ภพนี้ตราบภิรมย์รัก นิยาย บท 99

คำพูดของหลินเมิ่งหวันเป็นเหมือนก้อนหินที่ตกกระทบลงไปในน้ำจนเกิดคลื่นนับพัน ทำให้ทุกคนตกตะลึงอีกครั้ง

หนานมู่ชิงดูเป็นคนที่สงบเรียบร้อย ไว้ตัวไม่มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลก นางจะพูดไม่ดีกับหลินเมิ่งหวันลับหลังจริงๆ น่ะหรือ

นอกจากนี้นางยังบอกอีกหรือว่ามีแค่นางเท่านั้นที่เหมาะสมคู่ควรกับจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย?

พระเจ้าช่วย!

ไม่เห็นเข้ากับภาพลักษณ์ภายนอกของนางเลยสักนิด

หนานมู่ชิงไหนเลยจะคิดว่าหลินเมิ่งหวันจะพูดออกมาแบบนี้

ใบหน้าของนางแดงก่ำและดูวิตกขึ้นมาทันที “คุณหนูหลินใส่ร้ายข้าแบบนี้ได้อย่างไร”

วันนั้นนางกับจี้เมิ่งฉีและเหลียงอวี่ฉิงคุยกันตอนไปซื้อเครื่องประดับที่หอเจินเป่า แต่หลินเมิ่งหวันกับฉู่โม่หยวนกลับจับได้ หนานมู่ชิงหงุดหงิดเพราะเรื่องนี้อยู่นาน ไม่คิดเลยว่าวันนี้หลินเมิ่งหวันจะเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาตอนอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้

หนานมู่ชิงรู้สึกได้ถึงสายตาของทุกคนที่กำลังมองมา ดวงตาเหล่านั้นเหมือนกำลังตบหน้านางจนแก้มของนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและร้อนผ่าวขึ้นมา

หลินเมิ่งหวันหัวเราะเยาะ “ใส่ร้าย? วันนั้นจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยก็ทรงอยู่ที่นั่นด้วย งั้นเราทูลให้จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยพูดไหมล่ะ ว่าจริงๆ แล้วข้าใส่ร้ายเจ้าหรือเปล่า”

หนานมู่ชิงบิดผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น น้ำตาเอ่อล้นอยู่ที่ขอบตา

ตั้งแต่เติบโตมา นางยังไม่เคยรู้สึกอัปยศได้มากเท่าคราวนี้

“จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยเพคะ...” หลินเมิ่งหวันถามราวกับไม่กลัวว่าจะกลายเป็นปัญหาใหญ่

หนานมู่ชิงใจสั่นและมองฉู่โม่หยวนอย่างวิงวอน ท่าทางที่น้ำตารื้นนั้นชวนให้คนเห็นนึกสงสารได้จริงๆ

ฉู่โม่หยวนขมวดคิ้วเล็กน้อยและเอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “ดูเหมือนคราวก่อนคุณหนูหนานจะยังไม่ได้บทเรียนสินะ จึงไม่รู้ว่าไม่ควรพูดพล่ามเหลวไหลในสิ่งที่ไม่ควรพูด”

หลินเมิ่งหวันขมวดคิ้ว คำตอบที่วกวนเช่นนี้มันคืออะไรกัน?

ทุกคนมองฉู่โม่หยวนอย่างตื่นเต้น ดวงตาแต่ละคู่เป็นประกายกล้า

บทเรียน? บทเรียนอะไรกัน

อะไรคือสิ่งที่ไม่ควรพูด? มีเพียงหนานมู่ชิงเท่านั้นที่เหมาะสมคู่ควรกับตำแหน่งจิ่งหวังเฟย คำนี้งั้นหรือ

ทุกคนต่างคาดเดาความหมายในถ้อยคำของฉู่โม่หยวน และภายในใจก็เกิดเรื่องซุบซิบขึ้นมามากมาย

ฉู่โม่หยวนรู้สึกได้ถึงความไม่พอใจของหลินเมิ่งหวัน แต่เขายังคงมองหนานมู่ชิงและเอ่ยว่า “คุณหนูหนาน ข้าเองก็เตือนเจ้าด้วยความหวังดี อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้เจ้าป่วยเป็นอะไรมาก่อน”

หนานมู่ชิงใจหายวาบและมองฉู่โม่หยวนด้วยความหวาดกลัวระคนเสียใจ

วันนั้นนางกับจี้เมิ่งฉีและเหลียงอวี่ฉิงไปเจอกันที่หอเจินเป่า พอกลับมาถึงจวนก็มีผื่นแดงขึ้นเต็มใบหน้า

ต่อมานางจึงได้ยินว่านางมีอาการเหมือนกับหลี่จิ่นซู และหลี่จิ่นซูเป็นเช่นนั้นเพราะถูกจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยวางยาพิษ!

ดังนั้นที่นาง ‘ล้มป่วย’ อย่างฉับพลัน จึงเป็นไปได้มากว่าจะเป็นฝีมือของฉู่โม่หยวน

เพียงแต่ไม่มีใครในจวนหนานกล้าเสาะหาหลักฐานจากฉู่โม่หยวน และหนานมู่ชิงก็ไม่อยากเชื่อว่าฉู่โม่หยวนจะเป็นคนวางยาพิษนาง

แต่ดูเหมือนในตอนนี้ ฉู่โม่หยวนจะกำลังบอกนางว่า คราวก่อนที่นางมีผื่นแดงขึ้นเต็มใบหน้านั้นคือการลงโทษที่นาง ‘พูดพล่ามเหลวไหล’!

เหตุใดฉู่โม่หยวนถึงต้องปกป้องหลินเมิ่งหวันขนาดนี้

หลินเมิ่งหวันเหมาะสมคู่ควรตรงไหน!

ในใจของหนานมู่ชิงนึกเกลียดชังอย่างแรงกล้า น้ำตายิ่งไหลรินลงมาอย่างควบคุมไม่ได้

หลินเมิ่งหวันถูจมูกไปมาด้วยความอึดอัดเล็กน้อย เหตุใดนางจึงรู้สึกผวาแปลกๆ

การที่ฉู่โม่หยวนช่วยเป็นหนังหน้าไฟแทนนางดูเหมือนจะเป็นเรื่องดี แต่เหตุใดนางจึงรู้สึกเหมือนฉู่โม่หยวนก็กำลังเตือนนางเช่นกัน ว่าอย่าอาจหาญให้มากเกินไป

อืม นางคงคิดมากไปเอง!

“ฮ่องเต้เสด็จ ฮองเฮาเสด็จ ไท่จื่อเสด็จ...”

พระเนตรของฮองเฮาเป็นประกายเล็กน้อย “นี่คือผ้าต่วนรึ”

ผ้าต่วนเป็นผ้าที่ล้ำค่าเป็นอย่างมาก ผ้านี้ถูกส่งมาจากแคว้นบ้านเกิดของฮองเฮาเมื่อไม่นานมานี้ ฉู่โม่หยวนมองปราดเดียวก็บอกว่ามีประโยชน์มาก จากนั้นจึงขอไปผืนหนึ่ง

เป็นไปได้หรือไม่ ว่าประโยชน์ที่ฉู่โม่หยวนพูดถึงก็คือการนำไปตัดชุดให้หลินเมิ่งหวัน?

“ใช่พ่ะย่ะค่ะ” ฉู่โม่หยวนพยักหน้า “ลูกนำไปที่หอซ่างยี ให้คนที่หอซ่างยีตัดเย็บตามแบบที่เสด็จแม่ให้มา และเมิ่งหวันก็ใส่ได้พอดีจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”

เขาหันไปมองหลินเมิ่งหวันและเอ่ยเสียงดังขึ้นอีกว่า “เมิ่งหวัน รีบขอบพระทัยเสด็จพ่อกับเสด็จแม่สิ นี่คือของขวัญที่เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ประทานให้เจ้า”

หลินเมิ่งหวันชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นนางจึงรีบคำนับขอบคุณ แต่ถึงกระนั้นก็ยังตะลึงไม่หาย

ทุกคนในอวี้ฮัวหยวนได้ยินดังนั้นก็ยิ่งตะลึงตาค้าง

โดยเฉพาะหลี่เล่อหย่ากับฉีซือเหมี่ยวที่ใบหน้ายิ่งซีดเผือดราวกับคนตาย

แท้จริงแล้วชุดนี้ของขวัญจากฮ่องเต้กับฮองเฮางั้นหรือ

พวกนางไม่เพียงแต่ทำให้ฉู่โม่หยวนขุ่นเคือง แต่ยังทำให้ฮ่องเต้กับฮองเฮาทรงขุ่นเคืองพระทัยด้วย?

ฉีซือเหมี่ยวใจหายวาบและรู้สึกว่าแข้งขาอ่อนแรงไปหมด

หลี่เล่อหย่าก็หน้ามืดขึ้นมา นางหมดสติและล้มลงไปกองกับพื้นทันที

“เล่อหย่า!” สวี่ซื่อซึ่งเป็นเฉิงเซี่ยงฮูหยินไม่ได้พูดอะไรเลยจนกระทั่งถึงตอนนี้ ถึงอย่างไรเมื่อครู่นี้ก็เป็นเพียงการทะเลาะกันเล็กๆ น้อยๆ ของหลี่เล่อหย่ากับหลินเมิ่งหวัน ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ หากนางพูดอะไรไปคงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม

ทว่านางก็ฉวยโอกาสจากการคุกเข่าทำความเคารพฮ่องเต้กับฮองเฮาเข้ามาอยู่ข้างๆ หลี่เล่อหย่า

เมื่อเห็นว่าหลี่เล่อหย่าเป็นลมนางจึงตะโกนออกมาอย่างร้อนใจ จากนั้นจึงรีบเอื้อมมือไปประคองทันที

ฮ่องเต้ทรงขมวดพระขนงทันทีที่ได้ยิน พระองค์ทอดพระเนตรตามเสียงนั้นและเห็นหลี่เล่อหย่าที่หมดสติอยู่บนพื้นกับเฉิงเซี่ยงฮูหยินที่มีสีหน้าเป็นกังวล

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก