบกจอบเดินผ่านไป ก่อนไปยังพูดว่า “ข้าวเย็น ก็มากินที่บ้านข้าก็แล้วกัน วันนี้แม่ไก่มันตาย เมียข้าบอกว่าจะต้มน้ำแกง”

“ได้ ได้” อ๋องเจิ้นโก๋ตาลุกวาว ขอแค่มีเนื้อกิน จะเป็นอะไรก็ได้

ตั้งแต่มาที่นี่ ตอนที่กาวเฟิ่งเทียนยังไม่กลับนั้นได้กินเนื้อสัตว์มื้อเดียว จากนั้นไม่เป็นหัวมันก็หัวเผือก กินจนท้องอืด นอนผายลมทั้งวันทั้งคืน

ตอนที่พวกซือถูเย้นมาถึง อ๋องเจิ้นโก๋ก็กำลังกลับจากการไปกินข้าวบ้านของพี่เฉินสาม ในปากก็คาบกิ่งหญ้าไว้ แล้วเดินส่ายหัวสบายใจเฉิบกลับบ้าน

“ตอนนั้น น้ำแกงหอยเป๋าฮื้อตุ๋นโสมยังไม่อร่อยเท่านี้”

เขาพูดจบ ก็เห็นว่าบ้านตนมีคนมา3คน เขามองเข้าไป ก็เห็นซือถูเย้น ก็ยิ้มขึ้น “อ้าว วันนี้มีแขกสำคัญเสียด้วย”

“ตั้งใจมาเยี่ยมพี่ฉู่ พี่ฉู่ชีวิตสบายดีเหมือนกันนะ” ซือถูเย้นยิ้ม

อ๋องเจิ้นโก๋เปิดประตูบ้าน แล้วเข้าไปจุดตะเกียง “บ้านข้าซอมซ่อ หวังว่าจะไม่รังเกียจ”

เขานั่งบนเก้าอี้ เป็นเก้าอี้ตัวเตี้ยๆ เอามาจากบ้านผู้ใหญ่บ้าน เขาเป็นคนตัวสูง พอนั่งลงบนเก้าอี้เตี้ยๆ ก็แทบจะนั่งลงไม่ได้ แต่ว่า แต่เขาก็วางมาดท่านอ๋องออกมา เงยหน้าขึ้น

ในห้อง นอกจากเก้าอี้แล้ว ก็ยังมีเก้าอี้ยาวๆ อีกตัว

“พี่ฉู่ มันเป็นเรื่องใหญ่มาก” ซือถูเย้นเอาก้อนทองออกมาจากแขนเสื้อ แล้วก็คลำๆ เล่น “หวังว่าพี่ฉู่จะบอกอะไรบ้างเล็กน้อย”

อ๋องเจิ้นโก๋ตาโตทันที แล้วทำท่าน้ำลายไหล ทองงั้นหรือ? มีทองแล้ว ก็จะมีเนื้อสัตว์กินทุกวัน ไม่ต้องไปทำนา

ก่อนหน้านี้เขามีทองมากมายจนนับไม่ถ้วน พอตกระกำลำบากก็ไม่เหลืออะไร

เขาส่งเสียงไอขึ้น แล้วก็พยายามเก็บอาการ เขากลืนน้ำลาย แล้วก็ปรับให้นั่งสบายขึ้น แต่ตัวเองนั้นติดอยู่ในเก้าอี้ จะเปลี่ยนท่าก็ไม่ได้ ได้แต่ขยับเพียงเล็กน้อย

“คนที่เจ้าพามาด้วย เป็นคนรับใช้เจ้าหรือ? เอาอย่างนี้ อย่าหาว่าข้าไม่มีน้ำใจ ด้านนอกมีเสื้ออยู่2ตัว ให้พวกเขาไปซัก แล้วก็ไปล้างจนในครัว แล้วพวกเจ้าจะถามอะไรข้า ข้าก็จะตอบให้”

เซียวโธ่กำลังกินมันเทศ ไอได้ยินดังนั้น แล้วก็พยายามกลืนลงคอไป แล้วพูดว่า “พวกเราไม่ใช้คนรับใช้”

“ในเมื่อเจ้ากินหัวมันเทศของคนอื่นแล้ว ก็ต้องล้างจาน ตอนที่ล้างจาน ก็ล้างกระทะอะไรไปด้วย” ซือถูเย้นสั่งเบาๆ แล้วก็มองซูชิง ยังพูดไม่จบซูชิงก็ออกตัวบอกว่าจะไปซักผ้า

เซียวโธ่ไม่พอใจ “นี่มันเป็นงานของผู้หญิง ข้าไม่ใช่ผู้หญิงเสียหน่อย”

“เอาเถอะๆ ไปทำเถอะ แค่ล้างจานมันไม่ตายหรอก” ซูชิงลากแขนออกไป แล้วเขาก็บ่นไปตลอดทาง

อ๋องเจิ้นโก๋เห็นว่าสองคนนั้นออกไปทำงานแล้ว ก็เลยมองซือถูเย้น ทองในมือนั้น ก็วางต่ำลง “ของในมือเจ้า ข้าคุ้นเคยดี เมื่อก่อนข้าก็มี เอามาให้ข้าดูหน่อยได้ไหม?”

ซือถูเย้นโยนออกไป เขาก็รับได้ แล้วรีบเก็บเข้าแขนเสื้อเลยโดยไม่ดู “ว่ามา มีเรื่องอะไร”

ซือถูเย้นเห็นเขาท่าทางตั้งใจ ก็ถอนหายใจ คนคนนี้ ถ้าวันหลังได้มีอำนาจก็จะเป็นคนเก่งคนหนึ่ง

ซือถูเย้นมองเขา “คืออย่างนี้ ข้าอยากรู้ว่า ตอนที่เหลาไท่ไท่ตระกูลเฉินไปหาเจ้านั้น นางพูดอะไรกับเจ้า? หรือยืนยันอะไรกับเจ้า? แล้วทำไมเจ้าถึงเชื่อคำพูดของนาง แล้วพาคนเข้าวังไปโดยไม่สงสัยนาง ตามหลักแล้ว เหลาไท่ไท่จะไม่ยุ่งเรื่องอื่นๆ แล้ว และได้ยินว่าก่อนหน้านี้นางก็ไม่ใช่คนของพวกยึดมั่นทำสงคราม เจ้าไม่น่าจะเชื่อคำพูดของนางนะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม