เมื่อได้ยินจงเจิ้งทาวขอร้อง แน่นอนว่าเย่ฉางหมิ่นไม่สามารถปฏิเสธได้ เธอจึงกล่าวว่า“คุณรอเดี๋ยวนะ ฉันจะโทรหาเย่เฉินเดี๋ยวนี้แหละ”
จงเจิ้งทาวถอนหายใจเบาๆหนึ่งครั้ง แล้วพูดอย่างสิ้นหวัง“ได้ครับ งั้นรบกวนคุณด้วยนะฉางหมิ่น”
“ไม่เป็นไร”เย่ฉางหมิ่นพูดปลอบใจว่า“เจิ้งทาว คุณอย่าเสียใจไปเลย ฉันคิดว่าจากนิสัยของเทียนหยู่เขาไม่ค่อยเป็นผู้ใหญ่จริงๆนั่นแหละ ไปดัดนิสัยเขาสักสามปีอาจจะไม่ใช่เรื่องแย่ก็ได้ ปล่อยให้เขาใช้ชีวิตในวงการบันเทิงต่อไป กลัวว่าจะทำให้เขายิ่งเป็นคนที่มีประโยชน์ได้ยากขึ้น”
จงเจิ้งทาวกล่าวอย่างจริงจัง“เห้อ คุณพูดถูก!ผมบอกเขาตั้งนานแล้วว่าให้เขาอย่าทำเรื่องพวกนี้โดยไม่คิด เจ้าเด็กคนนี้พูดยังไงก็ไม่ฟัง ถ้าเขาไม่เข้าวงการนี้ คงไม่ต้องมีเรื่องอย่างทุกวันนี้……”
เย่ฉางหมิ่นจึงกล่าวว่า“เวลาสามปีจะบอกว่าสั้นมันก็ไม่สั้น จะนานก็ไม่นาน เย่เฉินคงอยากจะแค่ดัดนิสัยของเขาเท่านั้น เพราะฉะนั้นจะต้องปกป้องเขาแน่นอน คุณอย่าเป็นห่วงเขามากเกินไปนะคะ”
พูดจบ เย่ฉางหมิ่นก็กล่าวว่า“อีกทั้ง พูดจากจริงนะ อันที่จริงเรื่องมันดำเนินมาถึงตอนนี้ บทสรุปสุดท้ายไม่ถือว่าแย่ ขอแค่ปิดเรื่องนี้ให้มิด อย่าให้รั่วไหลออกไป ศักดิ์ศรีของตระกูลจงก็จะไม่ได้รับผลกระทบ แต่คุณติดต่อกับต้นสังกัดของเขาด้วยนะ เนื่องจากตอนนี้เขาเป็นคนของสาธารณะ จู่ๆหายตัวไปแบบนี้ จะต้องดึงดูดการคาดเดาของผู้คนแน่ๆ ทางที่ดีให้หาเหตุผลที่สมเหตุสมผล บอกกับสาธารณชนด้วย”
จงเจิ้งทาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างสิ้นหวังว่า“งั้นก็ประกาศกับคนภายนอกว่าเขาเตรียมถอนตัวจากวงการเพื่อไปเรียนต่อแล้วกัน เด็กคนนี้วันๆไม่เรียนรู้วิชา ผมคิดจะส่งเขาไปเรียนเมืองนอกสักพัก ไปเรียนต่อปริญญาโทที่ยุโรป เวลาสามปีเท่านั้น แต่สุดท้ายตีให้ตายยังไงเขาก็ไม่ยอมไป ดูตอนนี้สิ ต้องไปอยู่บนเรือสามปี มันต่างจากการไปเรียนวิชาที่ต่างประเทศยังไง?”
เย่ฉางหมิ่นพูดอย่างปลอบใจ“เอาล่ะ คุณอย่าโมโหไปเลย ฉันคิดว่าวิธีของคุณดีมากเลย เดี๋ยวให้เทียนหยู่ประกาศกับต้นสังกัดของเขา บอกว่าเทียนหยู่ตระหนักได้แล้วว่าการเรียนสำคัญกว่า ประกาศถอนตัวออกจากวงการอย่างเป็นทางการ ยังสามารถให้คนหลงเหลือความทรงจำที่ดีว่าไปเรียนต่างประเทศด้วย”
พูดจบ เย่ฉางหมิ่นก็พูดต่อว่า“ถ้าสามปีนี้ ทำให้เทียนหยู่ปล่อยวางนิสัยคุณชายได้ ก็ถือได้ว่ามีความโชคร้ายในความโชคดี”
“ก็ได้ค่ะ”เย่ฉางหมิ่นไม่คิดอะไร แล้วตอบกลับว่า“เอาแบบนี้นะคะ ฉันจะโทรหาเย่เฉินก่อน ดูสิว่าเขาจะให้คุณคุยกับเทียนหยู่ไหม”
“ได้ครับ!”
เย่ฉางหมิ่นวางสาย ด้านหนึ่งก็ให้คนช่วยเธอสวมเสื้อผ้า อีกด้านก็โทรหาเย่เฉิน เธอพูดด้วยน้ำเสียงประจบประแจงว่า“เย่เฉิน เมื่อกี้ฉันคุยกับพ่อของเทียนหยู่แล้วนะ เขาได้ยินว่าจงเทียนหยู่ล่วงเกินขัดแย้งกับนาย ขอโทษด้วยจริงๆนะ ดังนั้นนายจะลงโทษจงเทียนหยู่ เขาไม่มีความเห็นอะไร เนื่องจากเด็กคนนี้ดื้อรั้นมาตั้งแต่เด็ก อบรมสั่งสอนเขาหน่อยก็ถือว่าเป็นเรื่องดี”
เย่เฉินคิดไม่ถึงว่า ผู้เป็นอาที่ขอร้องอ้อนวอนให้จงเทียนหยู่ในสายเมื่อครู่ จะเปลี่ยนแปลงกะทันหันแบบนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
อัพเดตตอนใหม่ทีครับ...
อ่านมาจะ4พันตอนละพระนางยังไม่ำด้กันเลย นิสัยพระเอกก็สุดๆยังดีเนื้อเรื่องสนุก...
อ่านต่อได้ตรงไหนครับ...
สงสารหวังเจิ้งกาง หลังจากมอบบ้านมอบรถให้เย่เฉิน ก้ไม่เห็นเยเฉินพูดถึงเลย เหมือนเป็นตัวประกอบ ตอนแรกๆ 555...
รอตอนต่อไปอยู๋นะครับกำลังสนุกเลย...
รออัพเดตตอนใหม่อยู่นะครับ กำลังสนุกเลย...
ไม่มีอัพเดตแล้วหรือครับ กำลังสนุกเลย...
99% เว็บนี้แปลใกล้เคียงคำพูดของคนไทยที่สุด เสียดายเขาไม่แปลต่อให้ เว็บอื่นเขาไปไกลแล้วแต่แปลเข้าใจยากหน่อย ต้องใช้การเดาเข้าช่วยถึงพอจะเข้าใจ มีเว็บที่เป็นภาษาจีนล้วน ลองใช้โปรแกรมแปลภาษาดู ก็เหมือนเว็บอื่นๆที่ว่า ผลสุดท้ายก็กลับมาอ่านเว็บนี้ต่อ คิดว่าถ้าอ่านจนจบที่เขาแปล ก็คงไปหาอ่านเว็บอื่นต่อ เดาเอา😁...
อัพตอนต่อไปหน่อยครับกำลังสนุกเลย...
il semble que c'est leur fin d'histoire comme ça . merci pour ce temps de lecture,nous aurions préféré un lien d'achat complète du livre hélas . il temps de faire autre chose désormais...