บทที่ 678 องค์หญิงอานดีใจ
จิ่งค่อยๆตบบ่าโหรวเหยาเบาๆ ตบอยู่ตลอด “เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ที่เหลือข้าพูดเอง”
เขาเอาแก้วน้ำตัวเองเปลี่ยนกับแก้วของโหรวเหยา แก้วของเขาเพราะไม่ได้เปิดฝา ดังนั้นจึงค่อนข้างร้อน “ดื่มน้ำก่อน ของข้ายังอุ่น”
โหรวเหยารับมา แล้วพูดอย่างขอบคุณว่า “ขอบคุณ”
จิ่งปล่อยนาง แล้วก็มองดูอ๋องลั่วชิน “ต่อมา ข้าพาเจ้าเมืองหลบซ่อนอยู่ตลอด ทหารที่ไล่ตามมาน่าจะรู้สถานะของข้ากับเจ้าเมือง ดังนั้นจึงไล่ตามมาอย่างไม่ปล่อย พวกเราหลบอยู่ในหมู่บ้านที่ค่อนข้างกันดารมาตลอด เพราะนอกจากเจ้าเมืองจะได้รับบาดเจ็บตรงขาแล้ว ตรงท้องก็ยังมีบาดแผลด้วย เพื่อปกปิดสถานะตัวเอง เจ้าเมืองต้องแต่งกายเป็นชาย เพราะต้องวิ่งหนีอยู่ตลอด อาการบาดเจ็บของเจ้าเมืองไม่ได้รับการรักษาอย่างดี ดังนั้นบาดแผลจึงเร็วร้ายลง สุดท้าย ก็ยังคงถูกทหารไล่ตามมาเจอ ข้ามีแค่สองมือยากที่จะรับมือกับคนหลายคน และจากการวิ่งหนีทั้งคืนทั้งวัน จนไม่มีแรงแล้ว ในขณะที่เกือบจะถูกดาบของฝ่ายตรงข้าม คนของท่านออกมาช่วยเหลือพวกเรา และบังคับ...พาพวกเรามายังหนานจุ้น นี่ก็คือเรื่องทั้งหมด”
คำพูดของจิ่ง ง่ายๆรวดเร็ว พูดสั้นๆแต่ได้ใจความ
หลังจากที่อ๋องลั่วชินฟังแล้ว ไม่พูดอะไรอยู่เนิ่นนาน แต่หัวใจเต้นแรงมาก เหมือนพยายามอดกลั้นความโกรธไว้
“ท่านอ๋องไม่เชื่อ?” โหรวเหยาถามขึ้น
อ๋องลั่วชินเงยหัวขึ้น หายใจเข้าลึกๆ มองดูโหรวเหยา “ข้าเชื่อ ก่อนที่พวกเจ้าจะมา ข้าก็เชื่อเรื่องนี้แล้ว พวกเจ้าเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ในตอนนั้น เป็นคนที่ถูกกระทำ ฟังพวกเจ้าพูดแล้ว ใจของข้า... ทรมานอย่างพูดไม่ออก โกรธอย่างพูดไม่ออก”
โหรวเหยากัดริมฝีปาก ถามคำถามที่อัดอั้นใจมาแล้วเนิ่นนานว่า “ท่านอ๋อง บนภูเขาหางหมาป่า มีคนหนีรอดไปได้กี่คน?”
พวกเขาถูกตามไล่ข้ามาตลอด ไม่รู้ว่าเรื่องราวเปลี่ยนไปแล้วอย่างไรบ้าง หลังจากมาถึงหนานจุ้น มีคนเฝ้าอยู่ ไม่สามารถที่จะออกไปสืบข่าวใดๆ และหนานจุ้นก็ห่างไกลจากเมืองหลวงมาก คิดว่าข่าวก็คงจะไม่เพ่งพ่ายออกมารวดเร็วขนาดนี้
แต่ อ๋องลั่วชินน่าจะรู้
ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ นางเป็นกังวลมาตลอด ไม่รู้ว่าหลีโม่กับหลิ่วหลิ่วหลิงลี่ พวกนางเป็นอย่างไรบ้าง ยิ่งไม่รู้ว่าตอนนี้เป่ยม่อกลายเป็นอย่างไร ผู้ประสบภัยปลอดภัยดีไหม?
เรื่องพวกนี้อัดอั้นอยู่ในใจทุกวัน นางไม่มีกระจิตกระใจรักษาตัว ทำให้บาดแผลที่ขาไม่หายเสียที
เทียนจีจื่อตอบแทนว่า “หนีออกไปได้ประมาณหกร้อยกว่าคน เจ้าวางใจ คนที่มาจากต้าโจวปลอดภัยดีทุกคน พระชายาซื่อเจิ้งกับหลานสาวตระกูลเฉินกลับต้าโจวไปแล้ว”
“จริงหรือ?” ในใจโหรวเหยาค่อยสบายใจขึ้น ใบหน้าที่ขาวซีด แสดงออกให้เห็นถึงความดีใจ “พวกนางต่างปลอดภัยกลับไปต้าโจวแล้ว?”
แต่แล้วนางก็เสียใจ “ตายไปกี่พันคน พวกนั้น ล้วนเป็น... ล้วนเป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ ทำไมผู้มีอำนาจถึงได้โหดเหี้ยมขนาดนี้?”
อ๋องลั่วชินลุกขึ้นยืน ทำความเคารพโหรวเหยา “ข้าขอขอบคุณเจ้าเมืองแทนประชาชนเป่ยม่อ และขออภัยโทษแทนฉู่จิ้งด้วย เจ้าเมืองวางใจ ข้าจะสั่งคนคุ้มครองท่านกลับไปถึงต้าโจวอย่างปลอดภัย”
“ขอบคุณท่านอ๋อง” โหรวเหยาพูด
“ท่าน รบกวนท่านดูแลเจ้าเมืองให้ดี รอเมื่อบาดแผลของเจ้าเมืองหายดีแล้ว ให้จัดการส่งพวกเขากลับไป” อ๋องลั่วชินพูดสั่ง
“ขอรับ ท่านอ๋อง” เทียนจีจื่อค่อยโล่งใจ นี่เป็นการจัดการที่ดีที่สุด ก่อนหน้านี้ตอนที่ช่วยทั้งสองคนนี้ไว้ ท่านอ๋องอคติต่อฉินโจวกับคนที่ติดตามอ๋องซื่อเจิ้งมาจากต้าโจวทุกคน เพราะเหตุนี้เขาถึงไม่ได้บอกเรื่องนี้ และไม่กล้าส่งกลับไป
วันนี้เป็นเช่นนี้ ช่างดีจริงๆ
จิ่งกลับถามว่า “ท่าน ตอนนี้สถานการณ์ในเมืองหลวงเป็นอย่างไร? แม่ทัพใหญ่เป็นอย่างไรบ้าง?”
เทียนจีจื่อพูดว่า “รอพวกเจ้าได้พักผ่อนแล้ว ข้าค่อยเล่าให้พวกเจ้าฟัง”
“ขอโทษ ขอโทษ” เทียนจีจื่อรีบขอโทษ รีบยื่นมือไปช่วยนวดหน้าผากให้นาง “เป็นอะไรมากไหม?”
องค์หญิงอานหัวเราะ “เจ้าบอกว่าข้าทนเจ็บได้ดีไม่ใช่หรือ? บาดแผลจากดาบข้ายังไม่กลัว กระทบหัวทำสมองไม้ทื่อของเจ้าข้าจะกลัวหรือ?”
เทียนจีจื่อหน้าแดง ชักมือกลับอย่างไม่เป็นธรรมชาติ หัวเราะพร้อมพูดว่า “องค์หญิงแกล้งหรือ”
องค์หญิงอานมองดูเขา เห็นใบหน้าขาวของเขาแดงระเรื่อ คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นคนที่ขี้อายหน้าแดงง่ายๆแบบนี้ นางอดไม่ได้ที่จะขำ “ท่านมีชื่อเสียงไปทั่วโลก มีความสามารถฉลาดกว่าคนอื่น กลับขี้อายง่ายๆแบบนี้ ทำให้ข้ารู้สึกแปลกใจ เพียงแต่เมื่อวานเจ้าเคยเห็นร่างกายของข้า...”
นางพูดไปด้วย จ้องมองดูเขาไปด้วย ท่าทีก็ค่อยๆเคร่งขรึมขึ้นมา “รอเมื่อข้าหายแล้ว ตาทั้งสองข้างของเจ้า ข้าจะต้องควักออกมาด้วยตัวเอง”
“อ๋า?” เทียนจีจื่อคิดถึงภาพเมื่อวาน หน้าแดงเหมือนดั่งถูกไฟเผา ใบหูร้อน หน้าทั้งหน้าแดงไปทั่ว “ขออภัย กระหม่อมไม่ได้ตั้งใจ”
เขารู้อยู่แล้วว่าองค์หญิงอานล้อเล่น เพียงแต่พูดไปแล้ว เขาก็มองจริงๆ และยังดูอยู่ตั้งนาน
สวยงามมาก
องค์หญิงอานอารมณ์ดีขึ้น เห็นคนมีชื่อเสียงถูกตัวเองล้อเล่น และรู้สึกว่าตัวเองดื้อรั้น หัวเราะพร้อมพูดว่า “เอาล่ะ ข้าอารมณ์ดี ล้อเจ้าเล่นเฉยๆ ท่านอย่าได้ถือสา”
เทียนจีจื่อมองดูนาง ใบหน้ายังมีไข้อยู่ “ไม่ ผู้หญิงสามารถล้อเล่นได้ แสดงว่าเรื่องไม่สบายใจมากมาย ได้หายไปจากใจขององค์หญิงแล้ว กระหม่อม...ดีใจ...ไม่ใช่ กระหม่อมดีใจแทนองค์หญิง”
องค์หญิอานมองดูใบหน้าหล่อเหลาของเขา ยังมีดวงตาที่เป็นประกาย แล้วคิดถึงตอนที่นางบาดเจ็บแล้วเขาพูดข้างหูนางว่า “เรื่องราวที่เหลือทั้งหมด กระหม่อมจะทำเพื่อองค์หญิง”
ทันใดนั้น ใบหน้าของนางก็แดงขึ้นมาเหมือนกัน นางหลับตา ค่อยๆพูดว่า “งั้นข้านอนพักแป๊บหนึ่ง ท่านตามสบาย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...