ฉู่โม่หยวนเลิกคิ้ว “สิ่งดีๆ อะไร?”
เขานึกถึงสัมผัสที่นุ่มนวลบนริมฝีปากอันอบอุ่นในวันนั้น และเม้มริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว
หญิงผู้นี้กล้าหาญมาแต่ไหนแต่ไร คงจะไม่จูบเขาอีกใช่หรือไม่?
คราวก่อนหลังจากที่นางแสดง “ความจงรักภักดี” กับตนเอง นางก็ลงมือปฏิบัติจริง
เมื่อคิดเช่นนี้ ฉู่โม่หยวนก็จิตใจฟุ้งซ่าน
หลินเมิ่งหวันยื่นกำปั้นออกไปหาเขา ครู่ต่อมามือเล็กๆ อันขาวผ่องเหยียดออก พู่ดาบสีน้ำเงินเข้มห้อยอยู่ในมือเล็กๆ ของนาง
“นี่”
หลินเมิ่งหวันยิ้มและพูดอย่างอ่อนหวาน “ข้าทำเอง”
แม้ว่าใบหน้าของหลินเมิ่งหวันจะนิ่งสงบ แต่เมื่อพูดคำนี้ออกมา หัวใจของนางก็เต้นเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว แก้มร้อนผ่าวเล็กน้อย และรู้สึกประหม่า
พู่ดาบนี้เป็นสิ่งที่นางอดตาหลับขับตานอนทำขึ้นหลังจากกลับมาที่ห้องเมื่อคืน
ไม่ว่าชาติที่แล้วหรือชาตินี้ หลินเมิ่งหวันล้วนไม่เคยมอบสิ่งใดให้ฉู่โม่หยวนเลย
แต่นางคิดว่าจะเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ นางจะปฏิบัติต่อฉู่โม่หยวนเป็นอย่างดี และชดใช้สิ่งที่ตนเอง “ติดค้าง” ให้กับฉู่โม่หยวน
นัยน์ตาของฉู่โม่หยวนดูเหมือนจะสว่างขึ้นในทันที และยื่นมือออกไปรับโดยไม่รู้ตัว
บนพู่ดาบสีน้ำเงินเข้มเป็นแผ่นหยกไขมันแกะชิ้นหนึ่ง แวววาวและชุ่มชื่น
แต่เมื่อมองดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก็ไม่ยากที่จะเห็นว่าฝีมือการทำพู่ดาบนี้ไม่ค่อยประณีตนัก
แต่ รอยยิ้มก็ผุดขึ้นในดวงตาลึกๆ ของฉู่โม่หยวน
เขารู้ว่าหลินเมิ่งหวันไม่ถนัดงานเย็บปักถักร้อย
พู่ดาบนี้ไม่ค่อยประณีตนัก ทำให้ฉู่โม่หยวนเชื่อว่าหลินเมิ่งหวันทำเอง
“รับของขวัญของข้าแล้ว ถือว่ารับปากจะช่วยข้าแล้ว?”
หลินเมิ่งหวันมองดูสีหน้าท่าทางของฉู่โม่หยวน ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ฉู่โม่หยวนเลิกคิ้ว และในชั่วพริบตาเดียวก็ยื่นมือออกมาดึงหลินเมิ่งหวันเข้ามาในอ้อมแขน
“อ้า ท่าน......”
“ข้าจะพาเมิ่งหวันออกไปทานอาหาร แล้วตอนเย็นจะพานางกลับมาส่ง”
เสียงต่ำเข้ามาในหู หลินเมิ่งหวันตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันหน้าหนีในทันที
เมื่อเห็นหลินฮูหยินใหญ่ และฉินชิงรุ่ย รวมทั้งบรรดาพี่ๆ ของหลินเมิ่งหวัน ที่ไม่รู้ว่าพวกเขาปรากฏตัวอยู่ข้างหลังนางตั้งแต่เมื่อไหร่ และตอนนี้ต่างก็จ้องมองมาที่พวกเขา
แก้มของหลินเมิ่งหวันแดงก่ำอย่างรวดเร็ว จนเกือบจะไหม้
นางต้องการออกมาจากอ้อมแขนของฉู่โม่หยวนตามสัญชาตญาณ
แต่แขนที่แข็งแรงจับหลินเมิ่งหวันไว้แน่น ทำให้นางไม่สามารถหนีได้
หลินเมิ่งหวันกลืนน้ำลาย และทำได้เพียงซุกหน้าไว้ที่อกของฉู่โม่หยวน
ช่างน่าอายจริงๆ เลย......
แม้ว่าเมื่อคืนนางจะจูบฉู่โม่หยวน แต่ก็เป็นเพราะนางเพิ่งเกิดใหม่และตื่นตระหนก
ประกอบกับไม่มีใครเห็น นางถึงได้ใจกล้าเช่นนี้
แต่ตอนนี้ญาติๆ ของนางล้วนอยู่ที่นี่ หญิงสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือนเช่นนาง กอดกับฉู่โม่หยวน ระเบียบแบบแผนอะไรกัน
หลินเมิ่งหวันหน้าแดงก่ำจนเกือบจะเลือดออก และไม่ได้สังเกตว่ามุมปากของฉู่โม่หยวนยกขึ้นอย่างมีความสุข
“หลี่จินซูกับหลินเป้ยเหยา หลินฮูหยินใหญ่จัดการเถอะ”
ทิ้งประโยคนี้ไว้ แล้วฉู่โม่หยวนก็อุ้มหลินเมิ่งหวันเหาะขึ้นไป ปล่อยให้ผู้คนตกตะลึงอยู่ข้างหลัง
ระหว่างขึ้นๆ ลงๆ ฉู่โม่หยวนก็อุ้มหลินเมิ่งหวันไปขึ้นม้า และตรงออกไปจากจวนหลิน
เสียงลมพัดข้างๆ หู หัวใจของหลินเมิ่งหวันเต้นเร็ว
แต่เมื่อตระหนักได้ว่าออกจากจวนแล้ว แก้มที่ร้อนผ่าวของหลินเมิ่งหวันก็ลดลง
“ท่านจะพาข้าไปไหน?”
มือเล็กๆ ของนางจับเสื้อคลุมของฉู่โม่หยวนไว้ แล้วเงยหน้าขึ้นไปมองเขา
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉู่โม่หยวนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ไปที่ไหน?
พูดตามตรงว่าเขาพาหลินเมิ่งหวันออกมา แต่จริงๆ แล้วก็ยังไม่ได้คิดว่าจะพานางไปทำอะไร
“คุณหนูใหญ่ นี่เป็นเครื่องประดับที่ดีที่สุดในร้านขอรับ”
สีหน้าของเถ้าแก่ดูเคารพและยิ้มอย่างอบอุ่น
หลินเมิ่งหวันกวาดสายตามอง และไม่สนใจมากนัก
แต่นางหันไปมองฉู่โม่หยวนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะข้างๆ และพูดด้วยรอยยิ้ม “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย ช่วยข้าเลือกหน่อย”
จวนฉินได้ของดีอะไรมา ท่านตา ท่านลุง และบรรดาพี่ๆ ของหลินเมิ่งหวัน ล้วนส่งมอบให้กับนางในทันที
ดังนั้นเครื่องประดับที่ขายในหอเจินเป่าเหล่านี้ แน่นอนว่าล้วนเทียบไม่ได้กับของล้ำค่าที่อยู่ในมือของหลินเมิ่งหวัน
แต่หลินเมิ่งหวันชอบเดินเล่น บางครั้งจะมาเลือกสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ด้วยตัวเอง และเถ้าแก่ก็รับใช้อย่างเต็มที่
โดยเฉพาะวันนี้ หลินเมิ่งหวันมีเจตนาอื่นแอบแฝง
การซื้อเครื่องประดับในวันนี้เป็นเรื่องรอง จุดประสงค์หลักของหลินเมิ่งหวันคือการเข้ากันได้ดีกับฉู่โม่หยวน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เถ้าแก่ก็จิตใจไม่สงบ และเหลือบมองที่ฉู่โม่หยวนโดยไม่รู้ตัว
ในขณะที่ฉู่โม่หยวนเดินเข้ามา บนใบหน้าไม่มีรอยยิ้มเลยแม้แต่น้อย
เมื่อหลินเมิ่งหวันร้องขอเช่นนี้ เถ้าแก่ก็ปาดเหงื่อแทนหลินเมิ่งหวัน
แต่หลินเมิ่งหวันกลับมองไปที่ฉู่โม่หยวนอย่างนิ่งสงบ
นัยน์ตาสีขาวดำคู่นั้นของนางเปล่งประกายราวกับดวงดาว เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเต็มไปด้วยการเฝ้ารอ
ฉู่โม่หยวนไม่อยากเห็นสีหน้าที่ผิดหวังของนางอย่างอธิบายไม่ถูก
“ได้”
เถ้าแก่เบิกตากว้างด้วยความตกใจและคิดว่าตนเองหูฝาด
แต่ในชั่วพริบตาเดียว ฉู่โม่หยวนก็มาถึงข้างหน้าแล้ว
เถ้าแก่ตัวเกร็งโดยไม่รู้ตัว และไม่กล้าหายใจแรง
กล่องผ้าไหมข้างหน้าเหล่านี้ มีเครื่องประดับทุกชนิด ส่วนใหญ่เป็นทองคำฝังทับทิม ล้ำค่าและงดงาม
เห็นได้ชัดว่าเถ้าแก่รู้ว่าวันนี้หลินเมิ่งหวันมาเลือกเครื่องประดับสำหรับงานแต่งงานอันยิ่งใหญ่ ดังนั้นจึงตั้งใจนำของสำหรับงานมงคลออกมาด้วย
แต่สายตาของฉู่โม่หยวนถูกดึงดูดโดยกำไลข้อมืออันแวววาวคู่หนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก