พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 99

ตอนที่ 99 ต้องการถอนหมั้น

หลีโม่เข้ามาในเรือนครัว แล้วก็เริ่มทำอาหาร ตลอดสองวันนี้ เซียวโธ่กับซูชิงออกไปข้างนอกตลอด แล้วพวกเขาก็เอาแต่หารือกันในห้อง ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้ยินอะไร แต่ว่านางก็พอจะปะติดปะต่อเรื่องได้ว่า ตอนนี้ในเมืองหลวงเริ่มตึงเครียด

เมื่อวานได้ยินเซียวโธ่บอกว่า เริ่มแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันแล้ว หลี่โม่ไม่รู้ว่าพวกเขาจัดเตรียมอะไรบ้าง แต่ว่าต้องเกี่ยวกับอันตรายอย่างแน่นอน ตอนนี้อาการของซือถูเย้นเองก็ยังไม่หายสนิท ถ้าเขาต้องการจะกลับไปเสี่ยงนางผู้เป็นหมอคงไม่ยินยอม แต่ว่านางเองก็ไม่มีอำนาจและเหตุผลพอที่จะไปขวางเขาได้

เซียวโธ่ออกไปเอาเหล้า ซูชิงก็เข้ามาช่วยนางทำอาหาร

หลีโม่จึงถามขึ้น:“แม่ทัพซู ข้าได้ยินพวกท่านบอกว่าอ๋องหนานหวยได้กลับมาเมืองหลวงแล้ว อ๋องหนานหวยไม่ใช่น้องชายแท้ๆของท่านอ๋องหรอกหรือ?ทำไมพวกท่านทำเหมือน.....ไม่ค่อยชอบเขาเท่าไหร่เลย?“

ซูชิงที่กำลังเซาะเกล็ดปลาอยู่ ก็พูดขึ้น:“ถ้าเปรียบก็เหมือนพ่อของเจ้า เจ้าชอบเขาหรือไม่ ?“

หลี่โม่ไม่พูดอะไรออกมา ใช่บางคนมีชื่อที่แส้เป็นญาติกัน เลือดข้างในที่ไหลเวียนอยู่ก็เหมือนกัน แต่ว่าใจไม่ได้อยู่ด้วยกัน ก็ไม่ใช่ญาติกัน

ในใจของเสี้ยห้วยจุนนั้น ชื่อเสียงของเขา และตำแหน่งหน้าที่การงาน สำคัญกว่าทุกสิ่ง ดังนั้น ไม่ว่าญาติคนไหนก็ตามเขาก็สามารถหลอกใช้และยอมสละได้

เขารักเสี้ยโลว่เยว่มาก แต่ว่าก็ไม่เหมือนกัน เขาต้องการใช้นางมัดใจองค์รัชทายาทอย่างนั้นหรือ?

พอนึกถึงเสี้ยฮ่าวหราน ใจของนางก็อดที่จะเจ็บปวดขึ้นมาไม่ได้

ตอนนี้ซูชิงเองก็ไม่ได้คิดจะปิดนาง ดังนั้นเขาเลยพูดต่อ:“ตอนนี้ในเมืองหลวงทุกคนต่างคิดว่าท่านอ๋องเสียแล้ว ทุกฝ่ายต่างต้องการที่จะแย่งอำนาจเพื่อครองตำแหน่งนี้ ที่อ๋องหนานหวยกลับมาครั้งนี้ ก็เพื่อสิ่งนี้”

“ช่างเป็นมหันตภัยครั้งใหญ่จริงๆ”หลีโม่พูด

ซูชิงหยักไหล่พลันพูดขึ้น“ก็ดีเหมือนกัน ทุกคนจะได้ไม่ต้องคอยปิดบัง พ่อของเจ้าก็สนิทกันอย่างมากกับใต้เท้าเหลียงไถ้ฝู้ ดูเหมือนว่าน้องสาวของเจ้าคงจะได้เป็นพระชายาจริงๆ”

หลี่โม่ไม่ได้พูดแย้ง

ถ้าตามสถานการณ์ที่นางรู้นั้น เรื่องงานแต่งขององค์รัชทายาทกับเสี้ยโลว่เยว่คงต้องถูกเสนอขึ้นมาในไม่ช้า ถึงแม้ว่าฮองเฮาจะไม่ยินยอม แต่ก็ไม่สามารถที่จะตัดขาดจากเฉิงเสี้ยงได้ในเวลานี้

ซูชิงพูดต่อ:“สถานการณ์ในวังตอนนี้ เจ้าที่เป็นหญิงนั้นไม่เข้าใจหรอก แต่ว่าถ้าหากว่าเจ้าต้องแต่งงานเข้ามาในตำหนักอ๋อง ข้าก็จะบอกเรื่องราวในตำหนักอ๋องให้เจ้าฟัง เจ้าอยากฟังหรือไม่?ถ้าหากว่าเจ้าอยากฟังละก็ เจ้าต้องเก็บเหล้ากุ้ยฮวาไว้ให้ข้า”

หลีโม่ที่กำลังหั่นเนี้อปลาอยู่ก็พลันพูดขึ้นโดยไม่เงยหน้า“ตกลง”

ซูชิงข่มเสียงต่ำแล้วพูดขึ้น:“เรื่องส่วนตัวของเราห้ามให้เซียวโธ่รู้เข้า ไม่อย่างนั้นเขาจะแอบดื่ม”

“ตกลง”หลี่โม่รีบสับเนี้อปลาอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ที่ต้องทำคือ หั่นปลาดิบ แต่ว่าถ้าซูชิงพูดเรื่อยเปื่อยต่อไปอีก นางก็จะหันมาสับเขาแทน

พอเขาได้ยินนางรับปากแล้ว ก็พูดขึ้นมาทันที“ท่านอ๋องยังไม่มีชายา เรื่องนี้เจ้าก็น่าจะรู้ดี แต่ว่ามีรองสนมอยู่คนนึง ก็คือรองสนมซุน นางมีคนอยู่เบื้องหลัง นางเป็นหลานของใต้เท้าเหลียงไถ้ฝู้ เหลียงไถ้ฝู้คอยระวังท่านอ๋องไม่ใช่แค่วันสองวันนี้ ดังนั้นหน้าที่ของนางในตำหนักนั้น ถึงเจ้าจะมีสมงอที่ไม่ฉลาดก็น่าจะเดาได้ นางมาเพื่อเป็นหน่วยสอดแนมของเขา ท่านอ๋องของเราไม่เคยมองนางอยู่ในสายตาเลยสักครั้ง”

“ถ้าไม่ชอบทำไมถึงไม่ไล่นางไปละ?”ที่หลี่โม่พูดแบบนี้ไม่ใช่เพราะว่านางไม่ชอบนาง แต่ว่าถ้าดูจากนิสัยของซือถูเย้นแล้ว ถ้าหากว่าเขาไม่ชอบใครแล้วละก็ คนนั้นก็จะไม่สามารถทนอยู่ในตำหนักอ๋องได้

“งั้นแค่นี้เจ้าก็ไม่เข้าใจแล้ว?นางมาเพื่อสอดส่องเรื่องภายใน ถ้าไล่นางไปก็ไม่สนุกสิ ไม่สู้ให้นางคาบข่าวไปบ้างก็ดี”

หลี่โม่ฟังถึงตรงนี้ก็พอเข้าใจขึ้นบ้าง เก็บนางเอาไว้ข้างกาย ก็เพื่อป้องกันไว้สักวันหนึ่งอาจจะใช้นางเป็นเครื่องมือได้

ซือถูเย้นช่างเป็นคนที่เย็นชาอย่างมาก แถมยังเป็นอันตรายมากด้วย

“แล้วความสัมพันธ์ของท่านอ๋องกับกุ้ยไท้เฟยเป็นอย่างไรบ้าง?”สิ่งที่หลี่โม่สงสัยมากที่สุดก็คือเรื่องนี้ เพราะว่านางรู้สึกสงสัยอย่างมาก

ท่าทางของกุ้ยไท้เฟยที่แสดงออกมาในตำหนักกับตอนที่นางมาแสดงอารมณ์ที่จวนแม่ทัพนั้นอย่างกับคนละคน จนทำให้นางรู้สึกว่า กุ้ยไท้เฟยไม่อยากให้ซือถูเย้นหายดี

เจ้าเมืองโหรวเหยางั้นหรือ?หลีโม่พยายามนึกไปมา แต่ในสมองกลับไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับเจ้าเมืองโหรวเหยา ตอนที่เจอกับคนแก่ในตระกูลไม่เคยพูดถึงเขาเลย

แต่ว่า นายใหญ่ก็เอาแต่หมกอยู่ในจวนเฉิงเสี้ยง ไม่ยอมออกไป จนเริ่มไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องภายนอก

เรื่องทั้งหมดล้วนเป็นไปตามที่นางคิด เรื่องเสี้ยโลว่เยว่กับองค์รัชทายาท ในที่สุดก็ถูกพูดถึง

ในตำหนักอ๋องซื่อเจิ้งเป็นวันที่เจ็ดที่ร่างของเขาหายไป เป็นวันที่สองที่อ๋องหนานหวยกลับมาที่เมืองหลวง ใต้เท้าเหลียงก็พลันนัดเจอกับเสี้ยเฉิงเสี้ยงอย่างเป็นทางการ

จุดประสงค์ของใต้เท้าเหลียงไถ้ฝู้นั้นเดาง่ายมาก ก็คือต้องการจะหารือเรื่องการขึ้นครองราชย์ขององค์รัชทายาท เพราะว่าพรุ่งนี้มีขุนนางเข้าวัง ฮองไทเฮาจะเป็นต้องตัดสินใจในการรับมือ

นี่เป็นโอกาสที่ดีมาก ที่จะบีบฮองไทเฮาได้ และก็ให้แต่งตั้งองค์รัชทายาทขึ้นสำเร็จราชการ

แต่ว่าวันนี้ที่เสี้ยเฉิงเสี้ยงมานั้นต้องการมาพูดคุยเรื่องทั่วไป แล้วบอกว่าช่วงนี้องค์รัชทายาทเอาแต่มาๆหายๆ

“บางครั้งที่มองเห็นเขาสองคน ก็เอาแต่คิดถึงตอนที่ข้ากับซ่วยหยุนอยู่ด้วยกัน ช่างเป็นช่วงที่มีความสุขมาก”เฉิงเสี้ยงพูดพลางยิ้มออกมา

เหลียงไถ้ฝู้ได้ยินแบบนั้นก็พอจะเข้าใจ ว่าตาเฒ่าเจ้าเล่ห์นี้ต้องการใช้โอกาสนี้ให้องค์รัชทายาทแต่งงานกับเสี้ยโลว่เยว่

เขาไม่พอใจอย่างมาก แต่ว่าเขาก็ทำได้แค่เก็บอารมณ์เอาไว้“เฉิงเสี้ยงยังดูอ่อนเยาว์ ไม่แก่เท่าข้าเลย พูดมา ตอนนี้องค์รัชทายาทเองก็โตแล้ว วันนี้ข้าเองก็ต้องเข้าไปในวัง ก็ต้องได้หารือกับฮองเฮาในเรื่องนี้ ”

เฉิงเสี้ยงยิ้มที่มุมปาก“เพื่อองค์รัชทายาทแล้วใต้เท้าช่างพยายามมากจริงๆ ถ้าหลังจากนี้องค์รัชทายาทได้ขึ้นครองราชย์แล้ว ก็คงไม่สามารถที่จะลืมความลำบากของท่านได้เลย”

พอเหลียงไถ้ฝู้ได้ยินดังนั้น ก็รู้แล้วว่าเขาตกลง แน่นอนว่าที่เขาได้พูดมาก่อนนั้นก็เพื่อต้องการให้มีรับสั่ง เรื่องการหมั้นหมายขององค์รัชทายาทกับเสี้ยโลว่เยว่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม