ร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งเข้ามาอยู่ในคลองจักษุของหลี่จิ่นซู และตัวเขาก็แข็งทื่อในทันใด
ฉู่โม่หยวน!
แม้ว่าหลี่จิ่นซูคิดจะทำลายการหมั้นของหลินเมิ่งหวันกับฉู่โม่หยวน แต่ในตอนนี้เขายังไม่มีทุนจะมาเผชิญหน้ากับฉู่โม่หยวน
หลี่จิ่นซูขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างคับแค้นใจ แต่สุดท้ายก็ต้องกำหมัดหันหลังเดินจากไป
ถ้าวันนี้ทำไม่สำเร็จ เขาก็ต้องคิดหาวิธีอื่นเพื่อพบหลินเมิ่งหวันอีกครั้ง
หลินเมิ่งหวันรู้สึกว่ามีใครบางคนเดินเข้ามาใกล้ เมื่อหันไปมองจึงเห็นว่าเป็นฉู่โม่หยวน
ทันใดนั้นนางก็ยิ้มออกมาและถามอย่างสง่าว่า “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยเข้าเฝ้าไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยแล้วหรือเพคะ ว่าแต่มาทอดพระเนตรการแข่งโปโลด้วยหรือ”
“อื้ม” ฉู่โม่หยวนตอบสั้นๆ
หลินเมิ่งหวันหยิบถ้วยชาขึ้นมาหนึ่งใบและรินน้ำชาด้วยตัวเอง นางเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยเชิญประทับสิเพคะ”
“ท่านพี่หกเพิ่งทำประตูได้ คราวนี้ชัยชนะน่าจะเป็นของเขาแล้วเพคะ”
หลินเมิ่งหวันแย้มยิ้มและหันไปมองทางสนามแข่งโปโล ตอนนี้ฉินจิ้งเจากำลังตีลูกอีกครั้ง
การแข่งโปโลมีเค้าลางของชัยชนะ โดยชัยชนะจะเป็นของผู้ที่ทำคะแนนได้สูงสุด
ตอนนี้ฝ่ายของฉินจิ้งเจามีคะแนนนำหลายคะแนน และฉินจิ้งเจาก็เป็นคนที่ทำเข้าประตูได้มากที่สุด
ในฐานะน้องสาว หลินเมิ่งหวันจึงรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง
ฉู่โม่หยวนมองนางและเห็นนางกำลังแย้มยิ้ม เมื่อเห็นท่าทางที่สบายๆ ของนาง ความร้อนใจที่เกิดขึ้นหลังจากได้ยินว่าหลินเมิ่งหวันกับหลี่เล่อหย่ารวมถึงหลี่จิ่นซูมีปัญหาโต้แย้งกันก็มลายหายไปทันที
สายลมอ่อนๆ พัดโชยมา เสียงกลองดังตึงๆ เสียงกีบม้ากับเสียงตะโกนโห่ร้องดังขึ้นมาไม่ขาดสาย
การแข่งขันที่สนามแข่งโปโลกำลังดุเดือด ก่อนหน้านี้ฝ่ายของฉินจิ้งเจากำลังขึ้นนำ แต่ตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามทำประตูได้หลายลูกติดต่อกัน คะแนนจึงเริ่มมีแนวโน้มที่จะเสมอกันแล้ว
หลินเมิ่งหวันเฝ้าดูสถานการณ์ในสนามแข่งโปโลอย่างตึงเครียด ไม่สนใจแม้แต่จะกินขนม ทว่าในตอนนั้นหลินซิงโหรวก็เดินเข้ามาหาอย่างแช่มช้า
“คารวะจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยเพคะ”
เสียงที่หยาดเยิ้มราวกับห่อด้วยน้ำผึ้งแฝงไปด้วยความหวานเลี่ยน
หลินเมิ่งหวันเงยหน้ามองและขมวดคิ้วเล็กน้อย
แต่เมื่อเห็นเสื้อผ้าที่หลินซิงโหรวสวมใส่ มุมปากของหลินเมิ่งหวันก็เหมือนจะแย้มยิ้มขึ้นมา
“พี่ซิงโหรวเตรียมตัวมาอย่างดี คิดไม่ถึงว่าจะเปลี่ยนอาภรณ์อีกชุด ทั้งยังเปลี่ยนปิ่นปักผมเสียด้วย เพียงแต่ ข้ารู้สึกว่าชุดนี้ดูคุ้นตาอย่างไรก็ไม่รู้”
วันนี้หลินซิงโหรวไม่ได้สวมชุดนี้ออกมาจากจวน และชุดที่นางสวมอยู่ตอนนี้ก็คือชุดที่หลินเมิ่งหวันซื้อให้หลินจื่อยวนเมื่อวานนี้
ชุดนี้คือชุดกระโปรงสีกานพลู บนกระโปรงมีลายดอกกานพลูดอกเล็กๆ ปักเอาไว้ด้วยด้ายสีม่วงที่ค่อนข้างเข้ม แม้จะไม่ได้ดูล้ำค่าแต่ก็เป็นงานที่มีฝีมือละเอียดงดงาม ในช่วงต้นฤดูร้อนแบบนี้ดูแล้วก็ทำให้รู้สึกสดชื่นอ่อนโยน
เมื่อวานตอนที่ไปหอเจินเป่าก็เป็นเพียงความบังเอิญ และก็บังเอิญมีพลอยสีม่วงชุดหนึ่ง หลินเมิ่งหวันจึงซื้อมาให้หลินจื่อยวนเพื่อจับคู่กับชุดตัวนี้
ทว่าตอนนี้ของเหล่านั้นมาอยู่บนตัวหลินซิงโหรวแล้ว
หลินเมิ่งหวันยิ้ม คิดในใจว่านางประเมินหลินซิงโหรวต่ำเกินไป
หลินซิงโหรวไม่เพียงแต่กล้าสวมสิ่งของเหล่านี้ แต่ยังกล้าเอาตัวเข้ามาใกล้นางด้วย เห็นกันอยู่ชัดๆ มิใช่หรือว่านางตั้งใจยื่นหน้ามาหานาง จะให้นางตบงั้นหรือ?
หลินซิงโหรวรู้สึกเครียดขึ้นมา นางรู้ดีว่าหลินเมิ่งหวันเป็นคนซื้อของเหล่านี้ ดังนั้นแม้ว่านางจะชอบมันมาก แต่เมื่อเช้านางก็ไม่กล้าสวมใส่
แต่เมื่อจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยมาร่วมงานแข่งขันโปโลด้วย หลินซิงโหรวจึงอยากสร้างความประทับใจให้เขา
ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้ไปถามที่หอเจินเป่า เถ้าแก่ก็ต้องให้ความร่วมมือกับหลินเมิ่งหวันและเจินจูแน่นอน
หลินซิงโหรวบิดผ้าเช็ดหน้าอย่างประหม่า สีหน้าของนางค่อยๆ ขาวซีดลง
หลินเมิ่งหวันมองหลินซิงโหรวเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม ทำราวกับว่านางเพิ่งสังเกตเห็นรายละเอียดของปิ่นปักผม “โอ๊ะ เป็นอย่างนั้นจริงๆ ด้วย พี่ซิงโหรวเหตุใดของที่ข้าซื้อน้องจื่อยวนให้จึงมาอยู่ที่ท่านพี่ละ เป็นไปได้หรือไม่ว่าท่านพี่เห็นของของน้องจื่อยวนแล้วอิจฉาตาร้อน ก็เลยไปแย่งเอามา”
“ไม่ใช่อยู่แล้ว!” หลินซิงโหรวอุทานออกมาอย่างร้อนใจและหันไปมองฉู่โม่หยวนโดยไม่รู้ตัว
นางจะสร้างภาพจำที่เย่อหยิ่งและระรานแบบนี้ต่อหน้าฉู่โม่หยวนไม่ได้เด็ดขาด
“นะ... น้องจื่อยวนให้ข้ายืมต่างหาก” หลินซิงโหรวเอ่ยออกมาอย่างตื่นตระหนก
หลินเมิ่งหวันมองนางอย่างประหลาดใจและเอ่ยว่า “น้องจื่อยวนให้ท่านพี่ยืม? พี่ซิงโหรวจะไม่มีเสื้อผ้าไม่มีเครื่องประดับใส่เลยหรือ เหตุใดจึงต้องยืมจากน้องจื่อยวนด้วย”
หลินซิงโหรวพูดไม่ออก ชั่วขณะนั้นนางไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร
หลินเมิ่งหวันขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยเหมือนกับกำลังพึมพำกับตัวเองว่า “บ้านสองจนมากขนาดนี้เชียวหรือ แม้แต่เสื้อผ้า พี่ซิงโหรวก็ยังไม่มีใส่... แต่ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ท่านย่าแบ่งเงินส่วนกลางให้พี่ซิงโหรวเอาไปซื้อเสื้อผ้าแล้วนี่นา...”
ฉู่โม่หยวนมองหลินเมิ่งหวันอย่างขบขัน
เขารู้ว่าหลินเมิ่งหวันกำลังแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา แต่ก็รู้สึกว่านางน่ารักอย่างอธิบายไม่ถูก
หลินซิงโหรวกัดฟันอย่างเป็นกังวลแต่ก็หักล้างไม่ได้
ถ้านางบอกว่าบ้านสองไม่ได้ยากจน แล้วเรื่องที่ยืมชุดกับปิ่นปักผมของหลินจื่อยวนจะอธิบายว่าอย่างไร
ถ้านางยอมรับว่าบ้านสองยากจน นั่นจะไม่ทำให้คนอื่นดูถูกหรอกหรือ
หลินเมิ่งหวัน ทำไมถึงได้ปากคอเราะรายขนาดนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก