มีรอยแดงจาง ๆ บนใบหน้าของเบียงก้า ซึ่งสะดุดตาเป็นพิเศษ
ซูนั่งอยู่ด้านหน้า แล้วไม่ไกลจากเจ้านาย เธอถือปากกาสำหรับเซ็นชื่อเอาไว้และไม่กล้าสบตาเขามากกว่าปกติ
เครื่องปรับอากาศในห้องประชุมนั้นดังสนั่น แต่เมื่อใบหน้าของเจ้านายหม่นลง อุณหภูมิภายในห้องก็ดูเย็นลงราวกับอากาศได้รวมกันเป็นชั้นน้ำแข็งที่มองไม่เห็นและแช่แข็งใบหน้าของทุกคน
“หน้าคุณไปโดนอะไรมา?”
ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงัด จู่ ๆ เจ้านายก็เอ่ยถามอย่างใจเย็น
ไม่มีใครกล้าตอบคำถามนั้น
เนื่องจากหัวหน้าแผนกยังมาไม่ถึง ในฐานะหัวหน้าทีม ซูจึงจำใจต้องบอกแก่เขาไปด้วยสีหน้าหนักใจ “เพื่อนร่วมงานชายคนหนึ่งเกิดคลุ้มคลั่งแล้วก็คว้าแฟ้มกองหนึ่งปาใส่หน้าเบียงก้าค่ะ”
การประชุมที่แสนจริงจังนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวเสียหน่อย เบียงก้าเงยหน้าขึ้นแล้วกล่าว “ฉันไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วง คุณครอว์ฟอร์ด”
เมื่อซูได้ยินดังนั้น ใจทั้งดวงของเธอก็แตกสลาย
เบียงก้าแสดงท่าทีห่างเหินเกินไป
ซูเหลือบมองหน้าเจ้านายของพวกเธออย่างระวัง เธอสัมผัสได้ถึงความโกรธขึงจากเจ้านายหน้าคมแสนหล่อเหลา… และเดือดดาล...
“ฌองเหรอ?”
หลังจากจมอยู่กับความเงียบนานแสนนาน ซูก็ได้ยินเจ้านายของเธอเอ่ยชื่อเขา
ทุกคนทำได้เพียงพยักหน้า
วินาทีต่อจากนั้น พวกเขาเห็นว่าสีหน้าของเจ้านายของเจ้านายดำมืดลงอีก คุณครอว์ฟอร์ดกล่าวกับทุกคนด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ถ้ามีใครคิดฉวยโอกาสระหว่างที่คนในแผนกรวมตัวกันวางยาเพื่อนร่วมงานหญิงอีก แน่นอนว่าใครคนนั้นต้องได้รับบทลงโทษ!”
เพื่อนร่วมงานหญิงนั้นยังมีสีหน้าเป็นปกติ ในขณะที่เพื่อนร่วมงานชายผู้ซึ่งไม่เคยทำเรื่องเช่นนั้นเสียวสันหลังวาบ...
และหนึ่งบุคคลในกรณีนี้คือ ฌอง ที่ทำให้เพื่อนร่วมงานชายคนอื่น ๆ เดือดร้อน
ลุคสำรวจพนักงานชายของเขาด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ถ้าใครอยากเข้าคุก ก็ลองทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นในบริษัทของผมดูสิ”
ซูถอนหายใจอย่างโล่งอก
ดูเหมือนคุณครอว์ฟอร์ดได้ปลดปล่อยเบียงก้าให้เป็นอิสระเสียที
...
การประชุมนั้นไม่ได้ยาวนานเลย
ที่ผ่านมา ท่านประธานไม่เคยเรียกประชุมกับพนักงานแผนกออกแบบโดยตรงเลย บางครั้งอาจเป็นหัวหน้าแผนกที่ต้องเข้าพบเจ้านาย หลาย ๆ ครั้ง หัวหน้าแผนกต้องเป็นคนแบกหน้ารับความผิดแทนลูกน้องในแผนกเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาทำให้เจ้านายโกรธ
ซูสรุปเอาเองว่าตั้งแต่เบียงก้าเข้ามาทำงานในแผนกออกแบบ ก็ดูเหมือนว่าแผนกออกแบบทั้งแผนกจะกลายเป็นแผนกยอดนิยมของบริษัทไปเสียแล้ว พวกเขาจะมีโอกาสได้พบกับเจ้านายที่พวกเขาเคารพทุกเมื่อเชื่อวัน
การประชุมจบลงในที่สุด
เมื่อทีมของเพื่อนร่วมงานถูกยุบไป ทีมอื่น ๆ ต่างพากันเดินคอตกเพราะความเศร้าสร้อย
เจ้านายต้องการระบายโทสะกับอะไรสักอย่าง
แม้ว่าฌองจะเป็นคนเดียวในทีมที่ทำผิด แต่เขาก็ดึงคนทั้งกลุ่มให้ลงนรกไปด้วยกัน เป็นความผิดที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน!
ไม่มีใครกล้าตั้งคำถามถึงความโกรธเกรี้ยวของเจ้านาย ทุกคนก้มหน้าลงแล้วสาปแช่งฌองในใจ เจ้าสารเลวนั่นวางยาเพื่อนร่วมงานได้ยังไง? หมอนั่นสร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่ให้บริษัท และทำให้ทุกคนถูกเจ้านายว่ากล่าวอย่างรุนแรงรายบุคคล
สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดของเรื่องนี้ก็คือ พวกเขาเป็นกลุ่มชายชราที่สามารถเป็นปู่ของใครบางคนได้แล้วแท้ ๆ พวกเขาต้องมาโดนเจ้านายดุแบบไร้คำหยาบ อย่างกับปู่ดุหลานชายตัวเอง แถมพวกเขายังแย้งอะไรไม่ได้อีกต่างหาก
พวกเขาได้ยินมาบ้างว่าพวกเศรษฐีน่ะมีปัญหาทางจิต ดังนั้นผู้ชายที่ร่ำรวย มีอำนาจและยังโสดอย่างคุณครอว์ฟอร์ดก็คงจะมีจิตใจที่บิดเบี้ยวและมีปัญหามากที่สุด
เพราะอย่างนั้น พวกเขาจึงคิดว่าการไม่ยุ่งกับคนอย่างเขาน่าจะดีกว่า ไม่เช่นนั้น พวกเขาคงจะถูกเพ่งเล็งเป็นแน่
...
ในตอนที่เบียงก้าเตรียมจะลงไปชั้นล่าง ก็มีใครบางคนเข้ามาขวางทางเธอ
เจสันหยุดเธอไว้ตรงหน้าประตูห้องประชุม เขาได้รับมอบหมายภารกิจหนึ่งอย่างมา และถ้าหากเขาพาเธอขึ้นไปด้วยไม่ได้ เขาก็จะไม่สามารถรายงานผลได้
ซูสามารถคาดเดาได้ทันทีว่าเหตุการณ์ตรงหน้าคืออะไร เธอจึงผละตัวออกจากเบียงผู้น่าสงสารอย่างว่องไว เธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแม่หนูน้อยผู้น่าสงสารคนนี้จะโผเข้าสู่อ้อมแขนของเจ้านายผู้แสนดีคนนั้นเพื่อที่เธอจะได้รับการปลอบประโลมเป็นอย่างดี และลองคิดดูสิ ถ้าทั้งคู่ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เขาจะไม่แบกเธอขึ้นเสลี่ยงหรือแม้แต่เก็บเธอไว้ในตู้นิรภัยอย่างดีเลยหรืออย่างไร
ซูคิดว่าเจ้านายของเธอน่ะแน่มาก บีไปหาเขาด้วยใบหน้าสิ้นหวัง แต่กลับมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ แถมริมฝีปากของทั้งแดงและบวมด้วย
เบียงก้าพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะจดจ่อกับงานตรงหน้าจนกระทั่งถึงเวลาเลิกงานเลยทีเดียว
เธอรู้สึกว่าเธอน่าจะเป็นพนักงานคนแรก ๆ ที่ออกมา ก่อนถึงชั่วโมงเร่งด่วย เธอข้ามถนนไปยังสถานีรถไฟใต้ดิน
โทรศัพท์ของเธอดังอยู่นานกว่าที่จะได้ยิน
หลังจากรับสายจากหมายเลขที่เธอไม่รู้จัก เบียงก้าก็นั่งไป
เธอมองไปรอบตัวด้วยความตระหนก ก่อนที่ในที่สุด เธอจะเห็นรถปอร์เช่ คาเยนน์เข้ามาใกล้ ปลายสายจึงวางไป
ซาเวียร์เลื่อนกระจกรถลง แล้วมองมาที่เธอ “ขึ้นรถสิ บางที ผมอาจจะช่วยคุณหาปู่เจอก็ได้”
ร่างกายของเบียงก้ามึนงง และสมองก็ไม่ยอมสั่งการไปขณะหนึ่ง
น้ำเสียงของซาเวียร์ดูมั่นใจเหลือเกินว่าเขารู้ที่อยู่ของปู่ แต่อย่างไรเสียเขาก็พูดว่า ‘อาจจะ’...
“ถ้าคุณเบื่อมากก็ไปหาเพื่อนเล่นที่อื่นเถอะ” เบียงก้าพยายามตั้งสติ เธอกำโทรศัพท์มือถือไว้แน่น
ซาเวียร์เงียบไปอึดใจหนึ่ง ขณะกำพวงมาลัยของรถคาเยนน์ด้วยมืออันใหญ่โตข้างหนึ่ง หลังจากนั้น ซาเวียร์เงยหน้าและมองมาที่เธอพร้อมคิ้วขมวดเป็นปม เขาหยิบหนังสือเดินทางสองเล่มขึ้นมาชูไว้ “เล่มหนึ่งเป็นของคุณ อีกเล่มเป็นของผม ถ้าผมบอกคุณว่าผมได้มาจากปู่ของคุณล่ะ คุณจะเชื่อผมไหม?”
ทันทีที่เห็นหนังสือเดินทาง มือที่ถือโทรศัพท์อยู่ก็เกิดสั่นขึ้นมา
ซาเวียร์เปิดหนังสือเดินทางแล้วเอาให้เธอดู
มันเป็นหนังสือเดินทางของเธอจริง ๆ
“ถึงแม้ว่าผมจะมีคนรู้จักอยู่ที่สำนักงานกิจการพลเมืองก็เถอะ แต่ผมก็อยากแน่ใจว่าเราจะไปถึงก่อนพวกเขาจะเลิกงาน เพื่อไม่ให้เพื่อนผมต้องลำบากใจ” ซาเวียร์กล่าวก่อนจะก้าวขายาว ๆ ลงมาจากรถ เขาโอบกอดเธอราวกับเป็นสามีที่ดูแลภรรยาอย่างดี เขาเตือนเธออย่างไม่น่ารักและห่างเหินที่ข้างหู “ถ้าคุณไม่เชื่อฟังคนที่เพิ่งออกมาจากคุกอย่างผม คุณจะสูญเสียปู่ที่เลี้ยงคุณมาไปแน่”
เบียงก้าแอบกัดฟัน และพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากเขา เธอมองเขาด้วยสายตาแบบเดียวกับที่มองปีศาจร้าย
ซาเวียร์ไม่คลายอ้อมแขนที่รัดเธอจนแน่น “ผมต้องการเมียสักคน และเวลาก็กำลังจะหมดแล้วด้วย คุณจะจดทะเบียนสมรสกับผมก่อนหกโมงเย็น หรือคุณอยากจะรอรับศพปู่ของคุณ ก็เลือกเอาได้เลย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก