ภพนี้ตราบภิรมย์รัก นิยาย บท 39

น้ำเสียงของชูยียีอ่อนโยนและยิ้มน้อยๆกำลังดี ไม่กระตือรือร้นมากเกินไปแต่ก็ไม่ทำให้คนรู้สึกห่างเหินแม้แต่น้อย

หลินเมิ่งหวันรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยไม่เคยคิดว่าชูยียี จะทักทายนาง

แต่หลินเมิ่งหวันยังคงยิ้มและพยักหน้าให้ชูยียี “แม่นางชูก็มาเลือกซื้อเสื้อผ้าด้วยหรือ”

หลินซิงโหรว รู้สึกหงุดหงิดทันที “หลินเมิ่งหวัน เจ้าคิดว่าตนยังก่อปัญหาไม่มากพอหรือ เป็นเจ้าที่ไร้ยางอาย อย่าลากพวกข้าลงไปด้วย!”

เสียงของนางไม่ได้เบาเลย ดึงดูดความสนใจของผู้คนรอบข้างในทันที

แม้ว่าจางซื่อและสวีซื่อจะไม่พูด แต่ใบหน้าของพวกนางก็ไม่ได้สู้ดีนัก

ชูยียี ยิ้มเล็กน้อยราวกับว่าไม่สนใจสิ่งที่ หลินซิงโหรว กล่าว

นางมองไปที่หลินเมิ่งหวันและพูดว่า “ดูเหมือนว่าข้าจะสร้างปัญหาให้กับคุณหนูหลิน คุณหนูหลินข้าเลือกเสื้อผ้าเสร็จแล้วไม่รบกวนพวกท่านแล้ว เรื่องที่คุณหนูหลินเอ่ยกับข้า ข้ารู้สึกเรื่องสนใจเป็นอย่างยิ่ง หวังว่าเมื่อคุณหนูหลินมีเวลา พวกเราจะได้พูดคุยกันให้ละเอียดถี่ถ้วนมากยิ่งขึ้น”

แววตาของหลินเมิ่งหวันเป็นประกายพูดอย่างร่าเริง “ตกลง”

ชูยียีโค้งคำนับเล็กน้อยและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าเช่นนั้น ข้าขอตัวก่อน”

หลินเมิ่งหวันพยักหน้าและมองดูนางจากไป

หลินซิงโหรว ไม่พอใจอย่างมากคว้าแขนของหลินเมิ่งหวัน “เจ้ายังคิดที่จะพบนางอีกหรือ หลินเมิ่งหวัน เจ้าบ้าไปแล้วหรือ เจ้าจะทำลายให้พวกเราตายจริงๆใช่ไหม”

หลินเมิ่งหวันไปที่หอจุ้ยหงมาแล้วครั้งหนึ่งยังไม่พอ แต่ยังอยากจะพบกับ ชูยียี เป็นการส่วนตัวอีกหรือ

หลินซิงโหรวครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นร้อยเป็นพันครั้ง ทันใดนั้นก็คิดถึงความเป็นไปได้อย้างหนึ่ง

“หลินเมิ่งหวัน เจ้าคงไม่ได้ตั้งใจใช่ไหม เจ้าต้องการทำลายชื่อเสียงของตนเพื่อยกเลิกการหมั้นหมายของเจ้ากับจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยเช่นนั้นหรือ!”

“ตัวเจ้าอยากจะตาย มิต้องลากพวกเราไปด้วยได้หรือไม่!”

ทันทีที่นางพูดจบ ใบหน้าของหลินเมิ่งหวันก็เยือกเย็นทันที

ดวงตาของนางหรี่ลงอย่างไม่ปลอดภัย มองไปที่หลินซิงโหรวและพูดอย่างเคร่งขรึม “คำพูดเมื่อครู่ ข้าไม่อยากได้ยินอีกเป็นครั้งที่สอง”

หัวใจของ หลินซิงโหรว สั่นทอ นางรู้สึกหนาวยะเยือกที่กระดูกสันหลังโดยไม่ทราบสาเหตุ นิ้วชี้คลายออกเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว

หลินเมิ่งหวัน ดึงแขนของตนออก “วันนี้ทำให้ทุกคนหมดสนุกหลินเมิ่งหวันต้องขออภัยจริงๆ มิขออยู่ที่นี่สร้างปัญหาให้กับทุกคนอีก”

“ป้าสะใภ้ใหญ่ ป้าสะใภ้รองพวกท่านก็เลือกเสื้อผ้าเถิด ถือเสียว่าเมิ่งหวันเชื่อฟังพวกท่าน เมิ่งหวันขอตัวกลับจวนก่อนเจ้าค่ะ”

นางโค้งคำนับให้กับ จางซื่อและ จางซื่อและออกไปพร้อมกับ เจินจูและ เฝ่ยชุ่ยทันที

หลินเมิ่งหวันกระซิบกับ เฝ่ยชุ่ย “เจ้าจงไปนัดหมายกับชูยียีและขอให้นางมาพบข้าที่หอจุ้ยเซียน"

ชูยียีเพิ่งจากไป และตอนนี้นางยังสามารถตามทัน

เพียงแต่ชูยียีเป็นหญิงโคมเขียว หลินเมิ่งหวันรู้ดีว่าตนไม่ควรติดต่อนางอย่างโจ่งแจ้ง มิฉะนั้นนางคงไม่จ่ายเงินให้ สวีซื่อและ จางซื่อ เพื่อชดใช้โทษ

ก่อนที่เฝ่ยชุ่ยจะตอบ เจินจูก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “คุณหนูรอง ท่านยังต้องการพบนางอีกหรือเจ้าค่ะ”

หลินเมิ่งหวันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ข้า... ข้ากำลังทำเรื่องบางอย่างเพื่อจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย เจ้าเพียงแค่ไปนัดนางก็พอ”

เฝ่ยชุ่ย:!!!

เจินจู:!!!

จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยไปมาหาสู่ ชูยียี เพื่ออะไร

ยิ่งกว่านั้น แม้ว่าจะเป็นเรื่องของจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย ไม่ใช่เรื่องดีเลยที่หลินเมิ่งหวันจะไปมาหาสู่กับชูยียี!

อย่างไรก็ตามเฝ่ยชุ่ยครุ่นคิดเรื่องนี้ หลินเมิ่งหวันแอบติดต่อกับชูยียีอย่างลับๆ ดูเหมือนว่าจะดีกว่าการติดต่อของฉู่โม่หยวน กับ ชูยียี

อย่างไรเสียชูยียี ภายนอกสวยสะดุดตา...ท่าทางเจ้าเล่ห์เช่นนั้น เกรงว่าผู้ชายส่วนใหญ่คงมิอาจทนต่อรูปลักษณ์ที่ทรงเสน่ห์ของนางได้ไม่

ฉู่โม่หยวนพบกับชูยียีไม่บ่อยท่าจะดีกว่า

ถ้าหากหลินเมิ่งหวันไม่ช่วยจัดการ เขาจะไม่ตายอย่างน่าสังเวชหรอกหรือ?

อย่างไรก็ตาม เหลียงซื่อหลาง เหลือบมองเขาตาขวางอย่างเย็นชา และ เหลียงโม่เฉียง ก็เงียบไปทันที

เหลียงซื่อหลาง กล่าวว่า “คุณหนูหลินตัวข้าจะติดประกาศที่เมืองหลวงขออภัยในที่สาธารณะ ได้โปรดคุณหนูหลินอภัยให้ด้วย”

หลินเมิ่งหวัน มองไปที่สองพ่อลูกที่อยู่เบื้องหน้า เห็นท่าทางกังวลใจของพวกเขาปรากฏในสายตา

นางยิ้มเล็กน้อย “ข้ารับคำขอโทษจากเหลียงซื่อหลางแล้ว เรื่องนี้แท้ที่จริงแล้วมาจากความเข้าใจผิด อธิบายให้ชัดเจนก็ดีแล้ว ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ข้าจะไม่รั้งท่านไว้ที่จวนเพื่อทานข้าวนะเจ้าคะ”

เหลียงซื่อหลาง ราวกับมีหนามทิ่มแทงในหัวใจ

หลินเมิ่งหวันออกปากไล่แขกเช่นนี้ ไม่ได้ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย

เขากำลังอ้าปาก แต่มองที่ใบหน้าที่เย็นชาของหลินเมิ่งหวัน เหลียงซื่อหลางจึงพา เหลียงโม่เฉียง อำลาและจากไป

หลินซ่างซู ไปส่งแขกถึงที่ประตูด้วยตนเอง

แม้ว่าเหลียงซื่อหลางจะมาขอขมาถึงจวน แต่ถึงอย่างไรพวกเขาทั้งคู่ต่างก็เป็นขุนนางที่ในราชสำนัก มารยาทที่ควรจะมีก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

ที่โถงด้านหน้าหลินเมิ่งหวันกำลังคุยกับหลินฮูหยินใหญ่ ว่าด้วยเรื่อง เหลียงซื่อหลางและเหลียงโม่เฉียงมาขอขมาถึงจวน หัวใจที่ห้อยอยู่ของหลินฮูหยินใหญ่ก็ล้มลงกับพื้น และรอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็จางหายไปไม่น้อย .

ผู้คนในห้องใหญ่และห้องที่สองต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก และบรรยากาศในห้องโถงด้านหน้าก็กลับมามีชีวิตชีวาขึ้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อหลินซ่างซูกลับมา ใบหน้าของเขาก็มืดมน

เขามองไปที่หลินเมิ่งหวัน และกล่าวอย่างเคร่งขรึม “คุกเข่าลง!”

หลินเมิ่งหวันตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองหลินซ่างซู “ท่านพ่อ เมิ่งหวันทำผิดอะไรหรือเจ้าคะ”

หลินซ่างซูก้าวไปข้างหน้า ยกมือขึ้นทันทีและตบหน้าหลินเมิ่งหวันอย่างโหดเหี้ยม

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก