ภพนี้ตราบภิรมย์รัก นิยาย บท 146

จิตใจของฉู่โม่หยวนเรียกร้องอย่างลนลานให้เขาจะทะยานตัวออกไปทันควัน ทว่าชายชุดดำทั้งสี่ได้ปิดล้อมไว้ซึ่งทำให้เขาในตอนนี้หมดหนทางที่จะหลบหนีเอาตัวรอดได้

“น้องเมิ่งหวัน!”

ฉินจิ้งเจาร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ พลางกระโดดเตะเข้าไปตรงใบหน้าของชายชุดดำอย่างแรง สายตาแดงก่ำจ้องมองมาที่หลินเมิ่งหวัน

ฉินฉางซูและคนอื่นๆ ต่างเหลือบมองไปที่หลินเมิ่งหวันอย่างวิตกกังวลเช่นเดียวกัน ซึ่งต่างไร้หนทางที่จะหลบหนีอย่างสิ้นเชิง

แต่ว่าฉินจิ้งเจามิได้รีรอให้หลินเมิ่งหวันมาช่วย พลางสะบัดแส้ยาวที่หอบเอาเกลียวลมออกไปและฟาดเข้าตรงหน้าของชายชุดดำอย่างแรง

“ฟับ” เสียงฟาดอย่างแรง ชายชุดดำร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดแล้วล้มฟุบลงไปกับพื้น ผิวหนังบริเวณแก้มฉีกออกเป็นรอยปริฉกรรจ์

ฉู่โม่หยวนกวัดแกว่งดาบเข้าต่อสู้กับทั้งสี่คนที่เข้ามา แล้วโผนตัวด้วยคมดาบเข้าไปที่ชายชุดดำคนนั้น

ในใจฉินจิ้งเจารู้สึกยินดีพลางมองชื่นชมหลินเมิ่งหวัน แต่กลับได้ยินเสียงของหลินเมิ่งหวันตะโกนว่า “ระวังข้างหลัง!”

ฉินจิ้งเจางุนงงก่อนที่จะเอี้ยวตัวไปด้านหลังในทันที มีดยาวของชายชุดดำได้แทงไปที่แขนซ้ายของเขาและฟันลงไปอย่างแรง

ลมเย็นโชยพัดมา ทำให้แขนเสื้อของฉินจิ้งเจาขาดสะบั้นลงทันที

ฉินจิ้งเจาสะดุ้งตกใจ ส่วนหลินเมิ่งหวันหัวใจก็หล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่มเช่นกัน นางสะบัดแส้ออกไปอย่างแรง ราวกับงูที่พุ่งกระโจนตัวออกไป แล้วเข้าพันรัดไปที่คอของชายชุดดำไว้อย่างแน่น ก่อนที่จะถูกหลินเมิ่งหวันกระชากโซเซไปมา

เมื่อฉินจิ้งเจาได้สติก็คว้าจับข้อมือของชายชุดดำไว้เพื่อให้ดิ้นไม่หลุด ก่อนที่จะแย่งดาบยาวของเขามาและแทงทะลุเข้าไปตรงท้องของชายชุดดำนั้น

ในขณะเดียวกัน ฉินฉางซูและคนอื่นๆ ต่างสามารถเอาชนะชายชุดดำเหล่านั้นที่เข้ามาโจมตีได้ ก่อนจะกุลีกุจอกันเข้าไปข้างกายของหลินเมิ่งหวัน

“ถอยกลับ!” ชายชุดดำแผดเสียงตะโกน ก่อนที่ถอยหลบหนีปอย่างรวดเร็ว

“เป็นเยี่ยงไรบ้าง? ได้รับบาดเจ็บหรือไม่?” ฉินฉางซูตะโกนด้วยความกังวล ทุกคนต่างมองดูหลินเมิ่งหวันด้วยความเป็นห่วง

เสวียนยีกระชากชายชุดดำคนหนึ่งไปคุกเข่าตรงหน้าฉู่โม่หยวน “เจ้านายขอรับ ยังเหลือเจ้านี่ที่ยังมีชีวิตรอดอยู่”

เลือดสีแดงปกคลุมไปทั่วร่างของเสวียนยี สีหน้าเย็นชา แต่ชายชุดดำข้างกายเขาถูกตีจนสะบักสะบอม คางแตก ถูกตัดเอ็นข้อมือ เอ็นข้อเท้า แม้นอยากจะตายก็มิอาจตายได้

ฉู่โม่หยวนมองเขาด้วยสายตาเย็นยะเยือก “พาตัวไปสำนักตรวจการ!”

เขาจะต้องหาข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ให้จงได้!

“ขอรับ!” เสวียนยีตอบรับคำสั่ง ก่อนที่จะนำตัวชายชุดดำไปทันที

ฉินฉางซูแสดงสีหน้าเคร่งขรึม “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย ข้าคิดว่าเรามิควรพำนักอยู่ที่นี้นานเกินไป เร่งกลับเมืองหลวงโดยเร็วยิ่งดี ”

ฉู่โม่หยวนพยักหน้า

รถม้าพวกเขาถูกทำลายเสียหาย ม้าเองก็ตื่นตระหนกตกใจเสียจนล้มตายไปหลายตัว โชคดีที่ตามกลับมาได้ส่วนหนึ่ง แต่จะมีสักกี่ตัวที่ยังคงใช้งานได้

พวกเขาทั้งหลายกระโดดขึ้นขี่ม้าแล้วเร่งรีบกลับเข้าเมืองไป

หลินเมิ่งหวันในตอนนี้อยู่ในอ้อมอกของฉู่โม่หยวน เปลือกตาของนางกระตุกตลอดเวลา ความกังวลในใจยังคงตามหลอกหลอนมิคลาย

มิใช่เรื่องยากที่จะรู้ตัวตนของพวกเขา หลินเมิ่งหวันไม่เชื่อโดยเด็ดขาดว่าชายชุดดำเหล่านี้ไร้ต้นตอที่มา

ชายชุดดำเหล่านี้ดูท่าทีเหี้ยมโหด แต่ฝีมือการใช้อาวุธของพวกเขานับว่ายังด้อยชั้นอยู่ อีกทั้งยังมิได้กระหายสงครามแต่อย่างใด

จากการต่อสู้นี้ ชายชุดดำมิได้รับผลประโยชน์อันใดในการบุกโจมตีเลยมิใช่หรือ?

จุดประสงค์ของคนที่อยู่เบื้องหลังชายชุดดำเหล่านี้แท้จริงแล้วคืออันใดกันแน่?

หลินเมิ่งหวันรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง นางมิคิดว่าเรื่องมันจะลงเอยง่ายดายเยี่ยงนี้ แต่ทว่านางก็มิอาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดใดขึ้นอีกต่อไป

“ฟิ้ว......” 

“ฟิ้ว......”

“ฟิ้ว......”

เสียงอาวุธมีคมเจาะทะลุผ่านอากาศมาอย่างฉับพลัน หลินเมิ่งหวันหันมองดูฝนธนูที่บินมาทั่วทุกสารทิศ

“ระวัง!”

นางแผดเสียงร้องด้วยความตกใจ พลางถลาเข้าโอบกอดฉู่โม่หยวนไว้ด้วยสัญชาตญาณเพื่อกำบังเขาไว้

ในใจฉู่โม่หยวนกลับหยุดชะงักไปในบัดดล

แต่เมื่อก่อนฉู่โม่หยวนก็เคยถูกลอบสังหารในช่วงยามนี้เช่นเดียวกัน?!

หลินเมิ่งหวันไม่มีเวลามาครุ่นคิดแล้ว นางจึงฉีกชายเสื้อของฉู่โม่หยวนทันที

“ข้าจะดึงธนูออกให้เจ้า อดทนหน่อยได้หรือไม่”

ตอนนี้พิษยังไม่แพร่กระจาย หากว่านางสามารถจัดการได้ทันเวลา อาการของฉู่โม่หยวนกอาจจะดีขึ้น

ฉู่โม่หยวนพยักหน้า มองหลินเมิ่งหวันใช้ผ้าพันลูกธนูนั้น ดวงตาดำขลับของฉู่โม่หยวนก็เริ่มหรี่ลง

ลูกธนูนี้มีพิษ

ครู่ต่อมา หลินเมิ่งหวันใช้แรงเพื่อดึงลูกธนูให้ออกมา

ความเจ็บปวดแสนรุนแรงทำให้ฉู่โม่หยวนเชื่องช้า แต่เขากัดขากรรไกรไว้อย่างแน่นเพื่อไม่ให้มีเสียงหลุดลอดออกมา

เมื่อลูกธนูถูกดึงออก เลือดก็ไหลทะลัก เผยให้เห็นปากแผลหนึ่งบนแขนขวาของฉู่โม่หยวน

หลินเมิ่งหวันทิ้งลูกธนูลงพื้นอย่างไม่สงสัยลังเลทันที แล้วก้มตัวลงกดบริเวณแผลของฉู่โม่หยวนก่อนที่จะใช้แรงดูดลงไปบนแผลนั้น

การดึงลูกธนูคือขั้นตอนแรก นางจำเป็นต้องดูดเลือดที่มีพิษออกมาถึงจะช่วยยับยั้งการแพร่กระจายของพิษได้

ใจของฉู่โม่หยวนสั่นเทาเป็นอย่างยิ่งพลางใช้แรงผลักหลินเมิ่งหวันแล้วตะโกนว่า “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ!”

หลินเมิ่งหวันรู้ดีว่าธนูนี้มีพิษ เหตุใดถึงยังจะทำเรื่องที่เสี่ยงอันตรายเยี่ยงนี้อีกเล่า? !

หากว่าไม่ระวังหลินเมิ่งเหวินก็อาจจะโดนพิษไปด้วย!

แต่ทว่ายังมิได้รอคำตอบจากหลินเมิ่งหวัน อาการวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรงก็แผ่ซ่านเข้ามา ภายในกระเพาะของฉู่โม่หยวนเกิดอาการชักเกร็ง หัวใจเต้นแรงอย่างผิดปกติ และเริ่มจะหายใจติดขัดชั่วขณะ

ภาพตรงหน้าของเขาเริ่มมืดสนิท ร่างกายกำลังจะร่วงลงไปกับพื้น

“จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย!” ทุกคนต่างร้องตะโกนด้วยความตกใจ ภายในใจของหลินเมิ่งหวันร้องเตือนด้วยความลนลาน

นางไม่สนใจสิ่งอื่นใดนอกจากรีบคายเลือดที่มีพิษออกมาโดยมิรอช้า ก่อนที่จะโน้มตัวลงไปดูดซ้ำอีกครั้ง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก