น้ำเสียงของฉู่โม่หยวนสงบมาก แต่ความเยียบเย็นที่แผ่ออกมาจากคำพูดเหล่านั้นกลับเป็นเหมือนคมน้ำแข็งที่ทิ่มเข้ามากลางอกของหลินซ่างซู ทำให้เขาหนาวยะเยือกไปทั้งตัว
ภายใต้สายตาที่คมกริบของฉู่โม่หยวน หลินซ่างซูรู้สึกชาไปทั่วหนังศีรษะและตอบโต้อะไรไม่ได้เลยแม้แต่คำเดียว
ปากของหลินเมิ่งหวันเต็มไปด้วยกลิ่นเลือดจางๆ อาการชาที่แก้มเริ่มหายไปและเริ่มรู้สึกถึงความเจ็บปวดได้ชัดเจน
นางใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มข้างที่เจ็บโดยไม่รู้ตัว มุมปากโค้งขึ้นมาราวกับยิ้มเยาะตัวเอง
หลังจากเกิดใหม่ นางถูกตบตีบ่อยยิ่งกว่าในชาติที่แล้ว
ดูเหมือนนางจะทุกข์ทรมานมามากตอนที่ถูกขังในคุกใต้ดินเมื่อชาติก่อน มันจึงทำให้นางรู้ไส้ใครบางคน
อย่างเช่น... หลินซ่างซูผู้เป็นบิดาของนาง
หลินเมิ่งหวันยิ้มเยาะตัวเอง หลังจากวันนี้ความหวังลมๆ แล้งๆ ภายในใจนางคงจะหมดลงไปเสียที
ให้ดีกับบิดาน่ะหรือ
เหอะๆ ช่างมันเถอะ
หลินเมิ่งหวันหยุดความคิดของตนเอง นางมองฉู่โม่หยวนและถามว่า “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย พระองค์ตรวจสอบเรื่องที่หลี่จิ่นซูบอกแล้วหรือเพคะ”
ฉู่โม่หยวนกล่าวว่า “ข้าส่งคนไปตรวจสอบแล้ว ในไม่ช้าคงรู้ข่าว ข้าจะพาเจ้าไปทายาก่อน”
หลินเมิ่งหวันพยักหน้าและขอให้ฉู่โม่หยวนกลับไปที่สวนแสงอรุณกับนาง ไม่สนใจหลินซ่างซูและทำราวกับว่าเขาเป็นมนุษย์ล่องหนโดยสมบูรณ์
หลินเมิ่งหวันมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ทั้งยังมีสมุนไพรดีๆ ที่จวนฉินหามาให้ ดังนั้นนางจึงย่อมมียาชั้นดีอยู่ในมือ
ไม่นานหลังจากทายาสีเขียวเขียวอ่อนลงไปบนรอย ความรู้สึกเย็นก็แผ่เข้ามา และรอยฝ่ามือก็จางลงไปมาก
หลินเมิ่งหวันทาชาดแต่งหน้าปกปิดเพิ่ม ทั้งยังเปลี่ยนเสื้อผ้าและหวีผมใหม่ จากนั้นจึงออกไปพบฉู่โม่หยวนที่โถงด้านหน้าของสวนแสงอรุณ
ฉู่โม่หยวนนั่งอยู่ที่โต๊ะและกำลังพลิกฎีกาอ่าน เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของหลินเมิ่งหวันเขาจึงเงยหน้าขึ้นมา
เวลานี้หลินเมิ่งหวันสวมชุดกระโปรงสีแดงอมชมพู ที่ชายกระโปรงปักลายดอกไห่ถังดอกใหญ่เอาไว้ เนื้อผ้าโปร่งเบาหวิวไหวเมื่อก้าวเดิน ดูราวกับกลีบดอกไม้ที่ต้องลมและส่งกลิ่นหอมเย็นออกมา
เส้นผมสีดำของนางถูกรวบขึ้นเป็นมวยคู่ บนศีรษะประดับด้วยปิ่นสีทองเส้นบาง บนลำคอระหงสวมสร้อยคอซึ่งประดับไปด้วยไข่มุกและพลอยสีชมพู เข้าคู่กับต่างหูสีชมพูที่สวมไว้คู่กัน
อาจเป็นเพราะต้องการปกปิดรอยฝ่ามือบนใบหน้า หลินเมิ่งหวันจึงทาชาดแต่งหน้าเพิ่มเล็กน้อย และเห็นได้ชัดว่าเป็นมันดูดีมาก
รูปลักษณ์ของนางตอนนี้แตกต่างจากรูปลักษณ์ที่น่าสงสารก่อนหน้านี้ราวกับเป็นคนละคน
เมื่อเห็นฎีกาในมือของฉู่โม่หยวน หลินเมิ่งหวันจึงถามว่า “รู้ผลแล้วหรือเพคะ”
ฉู่โม่หยวนระงับความตกตะลึงในแววตา จากนั้นจึงพยักหน้าให้หลินเมิ่งหวัน “คนที่ข้าส่งไปพบพยานวัตถุที่หลี่จิ่นซูกล่าวถึง และสำนักตรวจการก็เปรียบเทียบลายมือแล้ว เนื้อหาที่อยู่ในตำราแพทย์เหล่านั้นเป็นลายมือของหลี่อี๋เหนียงจริงๆ”
หลินเมิ่งหวันตื่นเต้นขึ้นมาอย่างฉับพลัน แต่ฉู่โม่หยวนกลับดับความตื่นเต้นของนางทันที “สิ่งเหล่านี้อาจพิสูจน์ได้ว่าหลี่อี๋เหนียงเคยอ่านตำราแพทย์ แต่ก็พิสูจน์ไม่ได้ว่านางรู้ทักษะทางการแพทย์ ทั้งยังพิสูจน์ไม่ได้ว่านางเป็นคนวางยาพิษฮูหยินใหญ่”
“พระองค์ไต่สวนนางแล้วหรือเพคะ นางไม่ยอมรับเลยหรือ” หลินเมิ่งหวันขมวดคิ้วมองฉู่โม่หยวน เขาพูดออกมาแบบนี้ได้ แสดงว่าหลี่อี๋เหนียงคงจะไม่ยอมสารภาพ
ฉู่โม่หยวนพยักหน้า “ถ้าไม่ใช่เพราะไม่ได้ทำจริงๆ นางก็คงปากแข็งมาก ต้องใช้การลงโทษสถานหนัก”
ฉู่โม่หยวนไต่สวนหลี่อี๋เหนียงแล้ว แต่หลี่อี๋เหนียงยังยืนกราน บอกว่าตัวเองไม่รู้อะไรทั้งนั้นเรื่องการวางยาพิษหลินฮูหยินใหญ่
เนื่องจากฐานะของหลี่อี๋เหนียง ฉู่โม่หยวนจึงไม่ได้ลงโทษนางสถานหนัก ซึ่งนั่นไม่ใช่เพราะเขากังวลว่าหลี่เฉิงเซี่ยงจะทำอะไร แต่เพราะหลี่อี๋เหนียงเป็นแม่เลี้ยงของหลินเมิ่งหวัน หากเขาลงโทษหลี่อี๋เหนียงสถานหนักเพื่อเค้นให้นางสารภาพหรือว่าตัดสินความผิดนาง ไม่ว่าแบบไหนก็ไม่ดีกับหลินเมิ่งหวันทั้งนั้น
ในมุมมองของฉู่โม่หยวน การตัดสินลงโทษหลี่อี๋เหนียงอย่างเอิกเกริกเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์อย่างแท้จริง
แต่ถ้าหลินเมิ่งหวันเลือกที่จะทำแบบนั้น ฉู่โม่หยวนก็จะไม่ขัดขวาง
ถึงอย่างไรหลินเมิ่งหวันก็ตกลงหมั้นหมายกับเขาแล้ว ไม่ว่าเชื่อเสียงจะเป็นอย่างไรก็ไม่มีผลกระทบอะไรกับนางมากนัก
อย่างไรเสียไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็ไม่มีทางถอนหมั้นเด็ดขาด
หลินเมิ่งหวันบิดผ้าเช็ดหน้าในมือ มีแววแห่งความโกรธและความเกลียดผสมปนเปกันอยู่ในดวงตาของนาง แต่หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็กลับกลายเป็นความสงบ
นางเงยหน้ามองฉู่โม่หยวนและยิ้มเล็กน้อย “ขอบพระทัยจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยเพคะที่ทรงลำบากช่วย แต่ในเมื่อมีหลักฐานไม่เพียงพอก็ปล่อยหลี่อี๋เหนียงกลับมาเถิดเพคะ”
“หืม?” ฉู่โม่หยวนเลิกคิ้วเล็กน้อย
เมื่อคืนหลินเมิ่งหวันคิดแต่จะแล่เนื้อเถือหนังหลี่อี๋เหนียงให้ได้ นางจะปล่อยหลี่อี๋เหนียงไปง่ายๆ ได้อย่างไร
แต่ตอนนี้หลินเมิ่งหวันกลับบอกให้เขาปล่อยหลี่อี๋เหนียงกลับมา หรือว่านางจะคิดวิธีอื่นได้?
ฉู่โม่หยวนรู้สึกสนใจยิ่งขึ้น “เจ้าคิดจะทำสิ่งใดรึ”
หลินเมิ่งหวันไม่คิดจะปิดบังและบอกตรงๆ ว่า “หลี่อี๋เหนียงเป็นน้องสาวของหลี่เฉิงเซี่ยง แม้ว่าจะแต่งงานออกเรือนแล้ว แต่ก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับหลี่เฉิงเซี่ยง วันนี้หลี่เฉิงเซี่ยงมาเยี่ยมเยียนถึงที่ เห็นได้ชัดว่าคิดจะมาขอร้องแทนหลี่อี๋เหนียง ท่านพ่อของหม่อมฉันก็อีกคน ไม่ยอมเชื่อว่าหลี่อี๋เหนียงจะวางยาพิษท่านย่า”
“ดังนั้นหากใช้วิธีทำให้หลี่อี๋เหนียงยอมรับโทษอย่างที่จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยตรัส เกรงว่าท่านพ่อของหม่อมฉันกับหลี่เฉิงเซี่ยงคงไม่เชื่อ ถึงตอนนั้นคงจะคิดว่าหม่อมฉันมอมเมาให้จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยลุ่มหลง ให้จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยทรมานจนนางต้องยอมสารภาพผิด หากเป็นอย่างนั้นพวกเขาจะต้องแค้นหม่อมฉันแน่”
“ด้วยเหตุนี้ คงจะดีกว่าถ้าข้าให้นางกลับมา แต่ว่า...” หลินเมิ่งหวันประสานมือเข้าด้วยกันและมองฉู่โม่หยวนตาปริบๆ “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยทรงช่วยอะไรหม่อมฉันสักอย่างได้ไหมเพคะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก