หลินเมิ่งหวันยิ้มอย่างโหดร้าย นัยน์ตาสีเข้มเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
หลี่อี๋เหนียงสีหน้าซีดขาวและตัวสั่นสะท้าน
เมื่อเห็นสีหน้าที่เขียวปั้ดของผู้คนในจวนฉินและหลินฮูหยินใหญ่ หลี่อี๋เหนียงก็รู้สึกว่าทุกคนกำลังจะพุ่งเข้ามาฉีกนางเป็นชิ้นๆ !
หลินเมิ่งหวันก้มลงมองหลี่จิ่นซู “ยังมีอะไรจะพูดอีก? พูด! ”
คำพูดที่เย็นชาทำให้หลี่จิ่นซูตัวสั่น
“ไม่มี ไม่มีอะไรแล้ว”
“หืม?”
หลินเมิ่งหวันขึ้นเสียง สายตาเยือกเย็น
“ท่านอาบอกว่า หากข้าแต่งงานกับเจ้า ก็จะรุ่งโรจน์......”
“ฝันกลางวันไปเถอะ! ข้าจะตีเจ้าให้ตาย ไอ้ชั่ว! ”
ฉินจิ้งเจาไม่สามารถระงับความโกรธได้อีกต่อไป และรีบลุกขึ้นไปต่อยหน้าหลี่จิ่นซู
หลี่จิ่นซูร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ล้มลงบนพื้นอย่างรุนแรง ถุยฟันออกมาสองซี่ และสลบไปอีกครั้ง
ฉินจิ้งเจาคว้าคอเสื้อของหลี่จิ่นซู และจะลงมืออีกครั้ง ฉินฉางซูก้าวไปข้างหน้า คว้าข้อมือของเขาแล้วส่ายหน้าให้เขา
ที่นี่คือจวนหลินซ่างซู จะหุนหันพลันแล่นไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น หลี่จิ่นซูเป็นบุตรชายของหลี่เฉิงเซี่ยง
หากฉินจิ้งเจาทำร้ายเขา คงไม่จบลงด้วยดี
บรรยากาศสงบนิ่งไปชั่วขณะ แต่เสียงที่อึมครึมก็ดังขึ้นมาทำลายความเงียบสงบ
“ไม่ใช่เช่นนั้น! ”
หลินเป้ยเหยาคลานเข่าไปข้างหน้า พร้อมกับร้องไห้ราวกับดอกสาลี่ต้องหยาดฝน นางโขกศีรษะให้ฉู่โม่หยวน
“จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย ท่านได้โปรดตรวจสอบให้กระจ่าง ท่านอย่าฟังเขาพูดจาไร้สาระ ไม่ใช่เช่นนั้นเลย”
“พวกเราไม่ได้ทำ ทุกอย่างที่เขาพูดล้วนเป็นเรื่องไร้สาระ”
“เป็นเขาที่อยากได้น้องเมิ่งหวัน และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับน้องเมิ่งหวัน......”
“ชั่วช้า! ยังไม่หุบปากอีก!”
หลินฮูหยินใหญ่ร้องตะโกนด้วยความโกรธอีกครั้ง แทบอยากจะโยนหลินเป้ยเหยาออกไปและไม่อยากรู้จักคนโง่เขลาผู้นี้
หลี่จิ่นซูหมดสติไปก็ช่าง หรือว่าหลินเป้ยเหยายังอยากจะโต้แย้งว่าใครถูกใครผิด?
เดิมทีเรื่องเช่นนี้ก็ไม่ชัดเจน และแม้ว่าจะชัดเจนแล้ว หากหลานชายทำร้ายท่านอาและลูกพี่ลูกน้อง นางจะยังมีหน้ามีตาอยู่อีกหรือ?
อีกอย่างการกล่าวว่าหลี่จิ่นซูมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหลินเมิ่งหวันต่อหน้าฉู่โม่หยวน นี่ไม่เป็นการทำลายชื่อเสียงของหลินเมิ่งหวันหรือ? !
หน้าอกของหลินฮูหยินใหญ่สั่นไหวอย่างรุนแรง และโกรธจนแทบยืนไม่อยู่
หลินเมิ่งหวันมองไปที่หลี่จิ่นซูที่อยู่บนพื้น และหลินเป้ยเหยาที่ถูกแม่นมหลี่จับตัวไว้ นางเม้มริมฝีปากแน่นและนัยน์ตาลึกล้ำ
หลินเมิ่งหวันไม่คิดเลยว่า “มิตรภาพ” ระหว่างหลินเป้ยเหยากับหลี่จิ่นซูจะเปราะบางเช่นนี้
ชาติที่แล้วของนาง ถูกพวกเขาหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อีกอย่างหลี่จิ่นซู “หักหลัง” หลินเป้ยเหยาอย่างง่ายดาย และไม่ปรานีเลยแม้แต่น้อย
แต่ในชาติที่แล้วของตนเอง คิดว่าหลี่จิ่นซูเป็นคนที่มีพรสวรรค์ มีความทะเยอทะยาน และเป็นคนที่เข้มแข็ง
นางช่างโง่จนเกินเยียวยาจริงๆ !
แต่ในชาตินี้ ไม่มีอีกแล้ว
หลินฮูหยินใหญ่สูดหายใจเข้าลึกๆ และพยายามระงับความโกรธของตนเอง
นางมองไปที่ฉู่โม่หยวนและกล่าวว่า “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย เรื่องนี่เป็นเรื่องในครอบครัวของจวนหลิน ให้ข้าจัดการเถอะ”
ฉู่โม่หยวนหันไปมองหลินเมิ่งหวันโดยไม่รู้ตัว และอยากดูความคิดเห็นของนาง
แต่เมื่อเห็นนัยน์ตาที่ล้ำลึกของหลินเมิ่งหวัน ฉู่โม่หยวนก็ตกตะลึงเล็กน้อย
ทำไมคนตรงหน้าที่เห็นได้ชัดว่าเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง แต่นัยน์ตาของนางดูเหมือนผ่านโลกมาอย่างโชกโชนและเต็มไปด้วยความเจ็บปวด?
เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ หลินเมิ่งหวันก็เดาได้ไม่ยากว่าฉู่โม่หยวนต้องหึงหวงอย่างแน่นอน
ฉู่โม่หยวนเป็นจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยผู้สูงส่ง ควบคุมดูแลหน่อยสืบสวน ทำไมถึงใส่ใจปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ในครอบครัวของขุนนาง?
ตอนนี้ฉู่โม่หยวนบอกว่าต้องการพาหลี่จิ่นซูและหลินเป้ยเหยาไปสอบสวนที่หน่วนสืบสวน นี่เป็นการให้เกียรติจวนหลิน และให้ความสำคัญกับนาง!
แต่จวนหลินปฏิเสธเจตนาดีของฉู่โม่หยวน และนางยังบอกฉู่โม่หยวนอีกว่า “ไฟในอย่านำออกไฟนอกอย่านำเข้า” …...
หลินเมิ่งหวันที่รู้สึกตัวกลับมา แทบอยากจะตีตนเองอย่างแรง
ในตอนนี้นางยังไม่ได้รับความไว้วางใจจากฉู่โม่หยวนอย่างเต็มที่ แล้วทำไมถึงยังทำเรื่องที่ทำให้ฉู่โม่หยวนเข้าใจผิด?
ทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก อากาศดูเหมือนจะคลุมเครือในทันทีทันใด
ฉู่โม่หยวนหายใจถี่และอยากจะอยู่ให้ห่างจากหลินเมิ่งหวัน
แต่หลินเมิ่งหวันก้าวถอยหลัง คารวะฉู่โม่หยวนด้วยความเคารพ
“จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย เมิ่งหวันรู้ดีว่าท่านเต็มใจที่จะยืนมือมาช่วย ถือว่าเป็นเกียรติของจวนหลิน แต่จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยได้โปรดเห็นใจเมิ่งหวัน ทรงอย่าทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เลยเพคะ”
ฉู่โม่หยวนขมวดคิ้วลึกๆ สีหน้าหม่นหมอง
หลินเมิ่งหวันกล่าวอย่างจริงจังว่า “ก่อนหน้านี้คำพูดและการกระทำของเมิ่งหวันไม่เหมาะสม ในตอนนี้เมิ่งหวันเพียงแค่หวังว่าเรื่องเหล่านั้นจะจางหายไป และไม่ต้องเกี่ยวข้องกับหลี่จิ่นซูอีก”
“อีกอย่างฝ่าบาทก็ทรงมีพระราชโองการกำหนดวันอภิเษกสมรสของเราแล้ว ในตอนนี้คำพูดและการกระทำของข้า ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อจวนหลินของตนเอง แต่ยังส่งผลกระทบต่อจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยและราชวงศ์ด้วย”
ฉู่โม่หยวนใจเต้นแรง และความเยือกเย็นในแววตาของเขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว
หลินเมิ่งหวันไม่ยอมให้ตนเองพาตัวหลี่จิ่นซูไป ไม่ใช่เพื่อปกป้องหลี่จิ่นซู แต่เพื่อปกป้องไม่ให้เขาถูกติฉินนินทาหรือ?
การรับรู้นี้ทำให้หัวใจของฉู่โม่หยวนเต้นแรงอยู่ครู่หนึ่ง และความรู้สึกหวานๆ ก็ปรากฏขึ้นโดยไม่รู้ตัว
หลินเมิ่งหวันกล่าวในเวลาที่เหมาะสมว่า “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย ท่านออกมาอย่างกะทันหัน ท่านย่าและท่านตาเป็นห่วงมาก ใกล้จะถึงเวลามื้อเที่ยงแล้ว เช่นนั้นท่านอยู่เสวยอาหารที่จวนก่อนจะดีกว่า”
“อีกอย่างท่านอยู่ที่นี่ ยังสามารถกดดันให้ท่านย่าลงโทษหลี่จิ่นซูกับหลินเป้ยเหยาได้ด้วย เพื่อที่พวกเขาทั้งสองคนจะได้จิตใจไม่สงบทั้งวัน”
รอยยิ้มผุดขึ้นในดวงตาสีดำของฉู่โม่หยวน
หลินเมิ่งหวันยิ้มให้เขาอย่างลึกลับ “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย หากท่านช่วยข้า ข้าจะมอบสิ่งดีๆ ให้ท่าน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก