พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว นิยาย บท 174

 เมื่อเฟิ่งชิงหัวทำการตรวจสอบอย่างคร่าวๆ เสร็แล้วก็ลุกขึ้นยืน สายตาทุกคู่รอบด้านมองมาที่นาง สายตาเหล่านั้นเต็มไปด้วยความกลัวและตื่นตระหนก และตอนที่เห็นนางเดินออกมาจากบริเวณที่มีเชือกกักบริเวณเอาไว้ ทุกคนต่างถอยหลังโดยสัญชาตญาณแล้วเอามือปิดปากปิดจมูกเอาไว้

 “พระชายา ผลการตรวจสอบเป็นอย่างไรบ้างขอรับ” ไป๋จื่อหยางเดินเข้าไป แล้วเอาผ้าเช็ดหน้าที่จุ่มสมุนไพรส่งให้ที่มือของนาง

 เฟิ่งชิงหัวมองผ้าเช็ดหน้าที่จุ่มน้ำสีเขียวจนชุ่มก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะรับมา จากนั้นจึงส่ายหน้าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความลังเล

 ไป๋จื่อหยางเห็นเช่นนั้น ความคาดหวังของเขาก็เสื่อมสลายลง ก่อนจะมองไปที่ร่างที่มีรอยสีแดงเหล่านั้นด้วยความสับสน

เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ สีหน้าของขุนนางชันสูตรศพคนอื่นๆ ก็ปรากฏอาการดูถูกออกมา

 “ตอนแรกก็นึกว่าพระชายาจะสืบเบาะแสได้ ที่แท้แล้วก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ไม่รู้เรื่องแต่กลับสัมผัสโดนศพ หากเชื้อแพร่กระจายจากศพมาตามอากาศ จากการกระทำของนางที่สัมผัสโดนศพเช่นนั้น เกรงว่าพวกเราจะเดือดร้อนไปด้วย”

 “อาจจะไม่ใช่ หวังว่าศพพวกนี้จะไม่ได้เกิดจากโรคติดต่อ ไม่อย่างนั้นแล้ว พวกเราที่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุเช่นนี้คงยากที่จะรอดชีวิต”

 “ไม่มีความสามารถก็คือไม่มี จะมาทำเป็นเก่งทำไม เมื่อครู่นี้ไป๋จื่อหยางยังบอกอยู่เลยว่านางเก่ง ข้าว่าเป็นการคุยโวมากกว่า พูดอย่างกับเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นแหละ”

 เสียงวิจารณ์ที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเยาะเย้ยจากทางด้านนั้น บวกกับบรรยากาศโดยรอบที่เงียบสงบอยู่แล้ว ทำให้คำพูดพวกนั้นลอยเข้ามาในหูของเฟิ่งชิงหัวอย่างรวดเร็ว แต่นางไม่หันไปมองพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย

 คนที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งโรคติดต่อ ไม่คู่ควรที่นางจะพูดด้วย

 จ้านเป่ยเซียวเอามือทั้งสองไพล่หลังเอาไว้แล้วกล่าวเสียงเข้มว่า “ตรวจเสร็จแล้วหรือยัง ถ้าเสร็จแล้วก็กลับกันเถิด ที่นี่อากาศไม่ค่อยดี”

 เฟิ่งชิงหัวเตรียมจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับเห็นเพียงเหยียนหรูชิงเดินออกมาข้างหน้าแล้วประสานมือมาที่พวกเขาทั้งสอง “ท่านอ๋อง พระชายา เกรงว่าตอนนี้พระชายาจะไปไหนไม่ได้แล้ว”

 แม้ว่าเหยียนหรูชิงจะเกรงกลัวจวนอ๋องเจ็ดมาก แต่ตอนนี้ไม่เพียงเฟิ่งชิงหัวเข้าใกล้ศพเท่านั้นแต่ยังสัมผัสศพแล้ว หากเป็นโรคติดต่อจริงๆ มีความเป็นไปได้ที่จะแพร่กระจายเชื้อ

 หากปล่อยนางไปแบบนี้ไม่เท่ากับว่าพาเชื้อโรคไปแพร่กระจายด้วยหรือ

 จ้านเป่ยเซียวได้ยินดังนั้นก็หัวเราะ “ใต้เท้าเหยียนถือดีอย่างไร ถึงขั้นกล้ารั้งคนของข้าเอาไว้”

 เหยียนหรูชิงกล่าวว่า “ข้าน้อยไม่กล้า แต่เมื่อครู่นี้พระชายาไม่เพียงเข้าใกล้ศพเหล่านั้นแต่ยังสัมผัสโดนศพแล้วด้วย เพื่อไม่ให้เชื้อโรคระบาดแพร่กระจายไปยังคนที่ไม่รู้เรื่อง เวลาเช่นนี้จำเป็นต้องกักตัวพระชายาเอาไว้”

 จ้านเป่ยเซียวเลิกคิ้ว “หากข้าไม่ให้กักตัวไว้ล่ะ”

 “เช่นนั้นข้าน้อยคงจำเป็นต้องขอพระราชโองการจากฝ่าบาท เพื่อกักบริเวณทั้งจวนอ๋องเจ็ดเอาไว้” เหยียนหรูชิงกล่าวด้วยท่าทางที่นอบน้อม

 “จริงหรือ?” จ้านเป่ยเซียวเตรียมจะระเบิดอารมณ์ แต่เฟิ่งชิงหัวเดินเข้ามาจับมือของจ้านเป่ยเซียวเอาไว้แล้วส่ายหน้าให้เขา

 ภาพนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง

 “ท่านอ๋องก็ต้องถูกกักตัวด้วย มือของนางสัมผัสโดนตัวท่านอ๋องแล้ว” หนึ่งในนั้นส่งเสียงตะโกนออกมาแล้วมองคนทั้งสองด้วยสายตาราวกับมองศพที่บนตัวมีรอยแดง

 เจ้าพนักงานที่อยู่ห่างจากพวกเขาทั้งสองค่อนข้างใกล้ก็รีบถอยหลังหนี ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น

 เฟิ่งชิงหัวเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะ ก่อนจะหันหน้าไปมองจ้านเป่ยเซียวที่กำลังมีสีหน้าไม่ชอบใจ แต่กลับไม่ใส่อารมณ์นางและไม่สะบัดมือนางทิ้ง เพียงแค่หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วเช็ดมือของเฟิ่งชิงหัวที่เปื้อนของเหลวสีเขียวด้วยท่าทางจริงจัง

เฟิ่งชิงหัวยิ้มพลางกล่าว “ท่านไม่ได้ยินหรือ ท่านอาจติดเชื้อจากข้าก็ได้นะ ถึงตอนนั้นท่านอาจจะมีสภาพไม่ต่างจากศพพวกนี้”

 ไป๋จื่อหยางเห็นเช่นนั้นก็เอ่ยว่า “พระชายามีอะไรไม่สบายใจตรงไหนหรือไม่ขอรับ”

 หลังจากทำความรู้จักกันมาแล้วหลายครั้ง ไป๋จื่อหยางก็เชื่อว่าพระชายาไม่ใช่คนที่จะพูดโดยไม่แน่ใจว่าตัวเองสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ในเมื่อนางบอกว่าโดนพิษนั่นแสดงว่าจะต้องมีหลักฐาน

 “ตอนนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นพิษชนิดใด แต่ข้าแน่ใจว่า นี่คือพิษ ไม่ใช่โรคติดต่อ” เฟิ่งชิงหัวกล่าวอย่างหนักแน่น

 เสียงหัวเราะดังขึ้นจากรอบด้าน เพราะรู้สึกตลกคำพูดของเฟิ่งชิงหัว

 จ้านเป่ยเซียวกล่าวเสียงเข้มว่า “ในเมื่อพูดจาดีๆ ไม่เป็น เช่นนั้นลิ้นของพวกเจ้าก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว หลิวหยิ่งเอาพวกเขาไปตัดลิ้นทิ้งเสีย”

 ได้ยินคำพูดเช่นนี้ คนพวกนั้นจึงนึกขึ้นมาได้ว่าอ๋องเจ็ดเป็นคนที่โหดร้ายแค่ไหน สีหน้าของพวกเขาจึงเปลี่ยนไปทันทีแล้วพากันคุกเข่าลงกับพื้น

 “ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิต พวกเรา พวกเราเพียงแค่คิดแทนท่านอ๋องและฝ่าบาทเท่านั้น พระชายาเป็นกุลสตรีสูงศักดิ์ จะเข้าใจเรื่องโรคร้ายได้อย่างไร อย่าเห็นว่านางมีความสามารถเพียงไม่กี่ครั้งแล้วจะจัดการเรื่องนี้แบบหละหลวมได้นะ”

 “ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิต พวกเราแค่พูดตามความจริงเท่านั้น”

เมื่อเฟิ่งชิงหัวเห็นคนพวกนี้มีท่าทางหวาดกลัวทั้งที่เมื่อครู่นี้ยังวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้อย่างสนุกปากก็หันไปพูดกับจ้านเป่ยเซียวว่า “มีเรื่องกับพวกขี้ขลาดพวกนี้ไม่มีอะไรดีเลยสักนิด ข้าบอกว่าไม่ใช่โรคติดต่อก็ไม่ใช่โรคติดต่อสิ คนพวกนี้ตายเพราะพิษ พวกเจ้าเอาตัวพวกเขากลับไปยังสถานที่เก็บศพก่อน แล้วไปตามตัวครอบครัวของพวกเขามา แล้วถามข้อมูลมาก่อนว่าพวกเขาหายตัวกันไปตอนไหน”

 เหยียนหรูชิงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “ในเมื่อพระชายายืนหยัดเช่นนี้ สามารถบอกได้หรือไม่ว่าเหตุใดจึงยืนยันว่านี่ไม่ใช่โรคติดต่อ”

 “ไม่ได้” เฟิ่งชิงหัวยิ้มพลางกล่าวปฏิเสธ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว