พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 675

บทที่ 675 ความจริง

เทียนจีจื่อยืนอยู่หน้าประตู ไม่พูดอะไรสักคำ ในใจเจ็บปวดอย่างมาก

เขาอยู่รู้อยู่แล้วว่าที่องค์หญิงอานทำแบบนี้ ครึ่งหนึ่งคือแสดงละคร แต่ความเจ็บปวดนั้นกับความหวาดกลัว คงไม่ใช่การแสดงทั้งหมด

คิดถึงสิ่งที่นางทำมาตลอดหลายปีนี้ ท่าทีที่มีต่อราชสำนัก หากไม่ใช่เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน นางคงไม่มา

ในเมืองหลวงคงวุ่นวายอย่างมากแล้วจริงๆ

ในเมื่อพูดแล้วว่าจะช่วยนาง ในใจเทียนจีจื่อก็มีแผนการแล้ว

ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินอ๋องลั่วชินถามว่า “เสด็จพี่....เขา เขาไม่รู้ว่าวันแล้วเจ้าอยู่ในตำหนักหรือ? หากรู้ จะยอมปล่อยเจ้าหรือ?”

องค์หญิงอานค่อยๆเอามือออกจากใบหน้า กัดฟันพูดขึ้นว่า “ตอนแรกเขาไม่รู้ว่าข้าอยู่ในนั้น แต่มีวันหนึ่งเขาไปถวายพระพรเสด็จแม่ เสด็จแม่พูดถึงเรื่องในวันนั้น บอกว่าข้าถูกลงโทษอยู่ในตำหนัก เขาจึงสงสัย ถามข้าอยู่หลายครั้ง ข้าล้วนทำเป็นไม่รู้ และค่าก็ได้สั่งคนที่รับใช้ข้าไว้ บอกว่าวันนั้นข้ากลับไปแต่เช้าแล้ว แต่แบบนี้เขาก็ยังไม่วางใจ วางยาพิษเรื้อรังกับข้า หากไม่ใช่เพราะองค์หญิงใหญ่จิงโม่ของแคว้นต้าเหลียงมาเยือน ตอนที่พูดคุยอยู่กับเสด็จแม่ นางเห็นความผิดปกติของข้าพอดี ไม่อย่างนั้นข้าคงตายแต่แรกแล้ว”

“องค์หญิงใหญ่จิงโม่ช่วยเจ้าถอนพิษ?” อ๋องลั่วชินเห็นว่าเรื่องนี้ยิ่งอยู่ก็ยิ่งเกี่ยวข้องกว้างขึ้น ในใจเกิดความรู้สึกเชื่อขึ้นมาอย่างมาก

“ก็ไม่ใช่ นางไม่ชำนาญทางการแพทย์ เพียงแต่ได้พกยาถอนพิษมาด้วย จึงให้ข้าไว้หนึ่งขวด แต่ยาถอนพิษแบบนี้ กลับไม่สามารถถอนพิษให้ข้าได้หมดสิ้น ถ้าทานปีละครั้ง ปีที่แล้ว ทานเม็ดสุดท้ายหมดแล้วพอดี ถึงฤดูหนาวปีนี้ หากไม่มียาถอนพิษอีก ข้าก็จะต้องตาย”

อ๋องลั่วชิน รีบพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร ในเมื่อยาถอนพิษนี้มีประโยชน์ พี่สามจะไปแคว้นต้าเหลียงไปขอจากองค์หญิงใหญ่จิงโม่มาให้เจ้า”

“ขอบคุณท่านพี่สาม” อานหรานร้องไห้ เริ่มสะอึกสะอื้นอีก “หลายปีมานี้ ไม่เคยมีใครดีกับข้าเช่นนี้”

เดิมอ๋องลั่วชินอยากที่จะลองใจเป็นครั้งสุดท้าย ทุกอย่างเป็นเรื่องที่นางพูดแต่งขึ้นมา ก็จะต้องไม่ยอมให้เขาไปหาองค์หญิงใหญ่ แต่นางยอมตกลงแล้ว นั่นแสดงว่า ทุกอย่างเป็นความจริง

ในใจอ๋องลั่วชินหนักอึ้งขึ้นมาหลายเท่า จับมือของนางไว้ พูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “วางใจ ต่อไปมีพี่สามอยู่ จะไม่มีใครทำร้ายเจ้า”

เทียนจีจื่อเดินเข้ามา พูดขึ้นว่า “ท่านอ๋อง ได้สั่งคนไปเอายามาแล้ว ตอนนี้องค์หญิงต้องการพักผ่อน ท่านกลับไปก่อนเถอะ”

อ๋องลั่วชินลุกขึ้น มองดูเทียนจีจื่อแล้วถามว่า “ตอนนี้อาการของนางเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ไม่ค่อยดี” เทียนจีจื่อพูดพร้อมส่ายหัว

เทียนจีจื่อยกมือประสาน “ท่านอ๋อง เรื่องนี้ บางทีอาจจะมีคนสามารถพูดให้ท่านเข้าใจได้”

“ใคร?” อ๋องลั่วชินเงยหัวขึ้น “ท่าน เจ้ามีเรื่องปิดบังข้าอย่างมากมายจริงๆ”

เทียนจีจื่อหัวเราะอย่างขมขื่น “กระหม่อมไม่ได้ตั้งใจจะปิดบัง เพียงแต่หากไม่ใช่เพราะองค์หญิงอานมาในครั้งนี้ คำพูดที่กระหม่อมพูด ท่านอ๋องจะเชื่อหรือ? หากท่านอ๋องไม่เชื่อคำพูดของกระหม่อม อย่างนั้นคนที่กระหม่อมพามา ท่านอ๋องก็คงไม่เชื่อ”

อ๋องลั่วชินยกมือชี้ไปตรงเก้าอี้ ถอนหายใจเบาๆแล้วพูดว่า “นั่งสิ เล่าให้ข้าฟังให้ละเอียด แล้วคนที่เจ้าจะพามาคือใคร? คนที่เจ้าส่งไปเป็นไส้ศึกอยู่ในเมืองหลวงมาตลอด ล้วนได้ยินข่าวอะไรมาบ้าง? เจ้าพูดถูก หากเป็นเมื่อก่อนเจ้าพูดเรื่องพวกนี้ให้ข้าฟัง จวนอ๋องลั่วชินนี้ ก็คงจะไม่มีที่อยู่ของเจ้าแล้ว ท่าน หากข้าไม่มีเจ้า เกรงว่าของทำเรื่องที่ผิดไปแล้วอย่างมากมาย”

เทียนจีจื่อหัวเราะ “ท่านอ๋อง หากกระหม่อมไม่ได้ท่านอ๋องเห็นคุณค่า ก็คงไม่มีชีวิตที่สงบสุขเหมือนดั่งตอนนี้”

เขาปรับเสียงตัวเอง แล้วเล่าว่า “ที่จริงตั้งแต่สามปีที่ผ่านมา กระหม่อมก็ได้เริ่มส่งคนไปยังเมืองหลวง แต่คนที่ส่งไปไม่ใช่คนในจวนอ๋อง แต่เป็นเพื่อนในยุทธภพของกระหม่อม ไฟไหม้ภูเขาหางหมาป่าในครั้งนั้น คนของกระหม่อมติดตามคนของตระกูลฉาวไปยังภูเขาหางหมาป่า เห็นภาพหน้าอนาถนั้นด้วยตาตัวเอง เรื่องนี้ สูญเสียเยอะมาก เหตุเพราะไฟไหม้ในครั้งนี้ ฉินโจวถึงได้ตัดสินใจกบฏ รีบสั่งคนไปรับอ๋องฉู่โยว่มาจากประเทศต้าโจว ในขณะเดียวกัน ฮ่องเต้ก็ยังนำผู้ประสบภัยไปอยู่รวมกันในเมืองอาน บอกว่าจะดูแลอย่างดี ที่จริงคือจะปล่อยให้พวกเขาอดตาย เพราะราชสำนักไม่ได้ส่งเสบียงอาหารและยาไปยังเมืองอานแม้เพียงนิด แม้กระทั่ง เสี้ยหลีโม่ได้วิจัยสูตรยารักษาโรคระบาดได้ประสบความสำเร็จแล้ว ฮ่องเต้ก็ไม่ได้ประกาศออกไป เขาต้องการที่จะให้โรคระบาดในครั้งนี้ ฆ่าผู้ประสบภัยให้ตาย เช่นนี้ก็จะมีเสบียงและยาสามารถนำไปใช้ในสนามรบ...”

อ๋องลั่วชินขมวดคิ้วพูดดักคำพูดของเขา “ไม่ถูก เสบียงอาหารของกองกำลังทหาร ได้จัดเตรียมไว้แต่แรกแล้ว ทำไมยังต้องแย่งอาหารเสบียงของผู้ประสบภัยไปยังสนามรบ?”

เทียนจีจื่อพูดว่า “งั้นต้องพูดถึงก่อนหน้านี้ เป่ยม่อเกิดเหตุแผ่นดินไหว เกิดโรคระบาด ฮ่องเต้เพื่อระงับความโกรธของประชาชน จึงอาศัยวิธีการหยุดสู้รบ ให้คนของต้าโจวไปเชิญอ๋องอานหรานของแคว้นเหลียงมายังเมืองหลวง ส่วนที่ว่าทำไมต้องให้คนของต้าโจวไปเชิญ เกรงว่าท่านอ๋องก็คงไม่รู้ ก่อนหน้านี้เพราะองค์หญิงใหญ่จิงโม่มาเยือน ฮ่องเต้ล่วงเกินนาง ดังนั้น ทั้งสองประเทศจึงไม่ได้ไปมาหาสู่กันเลย แต่สุดท้ายไม่ได้เชิญอ๋องอานหรานมา กลับเชิญพระชายาซื่อเจิ้งแห่งต้าโจวเสี้ยหลีโม่มา เพราะมีสัญญาสงบศึก ดังนั้นซือถูเย้นก็ตามมาด้วย เพียงแต่หลังจากที่พวกเขามาถึงแล้ว กลับพบเจอการไม่ต้อนรับจากฮ่องเต้ ที่แท้ฮ่องเต้ไม่ได้คิดที่จะรักษาโรคระบาดเลย แค่อยากลดความโกรธของประชาชน ไม่คิดว่าประเทศมีการเปลี่ยนแปลง และก็เพื่อหลอกให้ซือถูเย้นที่เป็นแม่ทัพมาต้าโจว เพื่อจะได้ควบคุมเข้า แล้วให้ฉินโจวออกรบต่อไป แต่ฉินโจวคนนี้ก็เป็นคนที่ดื้อรั้นคนหนึ่ง นางคิดว่าในเมื่อสงบศึกแล้ว งั้นก็จะอาศัยตอนที่ซือถูเย้นกับเสี้ยหลีโม่มาช่วยรักษาโรคระบาดที่เป่ยม่อ แล้วทำการสู้รบต่อไป ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจพระราชาโองการของฮ่องเต้ที่รับสั่ง ฮ่องเต้ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แอบสั่งทหาร บอกว่ากองทหารโย่วอี้ถูกต้าโจวโจมตี ทำให้ฉินโจวโกรธ แล้วฉินโจวก็ถูกหลอกได้ กองกำลังทหารออกไป และก็เป็นการทำให้แม่ทัพเซียวเซียวประเทศต้าโจวโกรธมาก ด้วยความที่เซียวเซียวโกรธ จึงจุดไฟเผาเสบียงอาหารของทหารเป่ยม่อ ไฟในครั้งนี้ ไหม้ได้อย่างแปลกมาก ได้ยินมาว่า เป็นไฟมาจากสวรรค์ แต่ความจริงแล้วไม่มีใครรู้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม