เบียงก้าคว้าผ้าห่มผืนสุดท้ายในบ้านมากางออก แล้วห่มให้กับชายคนนั้น
หลังจากที่เธอห่มผ้าและจัดชายผ้าห่มให้เขา แขนเรียวบางพลันถูกแรงมหาศาลคว้าไว้ เธอกำลังจะดึงแขนกลับมา
เบียงก้าเงยหน้าขึ้น ดวงตาก็สบเข้ากับสายตาแสนลึกล้ำของชายคนนั้น สายตานั้นแทบจะสะกดร่างกายและวิญญาณเธอไว้ได้ในทันที
เขาคว้ามือเธอไว้ในทันใด
เบียงก้าล้มลงบนพื้นตรงหน้าเขาก่อนจะทันได้ตอบโต้ใด ๆ
เธอกลั้นหายใจ เมื่อเผชิญหน้ากับเขา เบียงก้าค่อย ๆ กลืนน้ำลาย ร่างกายเธออ่อนแรงและอุ่นขึ้น ในขณะที่เขาจ้องเธอด้วยดวงตาแสนร้อนระอุ
ลุคที่มีตาสองชั้น คิ้วดูหนาที่ขนคิ้วเรียงกันเป็นแนวละเอียดซึ่งทำให้เขามีลักษณะโดดเด่นสง่างาม มีความมั่นใจและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
เธอจ้องไปยังจมูกโด่งนั้น ริมฝีปากบางได้รูปอันเย้ายวนของเขา ทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก จนลมหายใจสอดประสานกัน ช่างเป็นเช้าอันสวยงาม ไม่มีผู้หญิงคนใดสามารถต้านทานเสน่ห์อันเย้ายวนนี้ได้
เบียงก้าเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น เธอหาใช่นักบุญไม่
สามัญสำนึกของเธอจมอยู่ในความรู้สึกที่หวั่นไหวเหล่านี้ เขาสามารถจุดประกายไฟได้ทุกเมื่อ เธอกำลังลงดิ่งไปเรื่อย ๆ…
“น้าบี…” เรนนี่เดินออกจากห้องนอน ขณะพึมพำ ผ้าก๊อซที่ตากำลังจะร่วงหล่นลงมา เธอกำลังเดินอยู่และล้มไปในอ้อมแขนของเบียงก้าทันที
เบียงก้าอุ้มเรนนี่ขึ้นขณะจัดท่าทางใหม่ให้เรนนี่ พลางถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? นี่หนูนอนไม่หลับเหรอ?”
“น้าบีกับพ่อไปส่งหนูโรงเรียนได้ไหมคะ? นะ?"
นี่คือความปรารถนาของเด็ก
เธอมีความฝันที่จะเข้าเรียนตั้งแต่อายุสามขวบ
เด็ก ๆ ทุกคนที่เธอรู้จักล้วนเคยชินกับการได้ใกล้ชิดกับพ่อแม่เวลาไปรับไปส่งพวกเขาที่โรงเรียน
เธออิจฉาเด็ก ๆ เหล่านั้นมาก
แม้ว่าลานี่จะพูดเบา ๆ แต่เธอก็รู้ได้เลยว่าลานี่อิจฉาที่คนอื่น ๆ มีทั้งพ่อและแม่คอยอยู่เคียงข้าง
ในตอนนั้นเบียงก้าไม่เห็นด้วย เพราะทางเข้าโรงเรียนมีคนเยอะมาก เธอกลัวว่าเธอจะมีปัญหาโดยไม่จำเป็น หากเธอส่งเจ้าชายและเจ้าหญิงของครอบครัวครอว์ฟอร์ดไปโรงเรียน
ชายคนนั้นลุกออกจากโซฟาและมองไปที่เบียงก้า “ลานี่กับเรนนี่อยากมีแม่มานานแล้ว ถ้าคุณมองจากทุก ๆ ด้านแล้ว พวกเด็ก ๆ ก็ไม่ได้มีความสุขเท่ากับเด็ก ๆ คนอื่นหรอกนะ”
คำพูดที่ออกจากปากลุคนั้นสุขุมลึกซึ้ง
ลุคต้องการจะสื่อว่าเรนนี่และลานี่ต้องการ ‘แม่’ ไม่ใช่ ‘น้าบี’ แม้ว่าเธอจะไม่กล้าคาดเดาอะไรมากมาย แต่สิ่งที่เขาพูดออกมาค่อนข้างชัดเจน
เธอมองที่เรนนี่ในอ้อมแขนของเธอก่อนจะพยักหน้าตกลง
…
เบียงก้าไม่ชอบการทำอาหาร เธอเลยไม่ได้ใส่ใจหรือตั้งใจปรุงอาหารมากนัก
แต่ถึงอย่างนั้น เห็นแก่เด็ก ๆ เธอจะทำอาหารเช้าเองเพื่อพวกเขาเอง เธอกลัวว่าลูกจะเบื่อที่ได้อยู่กับเธอ และคิดว่าเธอเป็นคนที่น่าไม่เอาไหน
เธอหุงข้าวและพิมพ์ข้าวออกมาเป็นรูปหมีแพนด้าแสนน่ารัก จากนั้นเธอก็ใช้ผักหลากสีตกแต่งข้าวปั้น ก่อนราดซอสรสอร่อยลงไป
“อั่ม! หนูกินแพนด้าหลากสีด้วยแหละ แต่เธออย่าร้องไห้ไปเลยนะ เพราะเธอน่ะคืออาหารของฉัน และเธอไม่ใช่ลูกแพนด้าตัวจริงสักหน่อย…”
ในขณะรับประทานอาหารเช้า เรนนี่คุยกับอาหารอย่างสนุกสนาน
ลุครับประทานอาหารเช้าที่จืดชืดอยู่อีกด้าน เขาไม่ได้พูดอะไร
โต๊ะมีสี่ด้าน แต่เบียงก้าและเด็ก ๆ ทั้งหมด นั่งรวมอยู่ที่ด้านหนึ่งของโต๊ะ ขณะกำลังรับประทานข้าวปั้นรูปร่างต่าง ๆ กับซอสทุกชนิดที่มี พวกเขาดูสนิทสนมกลมกลืนกัน
อีกด้านหนึ่งของโต๊ะ ลุคมีนมอุ่นหนึ่งแก้วอยู่บนโต๊ะ และรับประทานขนมปังปิ้งธรรมดากับแยมสตรอว์เบอร์รี
พวกเขาทั้งสี่กำลังทานอาหารเช้าอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากัน ทุกอย่างชัดเจนจนแทบไม่ต้องเดาเลยว่าใครเป็นคนทำอาหารเช้า
ลุคลุกขึ้นอย่างช้า ๆ หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ “นี่จะเป็นคืนสุดท้ายที่ลูกสองคนจะอยู่ที่นี่นะ พรุ่งนี้กลับไปที่คฤหาสน์พร้อมกับพ่อได้แล้ว”
ลานี่และเรนนี่หยุดรับประทานทันที และเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นพ่อที่หันหลังให้ทางพวกเขา
ตามที่เธอตกลงกันไว้ เธอต้องลงจากรถให้ห่างจากบริษัทมาระยะหนึ่ง
ลุครู้สึกว่าสิ่งนี้นั้นไม่จำเป็น แต่เขาก็แค่ปล่อยให้เธอทำทุกอย่างตามที่เธอต้องการ เขาไม่ต้องการบังคับเธอมากเกินไป
เมื่อเบียงก้าเดินแผนกออกแบบ อีวอนน์ก็ยังไม่มาทำงาน
ในที่สุด อีวอนน์ก็มาถึงที่ทำงานตอนสิบโมง เธอยิ้มให้เพื่อนร่วมงานและพูดว่า “ขอโทษนะ ที่ฉันมาสาย เมื่อวานฉันนอนดึกเกินไปน่ะ ฉันเหนื่อยมากเลยเนี่ย…”
เพื่อนร่วมงานหญิงล้ออีวอนน์ว่า “แหม่วอนน์ สามีคุณเนี้ยคงจะเก่งเรื่องอย่างว่ามากเลยล่ะสินะ?” เธอรู้ว่าอีวอนน์ชอบลักษณะการสนทนาแบบนี้ ถ้าอีวอนน์มีความสุข ก็อาจจะให้น้ำหอมราคาแพงที่ไม่ค่อยได้ใช้แก่เธอ แน่นอนว่าใคร ๆ ก็อยากได้ของฟรี คนแบบนี้หลอกง่ายที่สุดแล้ว
ด้วยเหตุนี้ อีวอนน์จึงกลายเป็นบุคคลที่ทุกคนจะประจบประแจงในทุกโอกาส
หรืออาจเรียกได้ว่าเธอเป็นพวกมือเติบที่ไร้สมองก็ว่าได้
"โอ้ เธอ! เธอน่าจะรู้อยู่แล้วนี่นะ แต่เธอยังจะถามฉันอีก…” อีวอนน์ท้วงอย่างเย้ยหยัน จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นไปชงกาแฟในห้องพักพนักงาน
นีน่าส่งข้อความถึงเบียงก้า
'บี เมื่อคืนนี้ บอสอยู่กับเธอใช่ไหม?'
เมื่อเธอเห็นข้อความนั้น เบียงก้าก็รู้สึกลังเล เธอพิมพ์ตามเสียงหัวใจไปว่า "ใช่"
ซูลุกขึ้นทันที เมื่อเธอออกไปทำคุยงาน เธอได้พบกับเจสันและไม่สามารถระงับความโกรธได้ ซูบอกเจสันถึงสิ่งที่อีวอนน์จะพูดในช่วงเวลา 'กระเหี้ยนกระหือรือ' ของเธอ
หลังจากที่เจสันได้ยินแบบนั้น เขาก็ขมวดคิ้ว "จริงเหรอ?"
"แน่นอนสิ! ถ้าไม่เชื่อ ก็ไปดูคลิปจากกล้องวงจรปิดซะสิ!” ซูเข้าใกล้เจสันมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นเธอจึงพูดจาสุภาพน้อยลง เธอไม่รั้งรออะไรและสบายใจมากขึ้นเมื่ออยู่ใกล้ ๆ เขา
เจสันมองดูซูที่เดินออกจากสำนักงาน สมองของเขาไม่สามารถบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ผู้หญิงคนนั้นมีสีหน้ามืดมน แต่ทำไม… เมื่อพูดกับเขา ทำไมเธอถึงกลอกตาใส่เขา?
เจสันมีหน้าที่บางอย่างที่เขาต้องดูแล แต่เขาเอาแต่คิดอยู่ตลอดว่าอีวอนน์จะมีอารมณ์มากเสียจนต้องแต่งเรื่องต่อหน้าเบียงก้าในเวลาทำงานขนาดนั้นด้วยเลยเหรอ เขาไม่สามารถมีสมาธิกับงานของเขาได้เลย
เมื่อเขากลับไปที่ชั้นบนสุด เจสันรู้สึกว่าเขาควรแจ้งให้เจ้านายทราบเรื่องนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก