เสียงคมชัด “เพี้ย” ทำให้ทุกคนที่โถงหน้าต่างตกตะลึง
หลินฮูหยินใหญ่รีบประคองหลินเมิ่งหวันทันที มองไปที่หลินซ่างซูและพูดอย่างโกรธเคืองว่า “เจ้าจะทำอะไร!”
หลินซ่างซูระงับความโกรธ และหันไปมองจางซื่อและสวีซื่อ “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้รอง ข้ามีบางอย่างที่อยากคุยกับท่านแม่เพียงลำพัง”
จางซื่อและสวีซื่อล้วนพยักหน้า
พวกนางแต่งเข้าตระกูลหลินมาหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่เคยเห็นหลินซ่างซูโกรธเช่นนี้มาก่อน
เห็นได้ชัดว่าคำพูดของหลินซ่างซูกำลังไล่แขก
ในใจรู้สึกสงสัยยิ่ง แต่คนในเรือนใหญ่และเรือนรองต่างไม่กล้าที่จะล่าช้า รีบทำความเคารพหลินฮูหยินใหญ่และขอตัวออกไปทันที
แก้มของหลินเมิ่งหวันปวดแสบปวดร้อน แต่ตอนนี้เยือกเย็นขึ้นหลายส่วนแล้ว
นางมองไปที่ หลินซ่างซู และพูดว่า “ไม่ทราบว่าเหตุใดท่านพ่อต้องโกรธมากมายเช่นนี้ แม้ว่าเมิ่งหวันจะเป็นบุตรสาวของท่าน แต่หากว่าท่านลงโทษข้าโดยไร้เหตุผลแล้วล่ะก็ เมิ่งหวันก็จะไม่ยอมเช่นกันเจ้าค่ะ”
“ยังไม่ยอมรับอีก! ข้าจะทุบเจ้าให้ตาย เจ้ามันหน้าไม่อาย!”
หลินซ่างซู หายใจติดขัด ยกมือขึ้นหมายจะตีหลินเมิ่งหวันอีกครั้ง
หลินฮูหยินใหญ่กังวลอย่างมากรีบปกป้องหลินเหมิงหวันอย่างรวดเร็ว และแม่นมซึ่งอยู่ถัดจากหลินฮูหยินใหญ่ก็ก้าวไปข้างหน้าทันทีเพื่อหยุดหลินซ่างซู
ใบหน้าของหลินซ่างซูแสดงถึงความโกรธ “ท่านแม่ อย่าได้ปกป้องนางเลย วันนี้ข้าเกลียดจนทนไม่ไหวต้องตีเจ้าคนไร้ยางอายนี่ให้ตาย หากยังให้ท้ายเช่นนี้ เกรงว่านางจะทำลายชื่อเสียงของจวนหลินให้ย่อยยับป่นปี้เป็นแน่!”
หลินฮูหยินใหญ่เห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ หลินซ่างซู ไม่ใช่คนใช้ความรุนแรง จะโกรธได้เช่นนี้คงไม่เป็นเรื่องเล็กน้อยเป็นแน่แล้ว
แต่หลินฮูหยินใหญ่ยังคงปกป้องหลินเมิ่งหวัน มองหลินซ่างซูแล้วพูดว่า “ท่าทีเอะอะคราวนี้ที่แท้เรื่องเป็นมาอย่างไร เจ้าพูดมาให้ชัดเจน ที่แท้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ หากเป็นความผิดของเมิ่งหวันจริงๆ ค่อยทำโทษก็ยังไม่สาย ท่าทางเจ้าจะลงมือโดยไม่สนใจอะไรเช่นนี้ อย่ามาพูดว่าเมิ่งหวันไม่เชื่อฟัง ข้าก็เห็นด้วยไม่ได้”
หลินซ่างซู ถอนหายใจอย่างขมขื่นและชี้ไปที่หลินเมิ่งหวันด้วยนิ้วที่สั่นเทา “ท่านแม่ ท่านรู้ไหมว่าวันที่เมิ่งหวัน ไปที่หอจุ้ยหงแท้จริงแล้วแต่งตัวเป็นหญิงโคมเขียว ทั้งยังกอดจูบลูบคลำกันตามลำพังในห้องกับจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย!”
“นางยังเป็นผู้หญิงที่ยังไม่ออกเรือน! แม้ว่าจะมีหมั้นหมายกับจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยก็ไม่สมควรทำเรื่องเช่นนั้น!”
หลินฮูหยินใหญ่ตกใจ สีหน้าของทุกคนในห้องต่างเปลี่ยนไปและหันมองหลินเมิ่งหวันพร้อมกัน
หลินเมิ่งหวันหัวเราะอย่างโกรธเคือง “เหลียงโม่เฉียงพูดหรือเจ้าคะ”
ท่าทีโกรธเคืองของหลินซ่างซูเกิดขึ้นหลังจากที่ไปส่งเหลียงซื่อหลางและเหลียงโม่เฉียง แน่นอนว่าต้องรู้อะไรจากปากของพวกเขา
เยี่ยมจริงๆเหลียงโม่เฉียงทำทีมาขอขมาถึงจวน ก่อนจะจากยังคร่ำครวญยกใหญ่
รังสีอำมหิตเยือกเย็นปรากฏขึ้นในแววตาของหลินเมิ่งหวัน หลินซ่างซูตกตะลึงกับคำถามของนาง ขมวดคิ้วพูดว่า “ที่เขาพูดมาแล้วอย่างไรเล่า หากเจ้าไม่ได้ทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ เขาจะพูดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร เจ้า……”
หลินเมิ่งหวัน ยิ่งฟังก็ยิ่งอยากจะหัวเราะมากขึ้น นางยกริมฝีปากขึ้นมองไปที่ หลินซ่างซู แววตาเย็นชาพูดว่า “ท่านพ่อ สิ่งที่ท่านพูดช่างไร้เหตุผล เหลียงโม่เฉียง กล่าว ท่านก็เชื่อแล้วหรือ เหตุใดท่านไม่ถามข้าถึงเรื่องนี้ว่าเรื่องนี้เป็นจริงหรือไม่”
“ช่างเถิด หลายปีที่ผ่านมาในสายตาของท่านพ่อข้าไม่รู้ความ เทียบกับพี่หญิงใหญ่ไม่ได้มาโดยตลอด แต่ไหนแต่ไรมาคนที่ทำอะไรผิดก็คือข้ามาโดยตลอด คนที่ต้องขอโทษขอขมาต้องเป็นข้า ข้าเป็นห่วงสุขภาพของพี่หญิงใหญ่ อยากจะไปตรวจให้นาง แต่กลับโดนหลี่อี๋เหนียงและพี่หญิงใหญ่เข้าใจผิดคิดว่ามีเจตนาแอบแฝง ท่านพ่อก็เข้าข้างพวกนางเช่นกัน คิดจะทำอะไรกับข้าก็ได้เช่นนั้นหรือเจ้าคะ”
หลินเมิ่งหวันแผดเสียงเสียงสะอื้นออกมาจากลำคอ “โดยปกติพี่หญิงใหญ่และหลี่อี๋เหนียงจะรังแกข้าก็ช่างเถิด แต่เวลานี้คนนอกก็สามารถรังแกข้าได้! ไม่สู้ข้าออกจากจวนหลิน จะได้ไม่อยู่รกหูตาท่านพ่อ จะได้ไม่เป็นการทำลายชื่อเสียงจวนหลิน!”
หลินเมิ่งหวันพูดเช่นนี้ แล้วเอามือปิดหน้าพร้อมกับวิ่งออกไป
ทุกคนในห้องล้วนแต่ตกตะลึงกับถูกคำพูดของหลินเมิ่งหวันเฝ่ยชุ่ยและเจินจูดึงสติกลับมาและรีบวิ่งตามหลินเมิ่งหวันไป
“เมิ่งหวัน!”หลินฮูหยินใหญ่อุทานอย่างกังวลและรีบเดินตามไปสองก้าว
แต่นางอายุมากแล้ว จะไปตามทันได้อย่างไรกัน
หลินฮูหยินใหญ่หันศีรษะไปมองหลินซ่างซูที่สีหน้าไร้ความรู้สึก และที่เตะเขาอย่างโกรธเคือง
“มีพ่อที่ทำแบบเจ้าด้วยหรือ เมิ่งหวันเสียแม่ตั้งแต่เล็ก คนเป็นพ่ออย่างเจ้าเคยห่วงใยนางจริงๆบ้างหรือไม่ วันนี้เจ้าถามเมิ่งหวัน เช่นนี้มันช่างน่าน้อยใจจริงๆ!”
“ข้า...” หลินซ่างซูสับสนเล็กน้อย “เหลียงโม่เฉียงพูดอย่างสมเหตุสมผล และลูกชายของเขาตอนนั้นก็ดูกระตือรือร้น...”
“กระตือรือร้นงั้นหรือ เจ้าไม่เคยเชื่อใจเมิ่งหวัน!” หลินฮูหยินใหญ่ขัดพูดแทรกหลินซ่างซูด้วยความโมโหจัด
“เมิ่งหวันพูดไม่ผิดเลย ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเจ้าลำเอียงโดยไม่รู้ตัว ข้าทำได้เพียงแค่มอบความรักแก่เมิ่งหวันมากขึ้นเท่านั้น แต่ตอนนี้ เจ้ายอมที่จะเชื่อใจคนนอกมากกว่าเมิ่งหวัน ไม่ว่าสิ่งที่เหลียงโม่เฉียงพูดจะจริงหรือไม่ แม้ว่าสิ่งที่เขาพูดจะเป็นจริง เจ้าได้กำชับเหลียงโม่เฉียงอย่างถี่ถ้วน มิให้เขาเล่าเรื่องนี้ออกไปบ้างหรือไม่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก