บทที่738 ความลับของพวกเรา
หลีโม่ยังไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่ “ตำรับยาอยู่ที่ไหน?เอามาให้ข้าดูหน่อยได้ไหม?”
ซือถูจิ้งลุกขึ้นยืน เดินตรงมาที่ชั้นวางหนังสือ หยิบเอาหนังสือหลายเล่มออกมา แล้วยื่นมือไปค้น พลางหยิบเอากล่องไม้ออกมา
เมื่อเขาเดินกลับมา ก็เอากล่องไม้ยื่นส่งให้หลีโม่
หลีโม่รับเอามา ยื่นมือออกไปสัมผัสตรงลายสลักรูปดอกไม้ที่อยู่บนกล่อง ที่ทำจากไม้จันทร์แดง บนผิวของกล่องไม้แกะเป็นรูปแมลงมีพิษ ท่าทางดูดุร้าย
สำหรับด้านข้างของกล่องทั้งสองแกะเป็นรูปดอกบัว ที่ดอกบัวมีสัญลักษณ์ที่แปลว่าโชคดี อีกทั้งยังสลักลวดลายของเมฆ
กล่องไม้นั้นดูน่าจะมีอายุมาหลายปี ที่ด้านล่างมีรอยขีดข่วนอยู่บ้างกล้องไม้จันทร์แดงนั้นมีตัวลั่นดาลเอาไว้ นางค่อย ๆ ยื่นมือไปกดที่ตรงโลหะที่ยื่นออกมา กล่องไม้จันทร์แดงนั้นก็มีเสียงดังคลิก แล้วเปิดออก
ที่ด้านในของกล่องมีกระดาษพับหนึ่งที่วางเอาไว้อยู่
จำนวนหนึ่งพับ
หลีโม่หยิบเอาแผ่นแรก พิษจักจั่นสีทอง
แผ่นที่สอง ไสยศาสตร์
แผ่นที่สาม พิษงู
แผ่นที่สี่ พิษหิน
แผ่นที่ห้า พิษท่งหมิง
ที่ด้านล่าง ยังมีอีกพับหนึ่งที่มีจำนวนมาก
หลีโม่วางกล่องลง หยิบเอาตำรับยาพิษท่งหมิงออกมาดู “มด?งูอู่ปู้?แมงป่อง?แมงมุม?แมงมุมทรายหกตา?แมงป่องสีทอง?เลือดจากคนวางยาพิษโดยที่เต็มใจให้?”
ต้องเต็มใจให้ตามที่เขาว่ามาจริง ๆ ด้วย
หลีโม่วางตำรับยาลง พลางขมวดคิ้วขึ้นในทันที “พิษพวกนี้ ไอของอันดับแรก ๆ ก็ยังพาจะได้อยู่หรอกนะ แต่ว่าแมงมุมทรายหกตากับแมงป่องสีทองนี่จะไปหาจากที่ไหน?”
“ของพวกนี้น่ะหรอ ก็ไม่ลำบากอะไร มีแบบสำเร็จรูป” ไม่รู้ว่าเพราะอะไรสีหน้าของซือถูเย้นถึงได้รู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น
“สำเร็จรูป?”หลีโม่จ้องมองที่เขาด้วยความสงสัย
ซือถูเย้นก้มหน้าลง “น้ำสมสายชู!”
“น้ำส้มสายชู?”น้ำเสียงของหลีโม่เยียบเย็นขึ้นเล็กน้อย “เจ้าจะบอกว่า น้ำส้มสายชูที่เจ้าให้ข้าดื่มมาโดยตลอด เป็นยาที่แช่ไว้ด้วยพิษพวกนี้หรอ?”
“ใช่แล้ว เป็นสุรามา” ซือถูเย้นกลอกตาไปมา
หลีโม่โกรธเสียจนนิ่งจะลึง พอดีขึ้นสักพัก นางก็ยกมือโบกไปมา “เจ้ายังมีอะไรที่ปิดบังข้าอยู่อีก?”
ซือถูเย้นส่ายหน้าอย่างรวดเร็วราวกับเป็นป๋องแป๋ง “ไม่นะ ครั้งนี้ไม่มีแล้ว”
หลีโม่ไม่อยากจะคิดเล็กคิดน้อยต่อเขา แล้วก็ดูที่หมายบอกเหตุตรงบริเวณด้านล่างของตำรับยา
เพียงแค่ว่า ตามคำอธิบายของอาเซ่อกูกู ช่างทำให้นางรู้สึกรับไม่ได้จริง ๆ
ที่ตรงนี้กล่าวเอาไว้ว่าต้องให้คนที่วางยาเต็มใจที่จะบริจาคเลือดมาให้สามหยด เพราะว่าในตอนที่วางยานั้นคนที่เป็นคนทำก็ตั้งใจให้เกิด พิษนั้นนับเป็นศาสตร์ในการสาปแช่ง มีพลังที่ควบคุมได้
พลังงานนี้ หลีโม่อธิบายไว้ว่าเป็นพลังความคั่งแค้นชิงชัง หรือไม่ก็เป็นวิญญาณของปีศาจ ถึงแม้ว่านางจะเป็นคนที่ข้ามมิติมา แต่นางก็ร่ำเรียนมาในสายแพทย์ตะวันตก ซึ่งมีความเป็นวิทยาศาสตร์ สำหรับเรื่องผีสางและเรื่องลี้ลับแปลกประหลาด ถึงแม้จะมีความขัดแย้งกัน แต่ต้องให้เชื่ออย่างลึกซึ้ง กลับไม่สามารถโน้มน้าวตัวเองให้เชื่อได้
“นี่เป็นสาเหตุที่ข้าไม่แก้พิษ จริง ๆ แล้วไม่ว่าจะแก้หรือไม่แก้พิษก็ไม่ได้สำคัญ ขอเพียงแค่เจ้าแปดไม่ตาย ข้าก็ไม่มีอันตรายอะไร”ซือถูเย้นอธิบาย
หลีโม่พูดขึ้น “เจ้าดูแลเขาไปได้ตลอดทั้งชีวิตหรอ?ต่อให้เขาไม่ถูกฆ่า ก็ต้องตายด้วยโรคภัยไข้เจ็บอยู่ดี”
ไอ้เจ็ดจะต้องคิดว่านางเป็นบ้าเสียสติ
ซือถูเย้นทำท่าทางราวกับจะยิ้มก็ไม่ยิ้มแล้วก็มองที่นาง “ไม่เข้าใจใช่ไหม?”
ถูกเขาจับจ้องอยู่เช่นนี้ ในใจก็รู้สึกสั่นระรัวขึ้น
ซือถูเย้นเห็นนางไม่ยอมเอ่ยปากพูดออกมาเป็นเวลานาน ก็อดที่จะพูดไม่ได้ว่า “ช่างเถอะ ข้าก็คิดว่า ถ้าข้าพูดความลับของข้าไป เจ้าก็คงจะเปิดใจ ถ้าเจ้าไม่อยากพูด ก็ไม่ต้องพูด”
หลีโม่จับแก้วเครื่องกระเบื้องเคลือบตรงขอบสีทองไว้แน่น ทำท่าลังเลสักพัก เงยหน้าขึ้นสบตามองกับเขา “จริงๆแล้ว ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากพูดนะ แต่ข้ากลัวว่าเจ้าจะไม่เชื่อ”
“สิ่งที่เจ้าพูด ข้าเชื่อทั้งนั้น”ซือถูเย้นกล่าว
หลีโม่จิบสุราเข้าไปอึกหนึ่ง จากนั้นก็วางจอกสุราลง รู้สึกว่าไม่รู้ว่าควรจะเริ่มตั้งแต่ตรงไหนดี
ผ่านไปเป็นเวลานาน นางถึงได้พูดขึ้น “ข้ายังจำได้ว่า เมื่อก่อนข้ามีกำไล ที่มีชื่อว่ากำไลสะกดจิตใช่ไหม?”
“อืม จำได้ เรียกว่ากำไลสะกดจิต?”ซือถูเย้นพยักหน้า
“ใช่แล้ว กำไลสะกดจิต เป็นผลิตภัณฑ์จากวิทยาการขั้นสูง กำไลสะกดจิตนั้นมาที่นี่พร้อมกับข้า บัดนี้ข้าเองก็รู้สึกประหลาดใจ”
ซือถูเย้นไม่เข้าใจ “ผลิตภัณฑ์จากวิทยาการขั้นสูง?มาที่นี่พร้อมกับเจ้า?”
หลีโม่จัดการกับความคิดสักพัก พูดขึ้นว่า “บางที ให้ข้าแนะนำตัวสักหน่อย ข้ามีนามว่าเสี้ยหลีโม่ เป็นหน่วยพิเศษแพทย์ทหารภายใต้กองทัพตะวันออกเฉียงใต้ของในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ไม่ใช่บุตรสาวของเสี้ยห้วยจุน ไม่สิ หรือจะพูดว่า ร่างของข้านี้เป็นบุตรสาวของเสี้ยห้วยจุน แต่สมองของข้าไม่ใช่”
ซือถูเย้นตะลึงไปพักหนึ่ง “ร่างของเจ้าใช่ แต่สมองไม่ใช่?สมองของเจ้าถูกสับเปลี่ยนรึ?”
หลีโม่รู้ดีว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะให้คนเชื่อ และที่ลำบากก็คือต้องอธิบายให้ได้อย่างชัดเจน เพราะว่าตัวนางเองก็อธิบายเรื่องนี้ไม่ได้เหมือนกัน
คิดไปคิดมาก็ดูไม่มีหนทางที่ดีที่จะอธิบายได้ จึงพูดขึ้นด้วยท่าทางที่ลึกลับว่า “ถ้าให้พูดอย่างถูกต้อง ร่างของข้าใช่ แต่จิตวิญญาณของข้าไม่ใช่ จิตวิญญาณของข้ามาจากหนึ่งพันปีหลังจากนี้ บนโลกของพวกเรานั้น ในยุคสมัยที่อยู่เบื้องหน้าของข้าตอนนี้ เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ในสมัยข้า ข้าเสียชีวิตในตอนที่ปฏิบัติภารกิจ แต่ที่ตายก็มีเพียงแค่ร่างของข้า จิตวิญญาณของข้าได้ทะลุข้ามมิติมายังแคว้นต้าโจว แล้วสวมอยู่ในร่างของเสี้ยหลีโม่ นับตั้งแต่ตอนนั้น ข้าก็อาศัยอยู่ในร่างของนาง ใช้ชีวิตแทนนาง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...