ภพนี้ตราบภิรมย์รัก นิยาย บท 101

หลินเมิ่งหวันถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินเสียงสรวลของฮ่องเต้ แต่นางยังคงชันเท้าคุกเข่า จากนั้นจึงเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวลติดรอยยิ้มว่า “เมิ่งหวันมิได้เขลา เมื่อต่อรองได้แล้วย่อมรู้อยู่แก่ใจ จะมาอวดเก่งได้อย่างไรเพคะ เวลานี้เมิ่งหวันถูกรังเกียจ แม้จะเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่มีทางหรอกเพคะที่เมิ่งหวันจะไม่รู้สึกอะไรเลย”

“วันนี้คุณหนูหลี่กับคุณหนูฉีจงใจมาหาเรื่องจริงๆ ดังนั้นย่อมต้องมาขอโทษหม่อมฉันอยู่แล้ว เพียงแต่ หม่อมฉันเป็นคนใจแคบมาแต่ไหนแต่ไร คำขอโทษนี้จึงต้องจริงใจ ไม่ใช่แค่มาเอ่ยขอโทษอย่างขอไปทีแล้วจะจบกัน”

หลินเมิ่งหวันยังไม่ลืมสิ่งที่นางพูดกับหนานมู่ชิงเมื่อครู่นี้ ทั้งยังแสดงท่าทีออกมาอย่างแน่วแน่มั่นคง ว่านางไม่มีทางตบหน้าตัวเอง

ทว่าต่อมา หลินเมิ่งหวันก็ยิ้มให้ฮ่องเต้และฮองเฮาอย่างน่าเอ็นดู “เพียงแต่ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องรองเพคะ”

“หืม?” ฮ่องเต้ทอดพระเนตรหลินเมิ่งหวันด้วยความสนพระทัย “แล้วสิ่งใดเล่าที่เป็นเรื่องสำคัญ”

หลินเมิ่งหวันเอ่ยอย่างนอบน้อมว่า “วันนี้ฮองเฮาทรงจัดงานเลี้ยงชมบุปผา ที่หม่อมฉันได้รับเชิญเข้ามาในวังเช่นนี้นั้น นับเป็นเกียรติอย่างหาที่สุดมิได้ แต่คุณหนูหลี่กับคุณหนูฉีกลับไม่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและรบกวนงานเลี้ยงของฮองเฮา เป็นธรรมดาที่จะต้องขอรับโทษจากฮองเฮา ให้ฮองเฮาทรงลงโทษเพคะ”

“ฮ่าๆๆ ดีมาก!” ฮ่องเต้ทรงพระสรวลอีกครั้ง พระองค์ทรงมองหลินเมิ่งหวันอย่างพึงพอใจและตรัสชมว่า “เป็นเด็กที่ฉลาดเฉลียวมีเหตุมีผลอย่างที่คิด ข้ามองเจ้าไม่ผิดจริงๆ”

“ลุกขึ้นเถิด ผ้าดีๆ เช่นนี้ คุกเข่าไปก็เสียดายของ”

คำกล่าวของฮ่องเต้ทำให้ทุกคนหันกลับมามองชุดของหลินเมิ่งหวันอีกครั้งอย่างอดไม่ได้

ผ้าที่ทำให้ฮ่องเต้ตรัสว่าคุกเข่าแล้วเสียดายของนั้น จะต้องเป็นผ่าที่มีค่าเป็นอย่างยิ่งแน่ๆ

“ขอบพระทัยเพคะ ฝ่าบาท” หลินเมิ่งหวันโน้มศีรษะคำนับนอบน้อมก่อนจะลุกขึ้น

ฮ่องเต้ทรงพยักหน้าอย่างพอใจมากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นจึงหันไปมองฮองเฮาที่อยู่ข้างๆ และตรัสว่า “ฮองเฮา ในเมื่อเมิ่งหวันบอกแล้วว่าเจ้าควรจัดการเรื่องนี้ เช่นนั้นตอนนี้เจ้าก็ตัดสินใจเรื่องนี้เถิด”

ฮองเฮาทรงพยักหน้าและตอบว่า “เพคะ” พลางมองหลินเมิ่งหวันด้วยสายพระเนตรที่ซับซ้อน

เมื่อครู่ตอนที่หลินเมิ่งหวันบอกว่านางไม่คู่ควรกับฉู่โม่หยวน ฮองเฮาทั้งนึกโกรธทั้งพอพระทัย

พระนางรู้ว่าก่อนหน้านี้หลินเมิ่งหวันชอบหลี่จิ่นซูมาโดยตลอด ดังนั้นพระนางจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าหลินเมิ่งหวันอยากใช้โอกาสนี้ในการถอนหมั้น

ฮองเฮาที่ไม่ทรงโปรดหลินเมิ่งหวันย่อมหวังให้งานแต่งยุติลงอยู่แล้ว แต่ในมุมมองของฮองเฮา มีเพียงฉู่โม่หยวนเท่านั้นที่ไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งของหลินเมิ่งหวัน ไม่มีเหตุผลที่หลินเมิ่งหวันจะยกเลิกงานแต่งอยู่แล้ว

แต่ฮองเฮาทรงคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าหลินเมิ่งหวันจะสรรเสริญฉู่โม่หยวน ทั้งยังวางพระนางไว้ในตำแหน่งที่สำคัญที่สุด

แม้ฮองเฮาจะไม่ค่อยพอพระทัยในตัวหลินเมิ่งหวัน แต่พระนางก็ต้องยอมรับว่าเมื่อครู่นี้หลินเมิ่งหวันเอ่ยได้อย่างสง่างามจริงๆ นางไม่เพียงแต่ทำลายความอึดอัดที่มีก่อนหน้านี้ไปจนหมดสิ้น แต่ยังทำให้พระนางรู้สึกสงบลงมากด้วย

บางที... หลินเมิ่งหวันอาจจะไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ก็ได้?

ฮองเฮาระงับความคิดของตน จากนั้นจึงมองสวี่ซื่อและคนอื่นๆ ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นและตรัสว่า “หลี่เล่อหย่าและฉีซือเหมี่ยวมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ไม่ปฏิบัติตามกฎของวัง ให้กักบริเวณสามเดือน ข้าจะให้แม่นมในวังคอยไปอบรมความประพฤติของพวกนาง”

“สวี่ซื่อสอนบุตรสาวไม่เข้มงวด ข้าขอสั่งให้เจ้าพาหลี่เล่อหย่ากับฉีซือเหมี่ยวไปที่จวนหลินเพื่อขอขมาหลินเมิ่งหวันในวันพรุ่งนี้”

หลินเมิ่งหวันรู้สึกเกร็งขึ้นมา นางหันไปมองฮองเฮาโดยไม่รู้ตัวและสบเข้ากับสายพระเนตรอันแหลมคมที่น่าประทับใจ

หลินเมิ่งหวันใจสั่นขึ้นมาอีกครั้ง นางรีบยิ้มอย่างเอาใจและดึงสายตากลับมา แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความปั่นป่วน

เมื่อครู่นี้นางเรียกร้องให้หลี่เล่อหย่ากับฉีซือเหมี่ยวขอโทษอย่างจริงใจ เพื่อให้ทุกคนรู้ว่านางไม่ใช่คนที่ใครจะมาสบประมาทได้ง่ายๆ

แต่ว่าวันนี้ฮองเฮากลับสั่งให้เฉิงเซี่ยงฮูหยินพาฉีซือเหมี่ยวกับหลี่เล่อหย่าไปขอขมานางถึงที่...

หลินเป้ยเหยามองหลินเมิ่งหวันอย่างคาดหวังว่าจะเห็นนางโกรธ จากที่นางรู้จักหลินเมิ่งหวัน สิ่งที่หลินเมิ่งหวันเกลียดที่สุดก็คือคำพูดแดกดันเช่นนี้ ถ้าได้ยินนางจะโต้แย้งทันที

ทว่าตอนนี้หลินเมิ่งหวันกลับชื่นชมการร่ายรำโดยไม่ละสายตาไปไหน ปล่อยหลินเป้ยเหยาทิ้งไว้ข้างๆ นั่นเอง

หลินเป้ยเหยาชะงักและกัดฟันกรอด นางกำถ้วยในมือแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว

แต่นางก็มองไปยังกาสุราบนโต๊ะและพยายามประคองรอยยิ้มเอาไว้ “พี่นี่แย่จริงๆ ที่ไม่เห็นว่าจอกสุราของน้องว่างเปล่า เดี๋ยวพี่ช่วยรินสุราให้น้องเอง”

ว่าแล้วนางจึงเอื้อมมือไปหยิบกาสุรา แต่กลับถูกหลินเมิ่งหวันจับแขนเอาไว้

หลินเมิ่งหวันมองหลินเป้ยเหยาด้วยรอยยิ้มแปลกๆ “หลินเป้ยเหยา เจ้าคิดอะไรอยู่หรือ กลิ่นเหม็นในเหยือกสุรานี่แทบจะฆ่าคนได้ เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าข้าจะไม่ได้กลิ่น”

หลินเป้ยเหยาใจสั่นเล็กน้อย แต่นางกลับมองหลินเมิ่งหวันอย่างประหลาดใจ “น้องเมิ่งหวัน เจ้าพูดอะไรของเจ้า”

“ทั้งหมดนี่เป็นของชั้นดีที่สุดในวัง จะมีกลิ่นเหม็นได้อย่างไร แม้ว่าน้องเมิ่งหวันจะเคยกินอาหารชั้นดีจากจวนฉินมาก แต่ก็ไม่ควรหยามเกียรติของจากในวังเช่นนี้”

หลินเป้ยเหยาจงใจเร่งเสียงให้ดังขึ้น นางพยายามออกแรงเพื่อให้แขนของตนหลุดพ้นจากการเกาะกุมของหลินเมิ่งหวัน ทำให้ทั้งตัวยื่นเข้าไปบนโต๊ะตรงหน้า

เฉินเซียงเห็นดังนั้นจึงรีบคว้าไหล่ของหลินเป้ยเหยาทันที ความเจ็บปวดรวดร้าวทำให้หลินเป้ยเหยากรีดร้องออกมา และนางก็เคลื่อนไหวไม่ได้อีก

แม้ว่าเสียงดนตรีและการร่ายรำจะดำเนินอยู่ แต่ผู้ที่อยู่รอบๆ ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องที่แผดขึ้นมาอย่างกะทันหันได้อย่างชัดเจน

ทุกคนพากันหันมามอง ฮ่องเต้และฮองเฮาที่นั่งอยู่ด้านบนก็สังเกตเห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้นบนโต๊ะอาหารและหันมาทอดพระเนตรเช่นกัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก