ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 5778

“ไปบริษัทผลิตยาเก้าเสวียน?”

เจมส์ สมิธย้อนถามโดยไม่รู้ตัว และถามด้วยความประหลาดใจ:“ไปทำอะไรที่บริษัทผลิตยาเก้าเสวียนครับ?”

หูเล่อฉีพูดอย่างตื่นเต้น:“มีเพื่อนคนหนึ่ง ช่วยให้ผมกับเสี่ยวหลานได้โควตาทดสอบยาเกิดใหม่เก้าเสวียนทางคลินิก เหมือนว่าเขาจะรู้จักกับผู้บริหารของบริษัทผลิตยาเก้าเสวียน ผมขอให้เขาให้โควตาแก่เสี่ยวจี๋หมี่ แล้วเขาก็ตกลง ตอนนี้พวกเรากำลังรีบไปที่นั่น คุณรีบพาเสี่ยวจี๋หมี่มาที่นี่เถอะ!”

เจมส์ สมิธแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ถามอย่างสงสัยว่า:“พวกคุณสองคนโดนพวกเขาปฏิเสธไปแล้วไม่ใช่เหรอ?เสี่ยวจี๋หมี่ทำคะแนนตามมาตรฐานพวกเขาไม่ได้ เพื่อนคุณเป็นใครมาจากไหนกันแน่?ทำไมมีความสามารถขนาดนี้?”

หูเล่อฉีพูดว่า:“ผมก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน เขาบอกว่าเขาสนิทกับเว่ยเลี่ยงบริษัทผลิตยาเก้าเสวียน แม้ว่าไม่มีอะไรมาพิสูจน์ว่าเขารู้จักประธานเว่ยจริง ๆ แต่ผมรู้สึกว่าเขาไม่ได้ล้อพวกเราเล่น ดังนั้นเรื่องนี้ ผมพอจะมั่นใจ”

“จะเป็นไปได้ไง……”เจมส์ สมิธพูดอย่างจริงจังมากว่า:“เล่อฉี เรื่องราวภายในของบริษัทผลิตยาเก้าเสวียนคุณไม่รู้อีกเยอะ แต่ผมบอกคุณได้ชัดเจนว่า แม้แต่เว่ยเลี่ยง ก็เป็นเพียงตัวแทนเจ้านายที่อยู่เบื้องหลังบริษัทผลิตยาเก้าเสวียน เขาไม่กล้าใช้เส้นสายให้ใครในเรื่องนี้แน่”

หูเล่อฉีพูดว่า:“แต่สิ่งที่เขาพูดนั้นจริงใจมาก ผมไม่คิดว่าเขาจะล้อเล่นกับเรา ยังไงคุณอยู่ที่จินหลิง พวกเราก็กลับมาแล้ว พาเสี่ยวจี๋หมี่มาลองดูกับพวกเราสิ ถึงไม่ได้ผลก็ไม่มีอะไรเสียหาย”

เจมส์ สมิธลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ถามเขาว่า:“เล่อฉี เพื่อนคุณคนนี้ชื่ออะไร?รู้จักกันได้ไง?”

หูเล่อฉีพูดว่า:“เขาชื่อหลินเฉิน พวกเรารู้จักกันตอนเดินป่า”

“หลินเฉิน?”เจมส์ สมิธยิ่งแปลกใจ:“ถ้าคนที่คุณรู้จักชื่อว่าเย่เฉิน เรื่องนี้ก็น่าจะไม่มีปัญหา แต่ว่าหลินเฉิน……ผมไม่เคยได้ยินชื่อนี้……”

พูดไป เจมส์ สมิธก็ถามอีก:“คุณว่าหลินเฉินนี้ น่าจะอายุเท่าไหร่?”

หูเล่อฉีพูดว่า:“"ดูเหมือนว่าจะอายุ 20 ต้น ๆ ”

เจมส์ สมิธพึมพำเสียงเบาอย่างผิดหวัง:“20 ต้น ๆ ……งั้นคงไม่ใช่เย่เฉิน เย่เฉินใกล้จะ 30 แล้ว……”

หูเล่อฉีถามเขาว่า:“คุณสมิธ อาการของจิมมี่เป็นอย่างไรบ้างครับ?”

“ไม่ค่อยดีเท่าไหร่……”เจมส์ สมิธพูดด้วยน้ำเสียงดูแย่:“หมอที่จินหลิงบอกว่า เซลล์มะเร็งของเสี่ยวจี๋หมี่ได้แพร่กระจายไปยังอวัยวะต่าง ๆ และเซลล์มะเร็งก็มีภูมิคุ้มกันต่อเคมีบำบัดแล้ว ทำเคมีบำบัดเสร็จ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นมาก เกรงว่าจะทำได้เพียงรักษาแบบประคับประคองไปเท่านั้น ถ้าเป็นแบบนั้น ปกติแล้วมันเป็นช่วงระยะสุดท้าย……”

เจมส์ สมิธพูดโดยไม่คิดว่า:“ผมเข้าใจแล้ว!”

……

เจมส์ สมิธวางสาย พูดกับเพื่อนในโบสท์ว่า:“ผมมีธุระต้องไปแล้ว ตรงนี้ก็มอบให้พวกคุณล่ะ”

เพื่อนในโบสถ์ ส่วนใหญ่มาจากสหรัฐอเมริกาอย่างสมิธ บางคนมาที่จินหลิงนานแล้ว และด้วยความเชื่อทางศาสนา จึงรู้จักกันในโบสถ์อย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงร่วมกันก่อตั้งองค์กรการกุศลเล็ก ๆ

เจมส์ สมิธก็เป็นชาวคริสต์ หลังจากพาลูกชายมาปักหลักจินหลิง ได้เจอโบสท์ ดังนั้นจึงได้รู้จักกับทุกคน

หลายคนรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของเขา ว่าเขามีลูกชายที่ป่วยหนักกำลังรับเคมีบำบัดที่โรงพยาบาลชุมชนนหลิง แต่ว่ากันว่าเป็นเพียงถ่วงเวลากระบวนการเสียชีวิตเท่านั้น สรุปคือ ลูกชายของสมิธใกล้หมดเวลาแล้ว

ดังนั้น ได้ยินว่าสมิธมีธุระต้องไป หนึ่งในนั้นรีบถามว่า:“เจมส์เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?ให้พวกเราช่วยไหม?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน