พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 129

ในตอนนั้นเอง บรรยากาศในห้องนอนกดดันจนหนักอึ้ง และเธอก็ควานหาโทรศัพท์มือถือของเธอจนเจอ

หลังจากเปิดเครื่องด้วยความยากลำบาก การแจ้งเตือนทั้งหมดของเธอก็โผล่เข้ามาเต็มหน้าจอไปหมด

เบรย์เดนส่งข้อความหาว่า 'บี เลิกงานกี่โมงครับ? คืนนี้เราจะทานอาหารเย็นด้วยกันดีไหมครับ?'

เบียงก้ารีบกลับไปตอบเบรย์เดน

หลังจากตอบกลับไป เบียงก้าก็ไม่กล้ามองย้อนกลับไปที่ลุคที่นั่งอยู่ข้างเตียง เธอสูดหายใจเข้าเบา ๆขณะหมุนลูกบิดประตู แล้วเดินออกไปด้วยอาการหอบ

เธอปิดประตูห้องนอนอย่างระมัดระวัง เบียงก้ามองไปรอบ ๆ และตระหนักว่าตนเองอยู่ในคฤหาสน์ ซึ่งน่าจะเป็นคฤหาสน์ของซาเวียร์

เสียงแก้วกระทบกันดังมาจากชั้นล่าง ฟังดูเหมือนงานเลี้ยงสังสรรค์

เบียงก้ามองไปรอบ ๆ และดูเหมือนจะไม่มีทางออกอื่นนอกจากการลงไปชั้นล่างและใช้ทางเข้าหลักในการออกไปข้างนอก เธอเดินไปที่บันไดและไม่กล้าทำเสียงใด ๆ

“คุณเรย์นครับ?” ขณะที่เจสันเดินขึ้นไปชั้นบน เขาก็บังเอิญชนกับเบียงก้าที่กำลังมองลงมาจากบันไดชั้นสอง

ขณะที่ทั้งสองมองหน้ากัน เบียงก้าพูดอย่างเชื่องช้าว่า "สวัสดีค่ะ คุณดอยล์"

ในวินาทีนั้น ในที่สุด เจสันก็เข้าใจว่าทำไมเจ้านายถึงเอาแต่มองขึ้นไปข้างบน และทำไมเขาต้องลุกออกจากการรับประทานอาหารเย็นกลางคันและขึ้นไปชั้นบน แต่เจสันสงสัยว่าเหตุใดเบียงก้าจึงอยู่ชั้นบนของคฤหาสน์แทนเนอร์ได้

เจสันอ่านคนเก่ง ขณะที่เขาเดินไปรอบ ๆ ในงานเลี้ยงสังสรรค์ของตระกูลแทนเนอร์ เขาก็ได้ยินข่าวลือทั่วไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

ทุกคนต่างบอกว่า ในที่สุด ซาเวียร์ก็กลับตัวกลับใจเป็นคนดีเสียที และพาแฟนสาวมาพบทุกคนในคืนนั้น แต่ผู้หญิงคนนั้นมีสุขภาพไม่ดีและหมดสติเพราะลมแดด

ทันทีที่เขากลับถึงบ้าน เธอหมดสติและซาเวียร์พาเธอไปพักผ่อน

เห็นได้ชัดว่ามีหมอมาเพื่อรักษาเธอให้หายจากอาการลมแดดโดยการให้ยาทางหลอดเลือดเธอ

เมื่อเจสันก้มศีรษะลงและเหลือบมองที่มือของเบียงก้า เขาเห็นว่ามือซ้ายเธอมีร่องรอยของเข็มฉีดยาอยู่

เจสันไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปยุ่งหรือตั้งคำถามเกี่ยวกับความรู้สึกและเรื่องส่วนตัวของเจ้านาย เขาเพียงแต่เงยศีรษะขึ้นและเตือนว่า “ผู้คนชั้นล่างส่วนใหญ่เป็นผู้มีอิทธิพล คุณเรย์น... ผมเกรงว่าตอนนี้คุณน่าจะยังออกไปไม่ได้นะครับ”

เบียงก้าอยากให้ตัวเองสามารถล่องหนหายไป แล้วออกไปในทันที แต่ถึงอย่างนั้น ความจริงก็คือความจริง เธอไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้

“น้าบี?” บลองช์ถือเครื่องเล่นเกมไว้ในมือข้างหนึ่งและปรับหูฟังอันเล็กที่หูน้อย ๆ ด้วยมืออีกข้างหนึ่ง และพาน้องสาวเข้าหาพวกเขา

เด็กน้อยสองคนรีบขึ้นไปชั้นบน

แต่ก็ไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไรที่ได้เห็นว่า เด็กน้อยทั้งสองกำลังกอดต้นขาของเบียงก้าอยู่

เมื่อน้าบีอยู่เบื้องหน้าพวกเขา แน่นอนว่าสองพี่น้องจะต้องเลือกเธอมากกว่าเครื่องเล่นเสมอ

"ผมจะลงไปข้างล่างนะครับ" หลังจากที่เจสันเห็นพวกเขา เจสันก็จากไปอย่างรวดเร็ว โดยทิ้งลูก ๆ ของเจ้านายและเบียงก้าไว้

“น้าบีคะ พ่ออยู่ไหน?” เรนนี่เงยหน้าขึ้นและถามขณะจับกระโปรงด้วยมือเล็ก ๆ

เธอไม่สามารถยืนอยู่ที่บันไดได้ตลอดไป ตอนนี้เด็กสองคนกำลังกอดขาเธอแน่น ดูเหมือนว่าสิ่งเดียวที่เธอจะทำได้คือส่งลูกสองคนไปหาพ่อ

เมื่อเธอเปิดประตู เบียงก้าก็เห็นลุคยืนอยู่ตรงหน้าต่างบานใหญ่ มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋าเสื้อ และอีกมือหนึ่งกดอยู่บริเวณระหว่างคิ้วที่ขมวดเป็นปมอยู่

เมื่อเห็นเธอเข้ามาพร้อมกับเด็กสองคน ลุคก็วางมือลงและจ้องมาที่เธอ

“ฉันมีอย่างอื่นที่ต้องทำนะจ๊ะ ตอนนี้อยู่กับพ่อของหนูก่อนนะ” หลังจากที่เธอพาเด็กสองคนเข้าไปในห้องแล้ว เธอก้มลงและพยายามเกลี้ยกล่อมพวกเขา ซึ่งนั่นหมายความว่าเธอกำลังจะจากไป

ถึงอย่างนั้น เด็กน้อยทั้งสองก็ฉลาดมากเช่นกัน และไม่ยอมลงจากน้าบีเพราะนั่นเทียบเท่ากับว่าน้าบีจะทอดทิ้งทั้งสองอีกครั้ง!

“หนูอยากอยู่กับน้าบีค่ะ” เรนนี่ทำหน้าบึ้งแบบเด็ก ๆ ขณะที่แขนเล็ก ๆ ของเธอโอบรอบคอของเบียงก้าเอาไว้ เธอเอาหน้าถูกับผิวของเธอไปมา

หัวใจของเบียงก้าอ่อนลงเมื่อขนตาหนาและยาวของเรนนี่กะพริบราวกับแปรงเล็ก ๆ ปัดลงบนผิวที่เรียบเนียนของเธอ

ลุคไม่สนใจที่จะช่วยเธอให้หลุดจากเงื้อมมือแห่งความขี้อ้อนของเรนนี่ แต่ปล่อยให้เด็กเกาะติดกับเธอมากขึ้นแทน

“บอกให้ฉันหยุดทำไมคะ?”

เมื่อเธอถามเขาเสร็จ เธอรู้สึกว่าลุคเอนกายมาทางเธอ ทันทีที่เขาเอนกายไปหาเธอ และกดน้ำหนักลงที่บนตัวเธอ เงาสีดำบดบังสายตาและกดเธอเข้ากับประตู

สัมผัสที่ร้อนชื้นบนริมฝีปากของพวกเขาอุ่นขึ้นทีละน้อย

เขาดูดริมฝีปากของเธอด้วยแรงปรารถนาทั้งหมด

บรรยากาศโดยรอบยังคงสงบนิ่ง และหัวใจที่ตื่นกลัวก็เต้นระรัว ซึ่งเร็วมากเสียจนเธอได้ยินเสียงน้ำลายประสานกันขณะที่เขาดูดริมฝีปากเธอ

เบียงก้าผลักเขาอย่างแรง!

แต่ในเวลาต่อมา ลุคก้มศีรษะลงจูบริมฝีปากทั้งหมดของเธอทันที ลมหายใจชายคนนั้นได้ยินชัดอยู่ภายในโสตประสาท จากนั้นเริ่มแรงและถี่ขึ้นทีละน้อย

และในที่สุด ลุคละริมฝีปากออกจากเบียงก้า

เขามองกลับมาที่เด็กน้อยทั้งสองและพูดออกมาว่า “น้าบีไม่ใช่แฟนของคนอื่น น้าบีเป็นแฟนของพ่อเอง” จากนั้นเขาใช้นิ้วหัวแม่มือถูริมฝีปากสีแดงก่ำของเธอ

บลองช์และเรนนี่กำลังจะร้องไห้ แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่พ่อพูด พวกเขาก็ดีใจจนกระโดดโลดเต้นและวิ่งไปทั่วห้อง

“ไม่ใช่นะ คุณไม่ใช่… อืม…”

ด้วยริมฝีปากที่เปิดอยู่ของเบียงก้าพยายามจะบอกว่าไม่ใช่ แต่ถูกชายที่มองย้อนกลับไปขวางไว้อีกครั้ง

ลุคไม่ได้จูบเธออย่างดูดดื่มหรือทำให้มันเร้าอารมณ์มากมายนัก เพราะอย่างไรเสีย พวกเขายังอยู่ต่อหน้าเด็ก ๆ ในฐานะพ่อ เขาต้องอดกลั้นอยู่เสมอ แต่มีเพียงการจูบเท่านั้นที่จะแก้ปัญหาให้กับพวกเขาได้

เรนนี่ปรบมืออย่างมีความสุข “เย้ พ่อจูบน้าบีด้วยแหละ เฮ้!”

จากระดับความสูงที่เด็ก ๆ มองไม่เห็นมากนัก ลุคจับใบหน้าซีดและจูบริมฝีปากสีชมพูนั้นแรงยิ่งขึ้นจนกลายเป็นสีแดงและบวมเป่ง เพราะผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้ให้กำเนิดทารกแฝดสองคนสำหรับเขา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก