ภพนี้ตราบภิรมย์รัก นิยาย บท 57

ข้อความในจดหมายฉบับนี้เขียนเกี่ยวกับผลที่เจียงหลีอวิ๋นตรวจสอบเจอ และนี่เป็นสาเหตุที่หลินเมิ่งหวันมาหาเจียงหลีอวิ๋นในวันนี้

หลี่จิ่นซูไม่ได้ซื้อยาถอนพิษของสำนักหมื่นพิษ(สำนักว่านตู่เปลี่ยนเป็นสำนักหมื่นพิษ) ทว่ากลับขจัดพิษแล้ว แน่นอนว่าหลินเมิ่งหวันรู้สึกไม่ชอบมาพากล

สิ่งที่เจียงหลีอวิ๋นตรวจสอบได้คือเด็กรับใช้ข้างกายของหลี่จิ่นซูชื่อชิงจู้รับใบตำรับยามาแผ่นหนึ่ง แล้วเอาใบสั่งยาไปซื้อยาให้กับหลี่จิ่นซูด้วยตนเอง

และตำรับยาในมือของชิงจู้ ก็คือเป็นส่วนประกอบของยาถอนพิษ!

หลินเมิ่งหวันจะไม่ประหลาดใจได้ยังไง?

เจียงหลีอวิ๋นเหลือบมองหลินเมิ่งหวัน แล้วกล่าวว่า “เรื่องนี้ต้องถามเจ้าแล้ว ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาข้าสนใจแค่การสังหารไม่ได้จัดการเรื่องที่ตามมา เรื่องยาถอนพิษนี้เจ้ารู้ดี”

“เมื่อก่อนเจ้าเอาใจใส่หลี่จิ่นซูขนาดนั้น คงไม่ใช่ว่าเจ้าเอาตำรับยาให้เขาแล้วหรอกนะ?”เจียงหลีอวิ๋นพินิจพิจารณาหลินเมิ่งหวัน จากนั้นทอดถอนหายใจออกมา กล่าวว่า“เจ้านี่ปล่อยหลี่จิ่นซูไม่ได้เลยจริงๆ”

หลินเมิ่งหวันกำจดหมายที่อยู่ในมือแน่น สีหน้าค่อยๆซีดเผือด ความเยือกเย็นค่อยๆทะยานขึ้นมาจากฝ่าเท้าของนาง และแผ่ซ่านไปที่แขนขาของนาง

ท้องฟ้ามืดครึ้ม รถม้าวิ่งหันไปทางจวนหลิน

เฝ่ยชุ่ยกับเจินจูมองสบตากันด้วยความไม่สบายใจ และสายตาเสมองไปทางหลินเมิ่งหวัน

เวลานี้หลินเมิ่งหวันกำลังพิงอยู่ด้านในรถม้า หัวคิ้วขมวดเป็นปมชนกัน และสีหน้าซีดเผือด ไม่พูดไม่จาตั้งแต่ต้นจนจบ

ตั้งแต่ออกมาจากหอเมี่ยวอิง หลินเมิ่งหวันก็เป็นอย่างนี้แล้ว

เฝ่ยชุ่ยกับเจินจูเป็นห่วง แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มปลอบประโลมอย่างไรดี

สักพักหนึ่ง บรรยากาศภายในรถม้าเลยค่อนข้างอึดอัดอึมครึม

ในที่สุด รถม้าก็กลับมาถึงจวนหลิน

หลินเมิ่งหวันพาเจินจูกับเฝ่ยชุ่ยกลับมาที่สวนแสงอรุณ หลินเมิ่งหวันเพิ่งจะนั่งลง เจินจูเลยยิ้มกล่าวว่า“คุณหนูรองเจ้าคะ เย็นนี้บ่าวจะทำนกพิราบย่างให้ท่านกินดีไหมเจ้าคะ? บวกกับบัวลอยหมักสุราหนึ่งคืน ผัดผักกวางตุ้ง แล้วทำย่างเนื้อแกะ……”

“ข้าไม่อยากกิน เตรียมน้ำร้อนเถิด ข้าอยากอาบน้ำ”

หลินเมิ่งหวันกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ นางรู้สึกว่าปวดหัวมาก

เมื่อชาติปางก่อนนางใจจดจ่อใส่ใจอยู่กับหลี่จิ่นซู และพยายามทำให้หลี่จิ่นซูรู้ถึงคุณงามความดีของนางเอง

เพราะฉะนั้นหลินเมิ่งหวันเลยเหมือนนกยูงเกี้ยวพาราสีหาคู่ พยายามแสดงตัวเองอย่างมาก

นางเรียนหมอตั้งแต่เด็ก อีกทั้งความสามารถทางการแพทย์ล้ำลึก เป็นสิ่งที่นางภาคภูมิใจมาก เพราะฉะนั้นหลินเมิ่งหวันเลยบอกยาผีบอกกับหลี่จิ่นซูมากมาย ต่อมายังบอกกับหลี่จิ่นซูด้วย ว่าตนเองคือเจ้าของอยู่เบื้องหลังสำนักหมื่นพิษ และเอาป้ายบัญชาของสำนักหมื่นพิษกับหอไป๋เฉ่าให้กับหลี่จิ่นซู……

หลินเมิ่งหวันเงยหน้าขึ้นกดนวดคลึงหว่างคิ้วตัวเอง นางรู้สึกว่าสมองของนางจะระเบิดแล้ว

เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อชาติปางก่อนคล้ายดั่งว่าเป็นแถบวิ่งวนรอบศีรษะ แต่เรื่องราวเหล่านั้นมันนานมากแล้ว นานจนกระทั่งหลินเมิ่งหวันนึกไม่ออก ว่าตัวเองเอาส่วนผสมตำรับยาถอนพิษหัดเยอรมันบอกกับหลี่จิ่นซูตั้งแต่เมื่อไหร่

แต่ตั้งแต่ที่รู้ว่าในมือของชิงจู้มีตำรับยาเกี่ยวกับยาถอนพิษ หลินเมิ่งหวันก็กำลังคิดเรื่องหนึ่ง

หลังจากนางตายแล้วเกิดใหม่ เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ

แต่เรื่องอย่างนี้ ใช่หรือไม่ว่าก็เกิดขึ้นกับหลี่จิ่นซูด้วย?

หัวใจของหลินเมิ่งหวันสั่นสะท้าน และในช่องปากมีกลิ่นคาวเลือดตลบอบอวลออกมา

“คุณหนูรอง!ท่านทำอะไรเจ้าคะ?”

“คุณหนูรอง ท่านรีบปล่อยมือนะเจ้าคะ…..”

น้ำเสียงตะโกนร้อนอกร้อนใจของเฝ่ยชุ่ยกับเจินจูดังเข้ามาในโสตประสาทของหลินเมิ่งหวัน ทั้งสองคนสาวเท้ามาข้างหน้าด้วยความรีบร้อน

เวลานี้สีหน้าของหลินเมิ่งหวันซีดเผือดจนน่ากลัว นางกัดริมฝีปากของตัวเองแน่น และกำหมัดแน่นขนัดดังเดิม

“พูดจาเลอะเทอะอะไรกัน ?”หลี่อี๋เหนียงออกแรงบีบมือของหลินเป้ยเหยามองนางด้วยความเคร่งขรึมกล่าวว่า“หลินเมิ่งหวันจู่ๆก็เป็นลม แน่นอนว่าท่านพ่อของเจ้าต้องรีบร้อน เขาไปดูหลินเมิ่งหวันเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว ไม่เพียงแค่ท่านพ่อของเจ้าสมควรไป ข้าเองก็ควรไปด้วย”

ใบหน้าหลินเป้ยเหยาเต็มไปด้วนความเกลียดชัง กล่าวว่า“ท่านแม่…….”

“ใจเย็นๆหน่อย”หลี่อี๋เหนียงเอ่ยปากพูดอีกครั้ง สายตาจ้องมองหลินเป้ยเหยาที่ขมุกขมัวคละเคล้าน้ำตา กล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นว่า“หลายปีมานี้ หากไม่ใช่ข้ารักทะนุถนอมหลินเมิ่งหวัน อาศัยหลินเมิ่งหวันพูดช่วยพวกเราสองแม่ลูก พวกเราจะใช้ชีวิตสุขสบายแบบนี้ได้ที่ไหนกัน?”

“ตอนนี้ปฏิกิริยาที่หลินเมิ่งหวันมีต่อพวกเรานั้นเปลี่ยนไป ฮูหยินใหญ่เองก็บึ้งตึงกับพวกเราไม่น้อย แม้แต่คนรับใช้ในจวนล้วนแล่นเรือไปตามลมปรับตัวตามสถานการณ์ หรือว่าเจ้ายังอยากจะใช้ชีวิตแบบนี้หรือไร?”

หลินเป้ยเหยากัดเม้มริมฝีปากแน่น ภายในใจมีทิฐิเป็นอย่างมาก

นางจะไม่รู้ได้อย่างไร ที่ตัวเองได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมาสิบกว่ามาปีนี้ แม้ว่าจะเป็นลูกเมียน้อย แต่ทว่าก็ได้ใช้ชีวิตดีกว่าพวกลูกเมียหลวงที่ร่ำรวย ทั้งหมดนี้ล้วนอาศัยใบบุญความช่วยเหลือของหลินเมิ่งหวัน

แต่ไม่กี่วันมานี้หลินเมิ่งหวันระบายอารมณ์กับนางอย่างต่อเนื่อง หลินเป้ยเหยาจึงเก็บความอัดอั้นนี้ไว้ภายในใจ

หลี่อี๋เหนียงเช็ดซับน้ำตาอย่างอ่อนโยนให้กับหลินเป้ยเหยา แล้วกล่าวอย่างจริงจังว่า“เจ้ากินข้าวเถอะ กินข้าวเสร็จก็พักผ่อน ข้าจะไปดูหลินเมิ่งหวัน ตอนนี้นางป่วย ถือเป็นโอกาสที่ดีของพวกเรา พวกเราจะต้องถือโอกาสนี้แสดงแสร้งออกมาให้ดี เพื่อคว้าหัวใจของหลินเมิ่งหวันอีกครั้งถึงจะถูก”

ฟ้ามืดครึ้มอึมครึม ภายในสวนแสงอรุณยังคงมีแสงไฟส่องสว่างอยู่

ตอนนี้หลินฮูหยินใหญ่กับหลินซ่างซูและมีหลี่อี๋เหนียงอยู่ในห้องของหลินเมิ่งหวัน

หมอได้ตรวจแมะชีพจรให้หลินเมิ่งหวันแล้ว บอกว่านางมีปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคเข้าไปในร่างกาย ชี่อุดกั้นไหลเวียนไม่สะดวก และกลัดกลุ้มใจเป็นทุกข์เกินไป ร่างกายทรุดโทรมจากการโมโหจนมากเกินไป ถึงได้สลบไสลไม่ได้สติแบบนี้

หมอจ่ายยาให้หลินเมิ่งหวัน อีกทั้งฝังเข็มให้ด้วย และพูดเพียงว่าให้หลินเมิ่งหวันพักผ่อนก่อน รอวันพรุ่งนี้ไข้ก็น่าจะลดลงแล้ว

หลินเมิ่งหวันอายุยังน้อย ร่างกายแข็งแรงมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพียงแค่ไข้ลดลงได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไรมากมายแล้ว แต่หากไข้ไม่ลด ก็ค่อนข้างจะวุ่นวายแล้ว

หัวใจของหลินฮูหยินใหญ่บีบรัดแน่นอย่างรุนแรง สั่งให้คนขอบคุณหมอ และให้หมออยู่นอนค้างคืนที่จวนด้วย เพื่อเลี่ยงว่าอาการของหลินเมิ่งหวันจะกำเริบอะไรอีก

หลี่อี๋เหนียงมองคนอื่นที่อยู่ภายในห้อง สายตาเหลือมองหนึ่งรอบ แล้วถอนสายบัวเคารพหลินฮูหยินใหญ่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก