ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 24

บทที่ 24 คนไม่กลัวตาย

ขณะที่หม่าหลันกำลังดีใจอยู่นั้น หวังเหวินข่ายก็เอ่ยขึ้นเสียงดัง “คุณน้าคุณอาทั้งหลายอย่างเพิ่งใจร้อน ผมจะเข้าไปพูดคุยกับพวกเขาตอนนี้เลย ทุกคนอยู่รอฟังข่าวดีที่นี่ก็แล้วกัน”

หม่าหลันคิดว่าตอนนี้ตัวเองมีหวังเหวินข่ายหนุนหลังอยู่ ไม่มีใครกล้าหาเรื่องเธอแน่ เธอจึงเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว “เหวินข่าย น้าไปด้วย!”

ด้านเย่เฉินจึงรีบเอ่ยกับหม่าหลัน “คุณแม่ อย่าเข้าไปยุ่งจะดีกว่า หากหวังเหวินข่ายจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ คุณแม่จะเดือดร้อนนะครับ!”

“ถุย!” หม่าหลันเอ่ยอย่างมีน้ำโห “สวะอย่างแกยังกล้าข้องใจกับความสามารถของเหวินข่ายหรือไง?”

คุณลุงคุณป้าคนอื่นล้วนคาดหวังว่าหวังเหวินข่ายจะช่วยพวกเขาเอาเงินกลับคืนมาได้ ตอนนี้เย่เฉินกลับเห็นค้าน แน่นอนสร้างความไม่พอใจให้กับหลายๆคน

เมื่อเผชิญหน้ากับการตำหนิจากคนจำนวนมาก เย่เฉินกลับเอ่ยเสียงเรียบ “คุณแม่รออยู่ตรงนี้ก็ได้ ไม่ต้องเข้าไปยุ่งจะดีที่สุด”

คำเตือนของเย่เฉินไม่เข้าหูหม่าหลันเลยสักนิด เธอจึงด่าทันที “หุบปากเน่าๆของแกซะ! แกมีสิทธ์ที่จะพูดหรือไง?!”

ใบหน้าของหวังเหวินขายจึงเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสพลางเอ่ยเย้ยหยัน “ความสามารถไม่เท่าไหร่ แต่ความขี้อิจฉานี่ไม่เบาเลยนะ คุณคิดว่าผมเหมือนคุณหรือไง เป็นแค่สวะที่ได้แต่แหกปากเรียกร้องปาวๆ?”

เย่เฉินเห็นว่าแม่ยายของตนไม่ฟังคำเตือนจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย “เอาเถอะ อย่างนั้นผมจะรอฟังข่าวดีจากคุณชายหวังก็แล้วกัน”

สำหรับแม่ยายอย่างหม่าหลันนั้น เย่เฉินไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก เธอเห็นแก่เงินเกินไปทว่ามักจะถูกเปลือกนอกบดบังสายตาเสมอ พูดง่ายๆก็คือเป็นผู้หญิงที่มุมมองความคิดคับแคบ

เรื่องในวันนี้ดูผิวเผินอาจเป็นเพียงคดีฉ้อโกงธรรมดา ทว่าหากมองลึกลงไปอีกอีกนิดก็จะรู้ว่ามันมีเบื้องลึกเบื้องหลัง แม่ยายดูไม่ออกแล้วยังจะเอาตัวเข้าไปเสี่ยงอีก เขาเองก็จนปัญญาแล้วปล่อยให้เธอได้รับบทเรียนไปก็แล้วกัน

หม่าหลันจะรู้ได้ยังไงว่าเย่เฉินเตือนด้วยความหวังดี เธอหันไปถลึงตาใส่เขาแล้วรีบเอ่ยแก้ตัวกับหวังเหวินข่าย “เหวินข่าย เรื่องที่ไอ้สวะคนนี้พูด เราอย่าไปใส่ใจเลย น้าเชื่อใจเราแน่นอน……”

หวังเหวินข่ายยกยิ้มอย่างลำพองใจ “ไม่เป็นไรครับคุณน้า ผมไม่ถือสาคนขี้ขลาดหรอกครับ”

พูดจบ เขาก็เอ่ยขึ้นอย่างกระตือรือร้นทันที “คุณน้า เราไปกันเถอะครับ!”

“ไป!”

หวังเหวินข่ายพาหม่าหลันเดินฝ่ากลุ่มคนจนไปหยุดอยู่หน้าประตูของบริษัทประกันภัยหัวซิน

เมื่อทั้งสองคนมาถึงหน้าประตูก็เอ่ยกับพนักงานที่เฝ้าประตูอยู่ทันที “ไปบอกหัวหน้าของพวกคุณให้รีบคืนเงินลุงป้าน้าอาพวกนี้โดยเร็ว ไม่อย่างนั้นผมจะให้ทนายและหน่วยงานความปลอดภัยเข้ามาจัดการ ถึงตอนนั้นทั้งคุณและหัวหน้าของพวกคุณก็จะถูกจับทั้งหมด!”

หม่าหลันที่ยืนอยู่ด้านข้างก็เอ่ยเสริม “ไอ้สุนัขอย่างพวกแกได้ยินไหม? ตอนนี้พวกเรามีคนคอยหนุนหลังแล้ว! ถ้าบริษัทหลอกลวงของพวกแกยังไม่รีบคืนเงินล่ะก็ ระวังคุณชายหวังจะส่งพวกแกเข้าคุกทั้งหมด!”

หัวหน้าพนักงานวัยหนุ่มคนนั้นเริ่มประหม่าจึงรีบเอ่ยขึ้น “ขอโทษด้วยครับ ผมเป็นแค่พนักงานรักษาความปลอดภัย เรื่องธุรกิจไม่ได้เป็นความรับผิดชอบของผม!”

หวังเหวินข่ายเอ่ยเสียงเย็น “อย่างนั้นก็โทรหาเจ้านายของพวกคุณ บอกเขาว่าผมคือหวังเหวินข่ายจากตระกูลหวังแห่งเมืองจินหลิง! บอกให้เขารีบมาจัดการด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นล่ะก็เตรียมรับผลที่จะตามมาได้เลย!”

ระหว่างที่พูดสีหน้าของหวังเหวินข่ายก็เต็มไปด้วยความหยิ่งยโส

ถึงแม้ว่าตระกูลหวังของเขาจะไม่ใช่ตระกูลระดับต้นๆของเมืองจินหลิง ทว่าก็ยังถือว่าอยู่ในระดับกลาง

แค่เจ้าของบริษัทต้มตุ๋นคนหนึ่ง เมื่อได้ยินชื่อของเขาแล้วจะไม่ไว้หน้าเขาเชียวหรือ?

โจวหัวซินยังไม่มีอิทธิพลในเมืองจินหลิงมากนัก ทว่าคนนี้มีข้อดีอย่างหนึ่งก็คือสมองดี คิดหาวิธีชั่วๆได้เก่ง

เขาทำบริษัทนี้มาหลอกเอาเงิน รู้ว่าไม่สามารถควบคุมเมืองจินหลิงที่ใหญ่ขนาดนี้ได้จึงไปขอความช่วยเหลือจากท่านห้า แล้วเอาเงินสกปรกที่ได้ส่วนหนึ่งประเคนให้กับท่านห้า เพื่อให้ท่านห้าคอยคุ้มครอง

ท่านหงห้าเป็นผู้มีอิทธิพลในเมืองจินหลิง แน่นอนว่าสามารถคุ้มครองเขาให้ปลอดภัยได้ และก็เพราะมีท่านหงห้าคอยหนุนหลัง เขาถึงไม่มีอะไรต้องกังวล ธุรกิจฉ้อโกงก็เจริญเติบโตมากขึ้น

ขณะที่โจวหัวซินกำลังดีใจที่ได้รับการหนุนหลังจากท่านห้าลูกน้องเขาก็โทรมา เพิ่งรับสายก็เอ่ยปากทันที “นายครับ เกิดเรื่องแล้ว! มีคนบอกว่าชื่อหวางเหวินข่ายจากตระกูลหวังมาบอกให้พวกเรารีบคืนเงินครับ ไม่อย่างนั้นมันจะจับนายเข้าคุก!”

“ให้ตายเถอะ เกิดเรื่องหรือนี่?”

โจวหัวซินขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะรีบบอกท่านหงห้า “ท่านห้า ด้านล่างมีคนหนึ่งบอกว่ามาจากตระกูลหวังของเมืองจินหลิง กำลังพาคนแก่พวกนั้นมาสร้างความวุ่นวาย! มันบอกว่ามันมีอำนาจในเมืองจินหลิง ให้พวกเรารีบคืนเงินที่โกงมา ไม่อย่างนั้นจะส่งเราเข้าคุก……”

โจวหัวซินตั้งใจใส่สีตีไข่เพื่อยั่วให้ท่านหงห้าโมโห

ขณะที่เอ่ยก็หันไปขอความช่วยเหลือ “ท่านห้า ตระกูลหวังพอมีอิทธิพลในเมืองจินหลิงอยู่บ้าง หากพวกมันไม่ปล่อยผมจริงๆ ผมคงสู้พวกมันไม่ได้ ท่านห้าต้องช่วยผมนะครับ!”

“ตระกูลหวังแห่งเมืองจินหลิงอย่างนั้นหรือ?”

ท่านหงห้าสบถเสียงเย็นยะเยือก “หึ ตระกูลหวังก็แค่ตระกูลเล็กๆ ไม่ได้อยู่ในสายตาฉันเลยสักนิด! คนเป็นผู้นำตระกูลเจอฉันยังต้องทำความเคารพด้วยซ้ำ! ตอนนี้ลูกหลานมันกลับกล้ามามีเรื่องกับฉันอย่างนั้นหรือ สงสัยไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว!”

พูดจบท่านหงห้าก็เก็บบัตรเครดิตที่โจวหัวซินประเคนให้ลงในกระเป๋า จากนั้นก็เอ่ยขึ้น “ไป ฉันจะไปดูสักหน่อยว่าใครกันที่มันไม่กลัวตาย ถึงอยากให้ฉันหงห้าคนนี้คายเงินที่กินเข้าไป!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน