มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เด็กชายยังคงไม่เข้าใจ ดังนั้นเขาจึงยืนอยู่ที่ประตูห้องน้ำและรอให้พ่อของเขาออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ
จากนั้นไม่นาน ลุคก็ออกมาจากห้องน้ำโดยมีเพียงผ้าขนหนูพันรอบเอว หน้าอกอันกระชับของเขาเปล่งประกายไปด้วยหยดน้ำที่มองดูแล้วให้ความรู้สึกที่แสนจะเย้ายวน
“คุณพ่อครับ ผมเชื่อว่าคุณบีเธอเองก็มีพ่อมีแม่ แล้วทำไมพ่อถึงต้องดูแลด้วย?” บลองช์ยังคงไม่สามารถหาคำตอบได้
ลุคนั่งลงด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายในขณะที่เขากำลังเช็ดผมที่เปียกด้วยผ้าขนหนู เขาถามกลับว่า “ลูกอายุเท่าไหร่? แล้วเธออายุเท่าไหร่?"
“อืม ผมอายุ 5 ขวบ...” บลานช์ตอบ “แต่ผมไม่รู้ว่าคุณบีอายุเท่าไหร่”
ลุคมองดูลูกชายแล้วตอบอย่างจริงจังว่า “ลูกอายุ 5 ขวบและเธออายุ 24 ปี ทั้งสองคนอายุห่างกันตั้ง 19 ปี ลูกจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และลูกจะเป็นผู้ใหญ่เหมือนกับพ่อ เมื่อถึงตอนนั้น ลูกจะมีอาชีพและความฝันที่อยากจะไล่ตาม และพ่อก็คงจะมีอายุสัก 50 ได้และหลังจากไม่นาน พ่อก็จะแก่ชราเช่นเดียวกับคุณบีของลูก วันหนึ่งเราจะแก่เหมือนกับคุณปู่ทวดของลูก แต่กว่าจะถึงวันนั้นยังมีเวลาอีกมากมาย ผู้ชายมีไหล่ที่แข็งแรงกว่าผู้หญิงเมื่อต้องทนต่อเรื่องความเจ็บป่วยความชรา ความเป็นและความตาย และทนต่อความตรึงเครียดและแรงกดดันทั้งหมดที่ถาโถมเข้ามา”
เด็กชายพยักหน้าหนักแน่น!
เขาจำได้ว่าพ่อของเขาเคยบอกเขาก่อนหน้านี้ว่าไหล่ของผู้ชายมีไว้เพื่อรองรับทั้งครอบครัวทั้งเด็กและผู้ใหญ่
บลองช์คิดทบทวนอีกครั้งและกล่าวว่า “แต่คุณบีจะต้องมีสามีและลูก ๆ ของเธอเอง คุณพ่อครับ คุณจะดูแลคุณบีและสามีของด้วยเธอไหม?”
ถ้าอย่างนั้น พ่อก็คงจะใจดีเกินไป
“ทำไมพ่อต้องดูแลสามีของเธอด้วยล่ะ?” ลุคมองลูกชายอย่างเย็นชาเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาลุกขึ้นยืน และโยนผ้าเช็ดตัวที่เปียกครึ่งหนึ่งลง เขาไม่ยอมเปิดปากคุยกับลูกชายเรื่องนี้อีกครั้ง
สามีของเธอ?
ฌอง แลงดอนอะไรนั่นเหรอ?
ลุคขมวดคิ้วขมวด
เด็กชายก้มหน้าลงและแตะนิ้วชี้เข้าหากัน เขาไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรผิดไปจึงทำให้พ่อของเขาโกรธ
…
ในทางกลับกัน ณ ย่านริกัล แคปปิตอล
คืนนั้น เบียงก้าไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน
ฝันร้ายทำให้เธอหวาดกลัวในคืนแห่งความมืดมิด แต่เมื่อรุ่งสาง หัวของเธอก็รู้สึกปวดมากจนเธอไม่สามารถลุกขึ้นได้
โทรศัพท์ของเธอเปิดสั่นเอาไว้
ดังนั้นเธอจึงไม่ได้สังเกตเห็น
ฌองส่งข้อความมาทางวีแชท "เบียงก้า พี่เดาว่าเธอคงจะหลับอยู่ พี่หวังว่าข้อความนี้จะไม่ได้รบกวนเธอนะ วันนี้พี่คงจะยุ่งมาก ขอโทษทีนะ แต่พี่คงจะไปเยี่ยมเธอไม่ได้แล้ว ถ้าหากว่าอาการหวัดยังไม่ดีขึ้น ก็อย่าลืมทานยานะ เจอกันที่ทำงานในวันจันทร์ แม่บอกว่าวันนี้แม่จะไปเยี่ยมเธอนะ ดังนั้นแมเลยตื่นแต่เช้าทำซุปไก่ไปให้ พี่ได้บอกที่อยู่ของเธอไปเรียบร้อยแล้วนะ”
เบียงก้ากำลังนอนหลับอยู่ เธอจึงไม่เห็นข้อความนั้นในตอนนี้
ภายนอกห้องพักของเธอ
แสงแดดสาดส่องลงมาหลังจากที่ฝนตกเมื่อคืนนี้
อากาศภายในวันนี้ไม่ร้อนมาก มันอบอุ่นเมื่อแสงแดดส่องลงมาที่บนใบหน้าของผู้คนและความชื้นภายในอากาศนั้นก็กำลังพอดี
แม่ของฌองประคองขวดซุปไก่เอาไว้ในมือ หลังจากที่ลงจากรถบัสแล้ว เธอก็มุ่งหน้าไปยังย่านริกัล แคปปิตอลอย่างไร้กังวล
พื้นที่แถวนั้นค่อนข้างโทรม
แม้ว่ามันจะไม่ใช่ย่านใหม่ของเมือง แต่มันก็อาจจะยังไม่ถูกรื้อถอนในอีก 15 ปีข้างหน้าเช่นกัน เพราะนักพัฒนาส่วนใหญ่จะไม่สามารถทำอะไรมากมายกับพื้นที่ของเมืองส่วนนี้ได้
แอนนากำลังลังเล ราวกับว่ากำลังถูกฟ้าผ่า เธอถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “คุณ…คุณเห็นเหตุการณ์นั้นด้วยตาคุณเองรึเปล่า?”
เดซี่ชี้ไปที่เสาไฟใกล้ ๆ "ก็แน่สิ ฉันเห็นพวกเขาทำบัดสีบัดเถลิงโดยไม่แคร์สายตาใครอยู่ตรงนู้นน่ะ งามหน้าซะไม่มีอ่ะ”
“อาจเป็นลูกชายฉนก็ได้” แอนนาไม่เชื่อเธอ เพราะเธอเชื่อว่าเบียงก้าเป็นคนดี
“ลูกสะใภ้ของคุณย่อมรู้ดีว่าเป็นลูกชายของคุณรึเปล่า” เดซี่มั่นใจว่าชายคนนั้นแอบมาหาเธอ เพราะคงจะไม่มีคู่แต่งงานที่ไหนประพฤติตัวเช่นนั้น เธอเสริมต่อว่า “ผู้ชายสูงเกิน 190 เซนติเมตร สวมสูทกับรองเท้าหนัง แม้แต่ฉันยังบอกได้ว่าเขาเป็นคนร่ำรวย เขาจะต้องเป็นเสี่ยเลี้ยงของเธอแน่เลยแหละ!”
ตุ๊บ!
ขวดในมือของแอนนาตกลงบนพื้นทันที
…
เบียงก้าตื่นนอนตอนเวลาสิบโมงแล้ว
คอของเธอแห้งจนรู้สึกระคายเคือง เธอรินน้ำใส่แก้วและดื่มจนหมด จากนั้นเธอก็มองดูข้อความในวีแชท ตอนนั้นเองที่เธอรู้ว่าแม่ของฌองกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่เพื่อเยี่ยมไข้เธอ
จากนั้น เธอก็ดูเวลาที่ฌองส่งข้อความมา เป็นเวลาประมาณเจ็ดโมงเช้า
ทว่าตอนนี้ก็สิบโมงกว่าแล้ว
ดังนั้นแอนนาน่าจะมาถึงตั้งนานแล้ว
เบียงก้ากังวลว่าแม่ของฌองอาจจะลงรถผิดสถานี เธอจึงโทรหาแอนนาเพื่อถามว่าต้องการให้เธอไปรับที่ไหน
“ขออภัย หมายเลขที่คุณเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้” เธอกดโทรออกและรอสายอยู่นาน แต่เธอก็ยังคงได้ยินเสียงของระบบอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก