บทที่ 79 ไท่เฟยทรงทราบแล้ว
สถานการณ์อ๋องเหลียงทางนั้นคงที่แล้ว อีกทั้งยังมีหมอคอยอยู่ข้างๆ ดังนั้นหลีโม่แค่ไปฝังเข็มและสั่งยาก็พอแล้ว
แต่ว่าหลีโม่ได้มีความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวอ๋องเหลียงแล้ว อาจจะเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ได้ยินเซียวโธ่พูดเกี่ยวกับที่เท้าหนอนบ่อนไส้มีตัวอักษรคำว่าเหลียง นางคาดเดาว่าเป็นนักฆ่าที่อ๋องเหลียงส่งไปลอบฆ่าซือถูเย้น
อารมณ์ความรู้สึกนี้ กลับไม่ได้แสดงออกมา แต่ว่าเหมือนอ๋องเหลียงจะรู้สึกได้ ตอนที่นางกำลังจะไป จึงถามนางด้วยความสงสัย “ เสี้ยหลีโม่ เจ้าเป็นอะไรไป ”
หลีโม่มองเขา ดวงตาของเขาบริสุทธิ์เรียบง่าย ดูท่าทางแล้วคงไม่ใช่คนใช้เล่ห์เหลี่ยมเป็นประจำ แต่ว่าคำว่าเหลียงคำนี้ จะอธิบายอย่างไร
นางเอ่ยขึ้นเบาๆ “ ไม่เป็นไรเพคะ ก็แค่เหนื่อยนิดหน่อย ”
อ๋องเหลียงเอ่ยขึ้น “ เจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว ”
จิ้งจิ้งที่นั่งอยู่ข้างเตียง พูด “ เจ้าหลายชายใหญ่ รีบหายเร็วๆพวกเราจะได้ไปล่าสัตว์กัน ”
“ ใช่แล้ว ” อ๋องเหลียงมองนางด้วยรอยยิ้ม “ เรียกเสด็จลุงไปด้วย ”
“ แน่นอนอยู่แล้ว ” หน้าตาจิ้งจิ้งค่อนข้างโศกเศร้า “ พวกเราไปก่อนนะ ยังมีธุระต่อ ”
อ๋องเหลียงไม่ใช่คนโง่ จิ้งจิ้งกับหลีโม่อยู่ด้วยกัน สีหน้าของทั้งสองคนต่างหมองเศร้า อีกอย่างรอบดวงตาของทั้งสองก็ดำมาก นี่แสดงให้เห็นว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่นอน
แต่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่ทำให้ทั้งสองอยู่ด้วยกันได้
หลังจากที่สองคนไปแล้ว อ๋องเหลียงเรียกคนสนิทมา “ ไปสืบมาว่าที่ตำหนักอ๋องซื่อเจิ้งเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ”
“ พะย่ะค่ะ ” คนสนิทรับคำสั่งแล้วเดินออกไป
กลับมาถึงจวนแม่ทัพใหญ่ หลีโม่ถูกดึงตัวเข้าไปอย่างวดเร็ว
ซือถูเย้นมีอาการชักเกิดขึ้น อีกทั้งยังชักรุนแรงมาก
หลีโม่รีบวิ่งเข้าไป แตะที่หน้าผากร้อนของเขา ในใจของนางก็จมลง เรื่องที่กังวลได้เกิดขึ้นแล้ว
ติดเชื้อ ไข้ขึ้นสูง
หลีโม่ตรวจสอบบาดแผลเล็กน้อย พบว่าบาดแผลแดงเป็นอย่างมาก นี่ไม่ควรจะเป็นแบบนี้
จากที่นางออกไปทำการรักษาที่ตำหนักอ๋องเหลียง และกลับมาที่นี่อีกครั้ง เป็นเวลาสองชั่วยามสี่ชั่วโมง ต่อให้จะติดเชื้อ ก็ควรจะออกอาการขึ้นมาตอนนี้
“ เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร พวกท่านเอายาอะไรใส่ให้เขา ” หลีโม่ถามหมอร้านยาฮุ่ยหมินด้วยความโมโห
มีร่องรอยการใส่ยาที่ขอบบาดแผล ต้องมีคนทำอะไรลงไปแน่ๆ
“ หุบปาก ” น้ำเสียงที่มีอำนาจดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของหลีโม่ หลีโม่ตกใจ ค่อยๆหันกลับมามอง เป็นลื่งกุ้ยไท่เฟย
บนใบหน้าที่มีอำนาจของแอบแฝงด้วยความโกรธเล็กน้อย จ้องมองหลีโม่ มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งสวมใส่ชุดลาตินยืนอยู่ข้างหลังนาง มีหนวดเลขแปด เกล้าผมขึ้นแต่งตัวเป็นนักบวช แต่กลับไม่ได้ใส่ชุดนักบวช
“ กุ้ยไท่เฟย ” หลีโม่ถวายความเคารพ แต่ในใจกลับมีเสียงตึกๆดังขึ้น กุ้ยไท่เฟยมีอคติกับนางมาตลอด ตอนนี้เกรงว่านางคงไม่ยอมให้นางรักษาซือถูเย้นแน่
อ๋องอานชินเดินขึ้นมาข้างหน้าเอ่ยขึ้น “ เสด็จแม่ลิ่ง ก่อนหน้านี้ก็เป็นหลีโม่ที่ช่วยรักษาเย้นเอ๋อ นางจัดการได้ดีมาก บาดแผลก็ได้ทำการเย็บเข้าแล้ว ยาผงนี้ที่ท่านใช้ เหมือนจะทำให้เย้นเอ๋อเป็นหนักมากขึ้นกว่าเดิม ”
คนที่ท่าทางเหมือนนักบวชเอ่ย “ ท่านอ๋อง นี่เป็นการตอบสนองที่ธรรมดา คือการกำจัดพิษจากกระดูก ”
“ ไม่ใช่ว่าข้าสงสัยเจ้า นี่เป็นแค่บาดแผลภายนอก จะมีพิษในกระดูกได้อย่างไร ” อ๋องอานชินขมวดคิ้วพูด
สีหน้ากุ้ยไท่เฟยนิ่งลง “ เหลวไหล ผู้หญิงคนหนึ่งจะอยู่ที่นี่กีดขวางไปทำไม เจ้าก็เหมือนกัน กลับไปเสียเถอะ แล้วข้าก็จะพาเย้นเอ๋อกลับตำหนักทีหลัง ”
“ ไม่ได้ ” หลีโม่รีบเอ่ยขึ้น “ ตอนนี้จะเคลื่อนย้ายเขาไม่ได้ ถ้าเกิดบาดแผลฉีกขาด...... ”
“ เจ้าหุบปากไปซะ ” กุ้ยไท่เฟยเสียงแข็งออกคำสั่งใส่หลีโม่ “ อย่าคิดว่ามีองค์คอยปกป้องเจ้า ข้าจะทำอะไรเจ้าไม่ได้ ”
ถ้าเป็นชาติก่อน หลีโม่จะต้องเอาตัวยายผู้หญิงแก่คนนี้โยนออกไปเป็นแน่ แต่ว่าที่สังคมที่แบ่งแยกชนชั้นชัดเจนนี้ นางเป็นแค่คนชนชั้นล่างสุด แทบจะไม่มีสิทธิ์พูด
ความรู้สึกนี้ ทำให้หลีโม่ท้อแท้มาก
พูดแล้ว นางก็มาดึงหลีโม่ด้วยตัวเอง ต้องการจะผลักหลีโม่ออกไป
ซือถูจิ้งจึงทำได้แค่เดินตามออกไป “ พอได้แล้ว พอได้แล้ว เจ้าปล่อยนาง นางไม่ได้จะทำร้ายเจ้าเจ็ดสักหน่อย เจ้าจะตื่นเต้นไปทำไม ”
กุ้ยไท่เฟยเหอะขึ้นมาครั้งหนึ่ง “ ข้าจะเฝ้าอยู่ที่นี่ จนกว่าจะย้ายกลับไปตำหนักท่านอ๋อง มีข้าอยู่ที่นี่ อย่าหวังว่านางจะเข้ามาได้ ”
พูดจบ ก็เดินเข้าไปอย่างเฉยเมย
หลี่โม้ร้อนรนเหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ “ พระนางมาได้อย่างไร ”
ซูชิงเดินตามทางเดินมาจากข้างหน้า เอ่ยขึ้นด้วยความหดหู่ “ เพราะฮูหยินจื่นเฉิงเห็นจื่นเฉิงนานแล้วไม่กลับมา ก็เลยไปหาที่ตำหนักท่านอ๋อง กุ้ยไท่เฟยเลยส่งคนไปสืบ บังเอิญฮูหยินของหมอเจิ้งร้านยาฮุ่ยหมินนั่งเป็นแขกอยู่ในตำหนัก บอกว่าหมอเจิ้งถูกเรียกไปที่จวนแม่ทัพอย่างเร่งด่วน กุ้ยไท่เฟยเลยเดาออกจึงรีบมาทันที ”
ตอนแรกที่ส่งมาตัวมาที่จวนแม่ทัพ ก็เพื่อเลี่ยงไม่ให้ข่าวแพร่กระจายออกไป และไม่อยากให้กุ้ยไท่เฟยต้องเป็นกังวลด้วย คิดไม่ถึงด้วยความบังเอิญ กลับทำให้นางทรงทราบเรื่องขึ้นมา
“ แล้วคนบาดเจ็บที่อยู่ตรงนี้ล่ะ ” หลีโม่สังเหตเห็นว่าคนบาดเจ็บทั้งหมดถูกย้ายไปแล้ว คนบาดเจ็บบางส่วนที่ค่อนข้างดีขึ้นต่างก็ไม่สามารถทำการย้ายได้
“ ย้ายออกไปแล้ว ไท่เฟยออกคำสั่ง ไม่ให้ใครรบกวนการรักษาของท่านอ๋อง ดังนั้นทั้งหมดต่างก็เลยถูกย้ายไปที่ห้องอื่นแล้ว ” ซูชิงเช็ดมือเล็กน้อย แล้วเอ่ยด้วยความเศร้าใจ “ ข้าเพิ่งกลับมาจากสวนด้านข้างทางโน้น อาต๋าใกล้จะไม่ไหวแล้ว ข้าไม่สามารถอยู่ที่นั่น มองดูพี่น้องของตัวเองจากไปได้ ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...