พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 677

บทที่ 677 โหรวเหยาพูดความจริง

หลังจากที่โหรวเหยานั่งลง ก็ได้ขอบคุณอ๋องลั่วชิน “ท่านของท่านอ๋องช่วยพวกเราไว้ อยากที่ขอบคุณท่านอ๋องมาตลอด แต่เพราะก่อนหน้านี้ข้าบาดเจ็บสาหัส ออกจากบ้านไม่ได้ ตอนนี้ดีขึ้นมาแล้ว ก็ได้รับเชิญจากท่าน ข้าก็เลยถือโอกาสนี้ขอบคุณท่านอ๋องที่ช่วยชีวิตไว้”

พูดเสร็จ นางลุกขึ้นมาย่อตัวลง

จิ่งรีบไปช่วยประคอง ก็โค้งคำนับด้วย

“เจ้าเมืองเชิญนั่งลง ข้ารับไว้ไม่ได้” อ๋องลั่วชินพูดขึ้นอย่างละอายใจ “ที่จริง เจ้าเมืองเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่เคยใช้ให้ท่านไปช่วยพวกเจ้า ความจริงแล้ว ข้าก็เพิ่งรู้วันนี้ว่าพวกเจ้าอยู่ที่หนานจุ้น”

โหรวเหยาอึ้ง มองดูเทียนจีจื่อ

เทียนจีจื่อพูดอธิบายว่า “คนที่ช่วยพวกเจ้า เป็นเพื่อนในยุทธภพของข้า พวกเขามีชาติกำเนิดธรรมดา จึงค่อนข้างที่จะดูไม่เรียบร้อย ดังนั้นในระหว่างทางอาจจะมีกิริยาที่ไม่เหมาะสมกับท่านเจ้าเมือง ขอท่านเจ้าเมืองโปรดอภัย”

โหรวเหยาส่ายหัว “ไม่เป็นไร หากไม่ได้พวกเขาช่วยชีวิตไว้ ข้ากับจิ่งคงตายด้วยน้ำมือของทหารที่ตามมาฆ่า”

แน่นอน ตลอดทางที่มาหนานจุ้น ท่าทีของอีกฝ่ายค่อนข้างหยาบคาย อะไรก็ดุด่า หากไม่ใช่เพราะนางบาดเจ็บสาหัส จิ่งคงสู้กับพวกเขาไปนานแล้ว

แต่ไม่ว่ายังไง ชีวิตนี้ก็ถือว่ารอดแล้ว

เทียนจีจื่อพูดว่า “เป็นแบบนี้ ท่านเจ้าเมือง วันนี้ที่บังอาจเชิญท่านมา เพราะท่านอ๋องอยากรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นที่ภูเขาหางหมาป่า ท่านสามารถเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังได้ไหม?”

โหรวเหยามองดูอ๋องลั่วชิน ครุ่นคิดอยู่อย่างละเอียด เทียนจีจื่อช่วยพวกเขาไว้ กลับไม่บอกอ๋องลั่วชิน บวกกับจิ่งก่อนหน้านี้พูดกับนางว่า อ๋องลั่วชินกับฉู่จิ่งรักและผูกพันกันที่สุดในบรรดาพี่น้อง เขาน่าจะไม่เชื่อว่าฉู่จิ่งจะทำเรื่องแบบนั้น

ส่วนวันนี้ทีเดียวพวกเขามาอย่างกะทันหัน คงเป็นเพราะว่าในเมืองหลวงมีการเปลี่ยนแปลง

นางค่อยๆเดินไปข้างหน้า จิ่งประคองนางไว้อย่างเป็นห่วง พูดขึ้นว่า “เจ้านั่งไว้เถอะ”

โหรวเหยาพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ไม่เป็นไร”

นางยังคงมองดูอ๋องลั่วชิน หลังจากนั้นก็ค่อยๆเปิดชายกระโปรงของตัวเอง รวบชายกางเกงกว้างที่สั่งทำมาเป็นพิเศษ เผยให้เห็นขาสองข้าง

อ๋องลั่วชินรีบหันหน้าไป พูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “ท่านเจ้าเมือง ให้เกียรติด้วย”

นางดื่มน้ำไปหนึ่งคำ แล้วก็พยายามใช้น้ำเสียงที่สงบพูดต่อว่า “ข้าจำได้ว่าในคืนนั้นประมาณสามทุ่ม ทุกคนต่างก็หลับแล้ว เพราะในเขามียุงแมลงเยอะ ข้ากลัวว่ายุงแมลงจะกัดผู้ป่วยแล้วทำให้อาการหนักขึ้น จึงอาศัยในตอนกลางคืน กับหลิ่วหลิ่ว...หลิ่วหลิ่วเป็นหลานสาวของเฉินไท่จูนประเทศต้าโจว เราสองคนไปจุดหญ้าไล่แมลงกับยุงรอบๆเต็นท์ เพราะตอนกลางวันฉินโจวได้ทิ้งทหารเฝ้าอยู่ที่นี่ ดังนั้นพวกเราจึงค่อนข้างวางใจ”

มือของนาง ยิ่งสั่นอย่างรุนแรง “ทำทุกอย่างนี้หมดแล้ว ก็เลยห้าทุ่มแล้ว ข้ากับหลิ่วหลิ่วไปตรวจดูอาการผู้ป่วยที่อาการหนักอีกครั้ง ผู้ป่วยหลายคนนี้หากไม่มียา ก็จะมีชีวิตอยู่รอดได้ไม่ถึงสองวัน แต่หากหลีโม่สามารถเอายามาได้ พวกเขาก็จะสามารถมีชีวิตต่อไปได้ เพื่อให้พวกเขาสามารถอดทนไว้ได้ คืนนั้น ข้าได้เอายาที่เหลือเพียงนิดเดียวสุดท้ายต้มให้พวกเขาดื่ม ตอนที่ออกมาจากเต็นท์ ก็ได้ยินทหารวิ่งร้อนใจมาจากด้านนอก ข้าดึงหนึ่งในคนนั้น...นั่นก็คือจิ่ง จิ่งสั่งให้พวกเรารีบกลับไปเต้นท์ที่พัก บอกว่ามีเหตุการณ์ผิดปกติ ข้ากลับหลิ่วหลิ่วไม่ได้กลับห้อง แต่ตามไปดูสถานการณ์ พวกเราเพิ่งไปถึงปากทางเข้าภูเขาหางหมาป่า ก็มองเห็นกองกำลังทหารจำนวนมากกำลังเดินมุ่งหน้าขึ้นดอยมา ตอนนั้นถนนในเขามืดสนิท พวกเราก็เห็นไม่ชัด แต่คาดว่าน่าจะมีหลายพันคน จิ่งกับทหารอีกหลายสิบคนไปปกป้องปากทางเข้าไว้ แล้วให้พวกเรารีบไปพาผู้ประสบภัยหนี ข้ากับหลิ่วหลิ่ววิ่งกลับไปเหมือนคนบ้า มือขวาเก็บเอาหม้อแล้วก็ตีอย่างแรง แต่ก็สายไปแล้ว ธนูไฟบินลอยมาเหมือนดั่งฝน เผาไหม้เต็นท์กับกิ่งไม้แห้ง คนหลายพันคนรุมเข้ามา ทหารองครักษ์ต่อต้านไว้ไม่ไหว...”

เสียงของโหรวเหยา แหบแห้งมาก บวกกับสะอึกสะอื้น

อ๋องลั่วชินฟังถึงตรงนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดมาก มือที่ถือถ้วยชาไว้ กำแน่นจนส่งเสียงดัง

เขาไม่พูดอะไร แต่รอคอยให้โหรวเหยาพูดต่อไปจนจบ

“ไฟลุกลามไปเร็วมาก พวกเรากระจายหนีกันได้ช้ามาก ในเปลวไฟที่เผาไหม้ ควันไฟก็ปกคลุมเต็มไปหมด เพื่อให้มีชีวิตรอด ทุกคนต่างวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต ข้าเห็นดาบยาวพวกนั้นแทงตรงกลางอกชาวบ้านด้วยตาตัวเอง เลือดกระเด็นไหลออกมา เด็กคนแก่ ไม่เว้นแม้แต่คนเดียว นั่นเป็นการเข่นฆ่าเหมือนดั่งนรก ตรงหน้าถ้าไม่ใช่ควันไฟสว่าง ก็เป็นเลือดสดๆ เสียงร่ำร้องไห้ดังสนั่น ในชีวิตนี้ของข้า ไม่เคยเห็นเหตุการณ์ที่น่าอนากขนาดนี้...”

หัวใจของนางเต้นอย่างรุนแรง น้ำเสียงก็ไม่สามารถที่จะสงบนิ่งได้อีก กลายเป็นเสียงกรี๊ดร้องขึ้นมา “ตอนนั้นที่จริงข้าวิ่งออกไปแล้ว แต่กลับเห็นชาวบ้านคนหนึ่งถูกทหารไล่ตาม คนคนนั้นเป็นคนดี ถ้าจะเห็นเขาตายต่อหน้าต่อตาไม่ได้ ข้าวิ่งกลับไป แต่ข้าช่วยเขาไว้ไม่ได้ เห็นเขาล้มจมกองเลือดต่อหน้าต่อตา หัวสมองของข้าแทบระเบิด หยิบมีดสั้นแล้วก็กระโจนเข้าไป คิดว่ายังไงก็ต้องตาย ก็ขอให้ได้ฆ่าหลายคนหน่อยก็ยังดี ข้าฆ่าไปสามคน สุดท้ายถูกแย่งมีดสั้นไป มีดสั้นนั้นแทงโดนตรงท้องของข้า ไฟก็ลุกไหม้ลามมา ข้ารู้ว่าตัวเองต้องตายแน่ จึงด่าออกไปอย่างเสียงดัง คนคนนั้นกลับไม่ได้ลงมือทันที กลับแย่งเอาทรัพย์สินบนตัวข้า หลังจากแย่งไปแล้วกำลังคิดที่จะลงมือ จิ่งมาช่วยข้าไว้ จิ่งเอามีดสั้นแทงตรงท้องของคนคนนั้น แล้วอุ้มข้าหนีไป ตอนที่พวกเราวิ่งออกไป ชายกระโปรงของข้าถูกไฟไหม้ แต่ก็ไม่สามารถหยุดมาเพื่อดับไฟ เพราะมีคนหลายสิบคนกำลังตามพวกเราอยู่...”

โหรวเหยาอดไม่ได้ที่จะสั่นเทาไปทั้งร่างกาย เป็นความโกรธ ผู้หญิงคนหนึ่งผ่านเรื่องราวความเป็นความตายแบบนั้นมา ใครไม่กลัวบ้าง?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม