แก้มของหลินซ่างซูร้อนผ่าว
เขาทั้งโกรธทั้งกังวลเมื่อได้ยินคำพูดของเหลียงโม่เฉียง นึกอยากจะสั่งสอนบทเรียนโหดๆ ให้หลินเมิ่งหวัน ไหนเลยจะคิดเตือนเหลียงโม่เฉียง
เมื่อหลินฮูหยินใหญ่เห็นปฏิกิริยาของหลินซ่างซู นางจึงเอื้อมมือไปทุบเขาอย่างโมโห “ไม่ว่าคำพูดกับการกระทำของเมิ่งหวันจะเป็นอย่างไร นางก็ยังเป็นบุตรสาวของเจ้า เมื่อเกิดเรื่องขึ้นเจ้าต้องอบรมนางและต้องปกป้องนางก่อนใครด้วย”
“ไม่แปลกใจเลยที่วันนี้เมิ่งหวันจะโกรธ ข้าเองก็โกรธเหมือนกัน เจ้ารีบไปขอโทษเมิ่งหวันเดี๋ยวนี้!”
“ให้ข้าไปขอโทษงั้นหรือ” หลินซ่างซูขมวดคิ้วมองหลินฮูหยินใหญ่ “ข้าเป็นบิดาของเมิ่งหวัน จะไปขอโทษนางได้อย่างไร”
หลินฮูหยินใหญ่หยิบถ้วยชาบนโต๊ะมาปาลงไป “หรือเจ้าคิดจะทำร้ายจิตใจของเมิ่งหวันจริงๆ”
หลินซ่างซูขมวดคิ้วมุ่นและนิ่งเงียบ ทันใดนั้นหลินฮูหยินใหญ่ก็รู้สึกเหนื่อยใจขึ้นมา
“งั้นก็เอาเถอะ แล้วกันไป... ถ้าเจ้าไม่ไปขอโทษ ต่อไปก็อย่ามายุ่งเรื่องของเมิ่งหวันอีก แม่นมจาง สั่งให้ในครัวตุ๋นรังนกไป่เหอให้เมิ่งหวัน จะปล่อยให้นางโกรธจนเสียสุขภาพไม่ได้”
หลินฮูหยินใหญ่เอ่ยปากอย่างเหนื่อยล้าและไม่สนใจหลินซ่างซูอีก ให้แม่นมหลี่ที่อยู่ข้างกายประคองนางเข้าไปในห้อง
คิ้วของหลินซ่างซูขมวดกันจนเป็นปม “ท่านแม่ ทั้งหมดเป็นเพราะท่านแม่ให้ท้ายจนเมิ่งหวันนิสัยเสียนะขอรับ”
“ไสหัวไปซะ!”
น้ำเสียงที่เดือดดาลของหลินฮูหยินใหญ่ดังมาจากในห้อง หลินซ่างซูเกิดทิฐิมานะขึ้นมาในใจ เขากัดฟันกรอดพลางพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา จากนั้นจึงกลับไปที่สวนดอกบัว
ณ สวนแสงอรุณ หลังจากกลับมา หลินเมิ่งหวันก็สั่งให้เจินจูกับเฝ่ยชุ่ยช่วยอาบน้ำให้นาง ทันทีที่อาบน้ำเสร็จนางจึงรู้ว่าแม่นมจางมาหาที่นี่ตามคำสั่งของหลินฮูหยินใหญ่
หลินเมิ่งหวันรู้ว่าท่านย่าเป็นห่วงนาง แต่นางไม่ได้ไปพบและเพียงแค่ปล่อยให้เฝ่ยชุ่ยไปจัดการให้
เฝ่ยชุ่ยใช้ข้ออ้างว่าหลินเมิ่งหวันกำลังอาบน้ำ รับของไว้และขอบคุณหลินฮูหยินใหญ่ จากนั้นจึงยัดถุงเงินให้แม่นมจางออกไป
ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลินเมิ่งหวันนั่งอยู่บนตั่งนุ่มๆ และเช็ดเส้นผมที่สวยงามของนาง มีควันลอยเป็นเกลียวขึ้นมาจากกระถางธูปสีทองบนโต๊ะ
เมื่อเห็นเฝ่ยชุ่ยหิ้วกล่องอาหารเข้ามา หลินเมิ่งหวันจึงวางผ้าแห้งในมือลง “จากท่านย่าหรือ”
“เจ้าค่ะ ฮูหยินใหญ่ให้ในครัวทำรังนกไป่เหอมาให้ ให้คุณหนูดับไฟร้อน ไม่ให้โกรธจนเสียสุขภาพเจ้าค่ะ” เฝ่ยชุ่ยสังเกตสีหน้าของหลินเมิ่งหวันอย่างละเอียด ว่าแล้วจึงวางกล่องอาหารลงบนโต๊ะ
หลินเมิ่งหวันยิ้มและบอกว่า “ข้าไม่ได้โกรธ ไม่ใช่แค่วันสองวันนี้เสียหน่อยที่ท่านพ่อไม่เชื่อข้า”
เฝ่ยชุ่ยมองหลินเมิ่งหวันอย่างนึกสงสาร “นายท่านก็รักคุณหนูนะเจ้าคะ นอกจากนี้ฮูหยินใหญ่ยังเชื่อในตัวคุณหนูเสมอมาด้วย”
หลินเมิ่งหวันยิ้มโดยไม่พูดอะไร
สิ่งที่เหลียงโม่เฉียงพูดไม่ใช่เรื่องโกหก ดังนั้นที่หลินซ่างซูตบหลินเมิ่งหวันจึงไม่นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรม
ทว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่หลินเมิ่งหวันจะพูดกับเฝ่ยชุ่ยหรือเจินจูได้ และนางไม่อาจยอมรับได้ว่าตัวเองทำเรื่องแบบนั้นลงไปจริงๆ
หลินเมิ่งหวันกล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับจริงๆ อย่างที่เห็น แต่นั่นก็ไม่ใช่ว่านางขลาดกลัว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าอับอายจริงๆ นางยอมรับไปก็ไม่มีประโยชน์
คืนนั้นเป็นนางที่หุนหันพลันแล่น แต่หลินเมิ่งหวันมั่นใจว่าไม่มีใครกล้าพูดอะไรเกี่ยวกับคืนนั้นอีกแน่ แม้แต่เหลียงโม่เฉียงก็คงทำได้แค่ฟ้องหลินซ่างซูอย่างเงียบๆ ไม่มีทางกล้าเอาเรื่องนี้ไปพูดให้คนอื่นได้ยิน
จัดเตรียมอนาคตของจิ่งหวังเฟยหรือ?
เหตุการณ์นี้ไม่ได้ทำลายแค่ชื่อเสียงของหลินเมิ่งหวันเพียงคนเดียว แต่ยังทำให้ตระกูลหลินกับราชวงศ์เสียหายด้วย!
เหลียงโม่เฉียงไม่มีความกล้าหาญ
หลินเมิ่งหวันหยิบช้อนขึ้นมาคนรังนกไป่เหอที่อยู่ในถ้วย จากนั้นจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เฝ่ยชุ่ย สั่งให้ใครสักคนไปทูลจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยที่จวนจิ่งอ๋องที ว่าวันนี้เหลียงโม่เฉียงใส่ร้ายป้ายสีข้า ท่านพ่อโกรธเป็นอย่างมาก ข้าเองก็ได้รับความทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง ขอให้จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยทรงจัดการด้วย”
ระเบียบข้อบังคับของหลินฮูหยินใหญ่ไม่ได้มีมากจนเกินไป นางไม่ได้ขอให้ลูกสะใภ้หรือหลานๆ มาทำความเคารพนางทุกวัน แต่จะให้ทุกคนเข้ามาหาแค่ในวันสำคัญอย่างวันที่หนึ่งและวันที่สิบห้าของทุกเดือน
วันนี้ไม่ใช่วันแรกหรือวันที่สิบห้า เหตุใดทุกคนจึงได้มาที่นี่
หลินเมิ่งหวันแอบเดาในใจว่า คนของบ้านใหญ่กับเรือนเล็กมาที่นี่แบบนี้ น่าจะต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับงานแข่งขันโปโลในวันพรุ่งนี้แน่ (โปโลคือการละเล่นโปโล ขี่ม้าตีลูกบอล)
หรือไม่ บางทีอาจจะอยากสืบข่าวว่าเมื่อคืนหลินซ่างซูพูดคุยอะไรกับหลินฮูหยินใหญ่เป็นการส่วนตัวกันแน่
หลินเมิ่งหวันเก็บอาการและก้าวเข้าไปข้างใน
“เมิ่งหวันคารวะท่านย่าเจ้าค่ะ”
หลินเมิ่งหวันคำนับอย่างมีพิธีรีตอง ทุกคนมองนาง ทันใดนั้นในแววตาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
วันนี้หลินเมิ่งหวันสวมชุดกระโปรงยาวสีชมพูเข้มซึ่งขอบกระโปรงสูงเสมอหน้าอก บนชุดปักเป็นลายดอกไห่ถังขนาดใหญ่ ทั้งยังใช้ด้ายหลากสีปักเป็นรูปผีเสื้อ กลายเป็นภาพที่มีสีสันแพรวพราวงามตาเป็นอย่างยิ่ง
เส้นผมสีดำของนางถูกหวีรวบเป็นทรงห่วงวิญญาณงูคู่ (ทรงมวยง่ามคู่) ที่ผมมีปิ่นลายผีเสื้อดอมบุปผาสีทองปักไว้ ผีเสื้อที่ประดับบนเส้นผมสั่นไหวเล็กน้อยตามจังหวะการก้าวเท้าของนาง ราวกับกระพือปีกบิน! ชายกระโปรงพลิ้วไหวไปมา จนดอกไม้กับผีเสื้อแลดูมีชีวิต
คนธรรมดายากที่จะกลบความงามจากการแต่งกายที่งามวิจิตรเช่นนี้ได้ แต่หลินเมิ่งหวันมีริมฝีปากแดงระเรื่อ ผิวขาวราวกับหิมะ แววตาสดใส คิ้วและจมูกสวยงามได้รูป งดงามจนน่าพิศวง!
นัยน์ตาที่งดงามของหลินเมิ่งหวันกวาดตามองทุกคนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ ริมฝีปากยกยิ้มอย่างพอใจ ทันใดนั้นทุกคนรู้สึกราวกับว่าดอกไม้งามทั้งหมดล้วนกลายเป็นดอกไม้ที่ซีดเซียวไร้สีสัน
หลินฮูหยินใหญ่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงสั่งให้หลินเมิ่งหวันลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้นอย่างปิดไว้ไม่มิด
หลินเมิ่งหวันหันไปแสดงความเคารพต่อจางซื่อกับสวีซื่อตามลำดับ จากนั้นจึงทักทายพี่สาวน้องสาวก่อนจะเดินเข้าไปหาหลินฮูหยินใหญ่
หลินฮูหยินใหญ่จับมือหลินเมิ่งหวันและมองสำรวจนางตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่มองอย่างไรก็มองไม่พอ “เหตุใดวันนี้จึงลุกมาแต่งตัวดีๆ เช่นนี้หรือ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก